ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 821 ทำตัวดีๆ ผมเข้าใจน่า

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 821 ทำตัวดีๆ ผมเข้าใจน่า

รอยผนึกสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าผากของทารก คล้ายรูปทรงดอกไม้ แต่กลับเป็นดั่งปีศาจร้าย

“เฮ้ แกแปรพักตร์จากนรกเพียงเพื่อแก้แค้นเหรอ”

ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็รู้สึกว่าการโน้มน้าวผู้อื่นให้เลิกแก้แค้นเป็นเรื่องที่โง่เง่ามาก ตอนนั้นอันปู้ฉี่ลงมือเด็ดขาดเกินไป ต่อให้เป็นใครก็คงไม่ยอมเลิกราเพียงเพราะคำพูดโน้มน้าวไม่กี่ประโยคแน่ๆ อีกอย่างเถ้าแก่โจวก็ตระหนักถึงระดับทักษะการพูดของตัวเองได้เป็นอย่างดี

โจวเจ๋อหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ

เขากลัวความยุ่งยากจริงๆ ถ้าเป็นไปได้อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับวังวนนี้จะเป็นการดีที่สุด แต่จะให้เถ้าแก่โจวยอมแพ้เรื่องทนายอันก็เป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่อีกฝ่ายติดตามเขามา อันปู้ฉี่ก็นับว่ามีคุณงามความดีคอยปรนนิบัติและทำงานอย่างหนัก จะขายเขาเพื่อแลกกับความสงบเท่านั้น เรื่องนี้น่ะ เถ้าแก่โจวทำไม่ได้จริงๆ

ดังนั้น มันจะวิเศษสักแค่ไหนกัน ถ้าหากโลกสามารถกลับมาบริสุทธิ์เหมือนที่เด็กๆ ดูในรายการทีวี ถ้าไม่ใช่ ‘คนดี’ ก็เป็น ‘คนชั่ว’ สามารถระบุและแยกแยะทุกสิ่งได้อย่างง่ายๆ สบายๆ

สายตาของทารกกวาดมองโจวเจ๋อ และเอ่ยช้าๆ “ก่อนหน้านี้เจ้าคิดจะปล่อยข้า เช่นนั้นครั้งนี้ข้าก็สามารถไว้ชีวิตเจ้าได้”

“…” โจวเจ๋อ

เถ้าแก่โจวลังเลใจว่าตัวเองควรจะเอ่ยขอบคุณดีไหม แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ไม่ว่าจะดูยังไงแกก็คือเนื้อบนเขียงของฉันนี่นา

“เกิงเฉิน สมองเจ้าปกติอยู่ไหมเนี่ย” ทนายอันหัวเราะลั่น “นี่ๆๆ สรุปว่าใครโดนใครจับเป็นเชลยกันแน่”

“อ๊ากกกกกกก!!!!!!”

เสียงกรีดร้องเสียดแทงแก้วหูดังมาจากปากของทารก จากนั้นวงแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทารก กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่แผ่ลงมาจากวงแสงสีดำ

เขายังมีก๊อกสองด้วย!

อันปู้ฉี่ก็ร้องลั่น แต่เมื่อเทียบกับเสียงร้องของทารกเมื่อครู่ออกจะอ่อนไปถนัดตา รู้สึกเหมือนสุนัขคอร์กี้เผชิญหน้ากับโกลเด้นที่ถึงจะแพ้ก็พยายามให้ถึงที่สุด แต่ทนายอันก็ยังขยับไปทางด้านหลังเถ้าแก่ของเขาอย่างจริงใจ เวลานี้ แผ่นหลังของเถ้าแก่คือสวรรค์อันอบอุ่นที่แท้จริงของเขา

โจวเจ๋อยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทนายอันหุบปากได้แล้ว

เถ้าแก่โจวกังวลว่าหากทนายอันยังพล่ามเรื่องต่ำทรามของตัวเองต่อไปไม่หยุด เขาเองนี่แหละที่จะทนไม่ไหวอยากฆ่าทนายอันให้ตายก่อนโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายลงมือ

ในเวลาเดียวกัน เล็บของโจวเจ๋อเริ่มออกแรง แต่ดูเหมือนว่าพื้นผิวร่างกายของทารกมีเกราะกำบังปกป้องไว้อยู่ ทำให้เล็บของโจวเจ๋อไม่อาจแทงทะลุเข้าไปได้ เมื่อครู่นี้ไม่ทันสังเกตเห็นตรงจุดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่อีกฝ่ายจะมั่นใจขนาดนี้

เมื่อการเปลี่ยนแปลงยังคงเกิดขึ้นและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายแปลกประหลาดก็เริ่มใกล้เข้ามา!

“เกิงเฉิน เจ้านี่มัน…” ดวงตาของทนายอันพลันฉายแววหวาดกลัว

ทันทีที่พูดจบ เงาแสงดำทะมึนตกลงมาหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายทารก ตัวทารกไม่ได้ขยายออก แต่เป็นไปในทางตรงกันข้าม ตัวกลับหดเล็กลง และข้างกายของทารกได้มีโครงร่างผู้ชายโตเต็มวัยปรากฏขึ้น ราวกับใช้แปรงวาดจรดลงไป ทั้งกระดูก พื้นผิว รายละเอียด และอื่นๆ ทุกอย่างล้วนชัดเจนมาก

สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวครึ่งหลับครึ่งตื่นมีความกดดันน่าเกรงขามกำลังคืบคลานเข้ามา!

“อันปู้ฉี่ คิดไม่ถึงสินะ เรื่องที่เจ้าอยากจะทำแต่ทำไม่สำเร็จในตอนแรก ข้าทำสำเร็จแล้ว”

เสียงของเกิงเฉินราบเรียบมั่นคงดังเดิม แม้ว่าจะเป็นตอนนี้ เขาก็ยังไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นตัวร้าย แต่เหมือนตัวเอกที่เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมกำลังจะพลิกกระดานมากกว่า!

โจวเจ๋อถอยกลับไปอย่างเงียบๆ สีหน้าฉายแววจริงจังเล็กน้อย

ทนายอันถอยหลังตามโจวเจ๋อตามธรรมชาติ โชคดีที่เถ้าแก่แค่ถอยหลัง ไม่ใช่หายวับออกไป ไม่อย่างนั้นอันปู้ฉี่คงกลัวจนฉี่ราดจริงๆ

ร่างกายของเกิงเฉินยืดขยายออกช้าๆ กระทั่งคุณสามารถได้ยินเสียงข้อต่อและกระดูกดังเปรี๊ยะๆ ได้ในตอนนี้ แต่กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขาอย่างเป็นรูปธรรม

นี่น่าจะเป็นการถ่ายโอนพลังชนิดหนึ่ง คล้ายกับการยืมพลังจากสิ่งมีชีวิตสมัยโบราณผ่านการเชื่อมต่อบางอย่าง ซึ่งคล้ายกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในร่างแม่นางสวี่ แต่แค่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้ยืมพลังมาจากใคร

จงรู้ไว้ว่า สถานะของเขาคือผู้แปรพักตร์จากยมโลก บุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นเป็นใครถึงกล้าลุยลงไปในน้ำโคลนตมนี้

“เจ้าทำข้อตกลงกับพวกเขาไปแล้วจริงๆ หรือนี่ พวกเจ้าพาพวกเขาออกมาระหว่างการแปรพักตร์ครั้งนี้งั้นหรือ” จู่ๆ ทนายอันก็เข้าใจอะไรบางอย่าง จึงร้องอุทานด้วยความตกใจ “ให้ตายเถอะ เจ้ารู้ไหมว่าที่เจ้าทำเช่นนี้จะนำภัยพิบัติอะไรมาสู่โลกมนุษย์!”

ทารก (เกิงเฉิน) มองทนายอันที่อยู่ด้านหลังโจวเจ๋อคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พลางเอ่ยพูด “เจ้ากำลังเอ่ยถึงภัยพิบัติของโลกมนุษย์กับข้าอย่างนั้นหรือ”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าอันปู้ฉี่ต้องไปใส่ใจ

โจวเจ๋อ +1

“เถ้าแก่ ตอนนั้นเจ้าหมอนี่ถูกยมโลกลงโทษให้ไปเฝ้าประตูในสถานที่ที่ถูกผนึกที่แสนเหน็บหนาวทางสุดแดนตะวันตกของนรก แต่สภาพของเขาในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ายักยอกขโมยทรัพย์สินที่ตัวเองดูแลอยู่ เกิงเฉิน ในฐานะที่เป็นผู้เฝ้าดู แม้ว่าเจ้าจะไม่เห็นแก่คำสั่งของยมโลก แต่เจ้าก็ควรจะจำหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองได้ เจ้าทำถึงเพียงนี้ นั่นเป็นความผิดที่ร้ายแรงมหันต์!”

ทารกโบกมือปัดลง พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำ!

โจวเจ๋อยกมือเข้าขวาง เล็บทั้งสิบนิ้วรวมไปถึงอักขระบนตัวปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน สกัดกั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้จนสลายไปเกือบหมด แต่ร่างของโจวเจ๋อยังถูกซัดจนเริ่มไถลไปข้างหลัง หลังจากรอพลังคลายตัวจนได้ที่แล้ว โจวเจ๋อถึงลดแขนลง และถามทนายอันที่อยู่ด้านหลัง “นี่มันคืออะไรกันแน่”

“สิ่งที่ถูกผนึกไว้ในสถานที่แห่งนั้นคือ พวกยักษ์ที่ต่อสู้เพื่อครองอำนาจในนรกหลังจากที่คนผู้นั้นในตัวเถ้าแก่ล้มลง ก่อนที่ไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกจะพิชิตนรกได้ด้วยซ้ำ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสยบและปิดผนึกเหล่ายักษ์ที่ก่อความวุ่นวายเหล่านี้ แม้กระทั่งหลังจากเข้าสู่ยุคยมโลกของพญายมสิบตำหนักไปแล้วก็ตาม แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องของผนึกและผู้เฝ้าสถานที่แห่งนั้นไม่เคยหละหลวม มิน่าล่ะเจ้าบ้าเฝิงซื่อเอ๋อร์นั่นถึงได้บอกว่าเรื่องมันร้ายแรงขนาดนี้ ให้ตายเถอะ เท่ากับว่าคนพวกนี้ขโมยเก็บไว้กับตัวไม่พอ ยังพลอยนำ ‘ระเบิดนิวเคลียร์’ มาสู่โลกมนุษย์ด้วย!”

ทารกเดินไปด้านหน้าโจวเจ๋อ เสียงของเขาไม่อ้อแอ้อีกต่อไป ตรงกันข้ามกลับแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย เขาเอ่ยพูดว่า “ผู้จับกุมอย่างเจ้าออกไปได้ เฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าเกิดความสงสารข้าเมื่อครู่ ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเป็นการตอบแทน แต่อันปู้ฉี่ต้องตาย!”

“ให้ตายสิเจ้าหมอนี่ ตัวเจ้าเองทำผิดกฎ ฝ่าฝืนลักลอบนำวิญญาณภรรยาและลูกสาวของเจ้าลงนรก ข้าเปิดโปงเจ้า ข้าไม่เสียใจที่ได้ทำลงไป!

ต่อให้เฝิงซื่อเอ๋อร์จะทำลายวิญญาณภรรยาและลูกสาวของเจ้าในตอนแรก นั่นก็เพราะเรื่องดีที่เจ้าทำเอง เป็นเพราะเจ้าวิญญาณภรรยาและลูกสาวของเจ้าจึงแปดเปื้อนไปด้วยพลังชั่วร้ายจากนรกมากเกินไป บาปร้ายแรงเสียจนไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้! ทำได้เพียงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนเหมือนสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น!

เฝิงซื่อเอ๋อร์บอกว่าเป็นภรรยาและลูกสาวของเจ้าต่างหากที่อ้อนวอนให้เขาช่วยปลดปล่อยถึงได้ทำลายน่ะ พวกนางคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนแทบเท้าเฝิงซื่อเอ๋อร์เสียด้วยซ้ำ!

แม่งเอ๊ย ข้าวางแผนคิดร้ายกับเจ้าก็แค่วางแผนคิดร้ายกับเจ้าสิ แต่ข้าไม่มีเหตุผลและไม่ได้เบื่อถึงขั้นหลังจากคิดบัญชีกับเจ้าเสร็จแล้วค่อยไปทำลายภรรยาและลูกสาวของเจ้า”

ฝีเท้าก้าวเดินของทารกหยุดชะงัก ดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดและกำลังสับสนอยู่จริงๆ แต่เขายังคงยกมือขึ้นช้าๆ ที่ดูเหมือนเป็นแรงเฉื่อยอย่างหนึ่ง

ลมแกร่งดำทะมึนอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะอีกครั้งด้วยความเร็วสุดขีด

โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก ปราณพิฆาตของผีดิบบนร่างกายแผ่กระจายออกไป ฝืนก้าวไปข้างหน้าปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่แขนของเถ้าแก่โจวเองเริ่มสั่นสะท้าน เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขารู้สึกว่าหนักเกินกำลังบ้างแล้ว

“ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้จะมีความหมายอะไร” ทารกเอ่ยเสียงขรึม

“ความหมาย แน่นอนว่ามีความหมาย ตัวเจ้าเองไม่ทราบกฎของยมโลกหรือ!

หนึ่ง เจ้าคือคนที่ละเมิดกฎเกณฑ์ก่อน!

สอง ให้ตายเถอะ อย่าบอกว่าเจ้าไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดในดวงวิญญาณภรรยาและลูกสาวของเจ้าน่ะ ข้าวางแผนเล่นงานเจ้า แต่เจ้ายังหัวเด็ดตีนขาดยืนกรานว่าการแตกสลายของวิญญาณภรรยาและลูกสาวของเจ้าเป็นความผิดของข้า เพื่อกลบความผิดที่อยู่ในใจเจ้าเอง แต่ข้าดันไม่ยอมให้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการ!” ทนายอันโก่งคอตะโกน

ทารกไม่ยกมือขึ้นอีก แต่กลับหลับตาลงอย่างช้าๆ น้ำตาร้อนผ่าวเริ่มไหลรินจากหางตาของเขา เจตนาฆ่าแต่เดิมจู่ๆ ก็เริ่มหายไปในตอนนี้

ตอนนี้เในใจของเถ้าแก่โจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

แค่นี้ก็ไม่คิดจะฆ่าแล้วจริงๆ เหรอ

ค้นพบมโนธรรมแล้วเหรอ

เริ่มกลับตัวกลับใจเองแล้วเหรอ

บางทีอาจจะเห็นการหลอกลวงกันไปมาจนชินตา คุ้นเคยและคุ้นชินกับกฎแห่งป่า ‘ผีกินผี’ แห่งนรกจนเกินไปจริงๆ พอจู่ๆ ได้มาเจอกับสุภาพบุรุษประเภทนี้ เถ้าแก่โจวยังปรับตัวให้ชินไม่ได้จริงๆ

ขณะเดียวกันก็อดวิจารณ์ในใจไม่ได้ ‘พี่ชาย นิสัยอย่างพี่ ถูกทนายอันคิดร้ายและทำให้ติดกับได้ในตอนแรก ก็สมควรแล้ว ไม่เล่นงานพี่จะให้ไปเล่นงานใคร’

ทนายอันโผล่หัวออกมาจากทางด้านหลังโจวเจ๋ออีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางหยุดนิ่งของทารก เขาก็ถอนหายใจโล่งอก และพูดขึ้น “เรื่องในตอนนั้นเป็นข้าเองที่ทำผิดต่อเจ้า ข้าขอโทษเจ้าที่วางแผนคิดร้ายกับตำแหน่งของเจ้า แต่ครั้งนี้ที่พวกเจ้าแปรพักตร์ขึ้นมาคงไม่ใช่เพียงเพื่อแก้แค้นข้าหรอกใช่ไหม นั่นปะไร พวกเราต่างคนต่างอยู่จะได้ไหม”

ทารกลืมตา จ้องมองทนายอันด้วยดวงตาสีแดงฉาน และไม่เอ่ยพูดอะไร

“เอาเช่นนี้แล้วกัน รอให้ข้าได้ตำแหน่งและพลังอันแข็งแกร่งของตัวเองกลับคืนมาวันไหน พวกเราค่อยมาสู้กันตัดสินความเป็นความตายดีไหม สภาพข้าในตอนนี้ ต่อให้เจ้าฆ่าข้าไปเจ้าก็ไม่สาแก่ใจถูกไหม”

ทารกกางมือออก รอยผนึกระหว่างคิ้วก็จางหายไป ขณะเดียวกัน วงแสงสีดำเหนือศีรษะของเขาก็ค่อยๆ หดตัวลง กลิ่นอายอื่นๆ บนร่างกายและโครงร่างของเงาร่างนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป เขาเก็บมือ ขณะเดียวกันเขาก็ตกอยู่ในความโดดเดี่ยวเงียบเหงาเช่นกัน

ในที่สุดทนายอันก็รู้สึกโล่งใจ และกระซิบกับโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงชอบเป็นเพื่อนกับคนซื่อ”

โจวเจ๋อพูดไม่ออกเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ยังรู้สึกว่ามันไม่จริง แค่นี้ก็ไม่สู้ต่อแล้วเหรอ

“อันปู้ฉี่ ข้าจะรอวันที่เจ้ากลับคืนตำแหน่ง ข้าจะไม่ยืมพลังของเขาออกมาจัดการกับเจ้า…” ทารกยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามอันเย็นชาออกมาจากความว่างเปล่า

“ข้าได้กลิ่นเลือด เลือดสดๆ เยอะแยะมากมาย นี่มาถึงโลกมนุษย์แล้วหรือ ถึงเมืองมนุษย์แล้วใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว! หิว หิวจัง ข้าหิวแล้วจริงๆ!!!!!!!”

ทารกเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ และเผยสีหน้าตื่นตะลึง

วงแสงที่เพิ่งถูกเขาหดให้เล็กลงเท่ากำปั้นและกำลังจะหายวับไปในไม่ช้า เวลานี้จู่ๆ มันก็แผ่ขยายเป็นวงกว้างมากกว่าเดิมหลายเท่า จากนั้นแขนที่มีขนยาวปุกปุยข้างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากวงแสง

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ ก็มีความตื่นเต้นอันแรงกล้าปะทุออกมาจากในร่างกายของโจวเจ๋อ

‘สุนัข…เฝ้า…บ้าน…’

‘หือ’

‘ข้า…ก็…หิว…แล้ว…’

โจวเจ๋อเอื้อมมือไปตบหน้าอก และพูดอย่างช่วยไม่ได้ ‘ทำตัวดีๆ ผมเข้าใจน่า’

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท