ตอนที่ 398 จิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง (2)
อู๋ขุยซานไม่พูดมากอีก รวบรวมพลังจิตใจอย่างไม่ขาดสายส่งเข้าไปในกรวย
ภายในห้องฝึกวิชา พลังฟ้าดินจำนวนมากถูกดูดกลืนไม่หยุดหย่อน สะพานฟ้าดินที่เจิดจ้าค่อยๆ เลือนรางไร้แสง รอยแตกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจอะไรแล้วเช่นกัน ฝืนดูดกลืนพลังต่อ
ภายในสะพานฟ้าดิน พลังสองสายที่พยายามบีบอัดในสะพานฟ้าดิน ค่อยๆ เริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่ง
แต่การหลอมรวมนี้ ราวกับน้ำและน้ำมัน แม้จะปะปนกันก็ยังอยู่ในสภาวะแบ่งแยกอย่างชัดเจน
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงขมวดคิ้วอีกครั้ง เอ่ยเสียงดังว่า “ลองระเบิดพลังจิตใจสิครับ!”
‘ปัง!’
อู๋ขุยซานเตะเขาตัวลอยทันที ใบหน้าเผยความกราดเกรี้ยว เธอจะหลอกให้อาจารย์ตัวเองตายจริงๆ หรือไง?
ตาเฒ่าหลี่อดด่าไม่ได้เหมือนกัน “หุบปาก!”
ตัวเองระเบิดพลังจิตใจได้ คิดว่าคนอื่นเหมือนเธอหมดหรือไง จะได้ตายกันจริงๆ น่ะสิ
ทว่าช้าไปแล้ว!
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว ในเมื่อไม่สามารถทะลวงด่านได้ งั้นตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า!
สิ้นเสียงของฟางผิง เสียงคำรามเบาๆ ก็ดังขึ้น!
‘แกร๊ก…’
เสียงปริแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน สะพานฟ้าดินครึ่งเล็กๆ พังไปทันที!
ครึ่งใหญ่ที่เหลือ พลังจิตใจถูกดึงออกมาระเบิด ครั้งนี้…พลังปราณหลอมรวมแล้วจริงๆ
แต่หลู่เฟิ่งโหรวก็กลายเป็นมนุษย์เลือดไปแล้วเช่นกัน เจ็ดทวารมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ร่างกายไหวเอนเล็กน้อย
ตอนนี้ฟางผิงวิ่งกลับมาแล้ว เห็นแบบนั้นก็ตะโกนว่า “หลอมรวมแล้ว! รีบซ่อมแซมเร็วเข้า!”
ตอนนี้น้ำแร่แห่งชีวิตที่เทลงไปเมื่อครู่ยังไม่ทันดูดกลืนสำเร็จ จึงถูกพลังฟ้าดินแยกไปอีกฝั่ง
หลู่เฟิ่งโหรวมึนหัวอยู่บ้าง ไม่ได้สนใจมากมายขนาดนั้น สั่นสะเทือนพลังฟ้าดินรอบๆ ออกไป เริ่มดูดกลืนพลังงานแห่งชีวิต
สะพานแห่งชีวิตที่พังทลายเริ่มถูกซ่อมแซมเช่นกัน
อู๋ขุยซานและพวกตาเฒ่าหลี่เครียดจนเหงื่อชุ่มไปหมด ตาเฒ่าหลี่แทบหายใจไม่ทัน หันไปมองทางฟางผิง “เทน้ำแร่แห่งชีวิตต่ออีกนิด…”
“ไม่มีแล้วจริงๆ”
ฟางผิงเผยสีหน้าจนใจ มีอีกที่ไหนกัน
“ไม่พอ…เกรงว่าจะซ่อมแซมได้ไม่ดี”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วแน่น อู๋ขุยซานเผยสีหน้าเป็นกังวล หากซ่อมแซมได้ไม่ดี แม้จะเกิดการหลอมรวมอยู่บ้าง ไม่นานสะพานฟ้าดินก็จะพังทลายอยู่ดี
ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็กัดฟัน กลางฝ่ามือปริแตกทันที ปรากฏรอยแผลออกมา เลือดจำนวนมากเริ่มแทรกซึมลงไปในกรวย
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็ตระหนักอะไรได้ ถอนหายใจว่า “ก็ถูก คุณนับว่าเป็นมนุษย์พลังงานครึ่งหนึ่งเหมือนกัน…”
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเขา เวลานั้นเขาดูดกลืนน้ำแร่แห่งชีวิตเยอะเกินไป จนถึงตอนนี้ยังย่อยสลายไม่หมด
เวลานี้พลังปราณของเขาปะปนกับพลังงานแห่งชีวิตจำนวนมากเช่นกัน
ส่วนผลลัพธ์ ต้องแย่กว่าน้ำแร่แห่งชีวิตอย่างเดียวไปบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แย่มากมาย ยอดฝีมือกึ่งร่างทอง เดิมทีปราณก็แข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัด พลังฟื้นฟูมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
—
คล้อยหลังจากเลือดและพลังปราณจำนวนมากแทรกซึมลงไป สะพานฟ้าดินที่พังทลายก็ซ่อมแซมขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตาเฒ่าหลี่กลับรับไม่ไหวอยู่บ้าง ยังไงเขาก็ไม่ใช่ขั้นแปดจริงๆ
ในเวลานี้อู๋ขุยซานไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ผลักตาเฒ่าหลี่ออกไป ฝ่ามือเริ่มปริแตกเช่นกัน แสงสีทองบางส่วนแทรกซึมลงไปในกรวย
ตาเฒ่าหลี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย กดเสียงว่า “สสารไม่แตกดับ!”
ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด อันที่จริงภายในร่างกายมีสสารที่ไม่แตกดับจำนวนมาก นี่ก็เป็นการรับประกันความแข็งแกร่งของการฟื้นฟูร่างทองขั้นแปด
ตามตำนานแม้ร่างทองขั้นแปดจะถูกสังหาร หากสสารไม่แตกดับไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้น สสารไม่แตกดับพวกนี้ก็จะค่อยๆ แข็งแกร่ง ฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเอง
บางทีอาจจะสามารถคืนชีพอีกครั้งได้!
แน่นอนว่าเป็นแค่ตำนานเท่านั้น
เพราะเจ้าของสสารที่ไม่แตกดับตายแล้วก็ยากที่จะซ่อมแซมหรือรักษาความแข็งแกร่งต่อไปได้ ส่วนตกลงสามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้งได้หรือไม่ ทำได้แค่สันนิษฐานจากทฤษฎีเท่านั้น
บางทีอาจต้องใช้เวลาหลายร้อยหลายพันปี หรือกระทั่งมากกว่านั้น
หรืออาจจะไร้ทางคืนชีพอีกแล้ว
ยังไงตำนานก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้น
ตาเฒ่าหลี่ตะโกนออกมา ฟางผิงจึงอดมองไปไม่ได้ เห็นแค่แสงสีทองเลือนราง ไม่ได้รับรู้อะไรมากมายไปกว่านั้น
“สสารไม่แตกดับ?”
ฟางผิงพึมพำ ของสิ่งนี้ไม่แตกดับจริงๆ เหรอ?
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วว่า “เหล่าอู๋…นี่…”
สสารไม่แตกดับเป็นพื้นฐานของร่างทองขั้นแปด หากสูญเสียมากไป นอกจากยากจะฟื้นฟูแล้ว ยังทำให้ร่างทองเกิดความไม่สมบูรณ์ได้ง่าย
เหมือนกับอธิการเฒ่า ทำสงครามมาหลายปี สสารไม่แตกดับถูกทำลายมากเกินไป ดังนั้นจึงมีบาดแผลรุมเร้าอยู่ตลอด ฟื้นฟูยังเป็นเรื่องยาก
อู๋ขุยซานไม่ได้พูดอะไร คล้อยหลังจากสสารไม่แตกดับพรั่งพรูออกมา ใบหน้าก็ซีดขาวไปบ้าง
ภายในห้อง สะพานฟ้าดินของหลู่เฟิ่งโหรว เริ่มหลอมรวมใหม่อีกครั้งภายใต้พลังงานที่มากมายพวกนี้
หลังจากสสารไม่แตกดับถูกดูดกลืน…ครู่ต่อมา สะพานฟ้าดินของหลู่เฟิ่งโหรวก็เปล่งแสงสีทองบาดตา!
“หลอมรวม!”
เสียงตะโกนดังขึ้น ภายในห้องหลู่เฟิ่งโหรวเลือดท่วมตัว สะพานฟ้าดินนอกร่างกายกลับเปล่งแสงสีทองอร่าม ก่อนพลังฟ้าดินจะปรากฏขึ้นภายในสะพานฟ้าดิน!
‘เปรี้ยง!’
เสียงระเบิดดังขึ้น ห้องฝึกวิชาเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา
พลังจิตใจและพลังปราณของหลู่เฟิ่งโหรวปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ผ่านสะพานฟ้าดินอีกแล้ว แต่ปรากฏนอกร่างกาย หลังจากนั้นพลังสองสายก็หลอมรวมเป็นหนึ่งในชั่วพริบตา พลังฟ้าดินปรากฏขึ้นแทนที่พลังอื่นๆ
“สำเร็จแล้ว!”
ฟางผิงเผยสีหน้าดีใจ ยังสำเร็จได้จริงๆ ด้วย หลอมรวมแล้ว!
เห็นฉากนี้ทุกคนจึงโล่งใจ ตาเฒ่าหลี่ผลักอู๋ขุยซานออกไป หากเติมสสารไม่แตกดับเข้าไปอีก ร่างทองคงไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว
อู๋ขุยซานใบหน้าซีดเผือด ไม่ได้พูดอะไร มองไปภายในห้อง เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา
หลอมรวมแล้ว!
ซ่งอิ๋งจี๋ที่อยู่ด้านข้างเริ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน สำเร็จแล้ว ไม่ง่ายเลยจริงๆ
น้ำแร่แห่งชีวิต พลังฟ้าดิน สสารไม่แตกดับ…
ความยากของการหลอมพลังจิตใจและปราณของหลู่เฟิ่งโหรวทำให้คนเกือบหมดหวังแล้วจริงๆ
หากทุกคนเหมือนกับเธอ เกรงว่าปรมาจารย์ของมนุษย์คงมีแค่ไม่กี่คนแล้ว
มีที่ไหนสิ้นเปลืองน้ำแร่แห่งชีวิตมากขนาดนั้น มีที่ไหนยอดฝีมือขั้นแปดไม่สนใจแม้แต่ร่างกายของตัวเอง กระทั่งรากฐานของขั้นแปดยังถ่ายทอดออกไปข้างนอก
—
ภายในห้อง หลู่เฟิ่งโหรวลืมตาอีกครั้ง
เห็นสะพานฟ้าดินของตัวเองราวกับมีแสงสีทองเล็กน้อยก็ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุด
ชะงักไปเล็กน้อย หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่คิดจะรักษาบาดแผล สาวเท้าออกไปจากห้องฝึกวิชา
เห็นพวกคนที่อยู่ข้างนอก กวาดสายตามองทุกคนแล้ว สุดท้ายมองไปทางอู๋ขุยซานที่ยังหน้าซีดก็แค่นเสียงเบาๆ สาวเท้าเดินจากไป!
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย ละล่ำละลักว่า “อาจารย์ ลืมถามไป ตกลงคุณมีหุ้นในบริษัทยาบำรุงเท่าไหร่กัน?”
หลู่เฟิ่งโหรวหยุดฝีเท้าลง ครู่ต่อมาก็ไม่คิดลังเล เดินห่างออกไปในชั่วพริบตา
เจ้าเด็กเวรนี้ตกลงในหัวกำลังคิดอะไรอยู่?
ฟางผิงเห็นเธอจากไปอย่างเร่งรีบก็อดเอ่ยไม่ได้ “นี่นับเป็นเรื่องอะไรกัน บอกแล้วว่าจะใช้หุ้นแลกกับน้ำแร่แห่งชีวิต…”
สามคนที่เหลือทำเป็นไม่ได้ยิน อู๋ขุยซานและตาเฒ่าหลี่จากไปทันที
แม้ซ่งอิ๋งจี๋จะออกไปไหนไม่ได้ก็ไม่มองฟางผิงอีก กลับไปที่เคาน์เตอร์ของตัวเอง เริ่มเล่นเกมขึ้นมา
แน่นอนว่าในใจไม่ได้สงบขนาดนั้น
หลู่เฟิ่งโหรวยังไม่เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ แต่ตอนนี้พลังจิตใจและปราณหลอมรวมสำเร็จแล้ว จากความแข็งแกร่งพลังจิตใจของเธอ ไม่นานก็จะเป็นรูปธรรมแล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะมีปรมาจารย์เพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว!
ซ่งอิ๋งจี๋ไม่รู้ว่าในใจเป็นความรู้สึกดีใจหรือเสียใจ อธิการเฒ่าจากไปได้ไม่นาน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาสองคน พลังระดับสูงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว!
แต่ว่า…ทำไมยังมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ล่ะ?
ใช้หางตาแลมองฟางผิง ความกังวลน่าจะมาจากเจ้าเด็กนี้ มักรู้สึกว่าเขาไม่เอาถ่านยังไงไม่รู้ ตอนนี้อาจารย์ของเจ้าเด็กนี้ทะลวงด่านแล้ว ตาเฒ่าหลี่ยังหนุนหลังเขาอยู่อีกหนึ่งคน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงแล้วจริงๆ
“ห้าปรมาจารย์ใหญ่…”
พึมพำเบาๆ ในใจ หากถังเฟิงทะลวงด่านอีก นั่นก็เป็นหกปรมาจารย์ใหญ่แล้ว ล้ำหน้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มีห้าคน!
เมื่อวานฟางผิงบอกว่าปรมาจารย์จะทะลวงเป็นตัวเลขสองหลัก ทุกคนอาจไม่คิดว่าเป็นจริงเสมอไป
แต่ตอนนี้เกือบจะมีปรมาจารย์ถึงหกคนแล้ว
อีกสี่คน…ฟางผิง เจ้าเด็กนี้…บางทีอีกไม่นานน่าจะทำได้สินะ?
เหลืออีกสามคน คณบดีที่ขั้นหกสูงสุดพวกนั้นอาจมีหวังอยู่เช่นกัน หรืออาจจะเกิดยอดฝีมือในหมู่เด็กรุ่นใหม่?
ความคิดของซ่งอิ๋งจี๋ค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จมอยู่ในภวังค์