ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 451 เซอปี่ซือและฝันร้ายไร้กำเนิด

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 451 เซอปี่ซือและฝันร้ายไร้กำเนิด

……….

สวี่ชิงพยักหน้า ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก หลังจากกวาดตามองนายกอง เขาก็เริ่มสำรวจรอบๆ

ในส่วนลึกและพื้นที่รอบนอกเซียนแท้สิบลำไส้ นอกจากเส้นเขตแดนที่สามสิบหกนครรัฐวาดเอาไว้บนพื้นเส้นนั้น ยังมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจนมากๆ อีกสองสามอย่าง

อย่างแรกคือ ป่าในส่วนลึกยิ่งหนาแน่น รกพันหนาทึบอยู่ด้วยกัน อยู่ในความมืดราวภูตผีปีศาจร้าย เต็มไปด้วยความน่าขนลุก ยังได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแว่วๆ มาเป็นบางครั้งด้วย แปลกประหลาดยิ่งนัก

อย่างที่สองคือ ผลมรรคามีจำนวนมากกว่า ดวงตานับไม่ถ้วนไม่ได้ลืมอยู่ตลอด แต่กะพริบไม่หยุด อีกทั้งยังกลอกไปมา เปลี่ยนทิศทางมอง

อย่างที่สามก็คือพื้นในส่วนลึกไม่มีใบไม้แห้งเลย ไม่มีกิ่งไม้ที่ร่วงสักกิ่ง

พื้นที่นี่สะอาดสะอ้าน มีเพียงแค่ดินเท่านั้น

สวี่ชิงดึงสายตากลับมา รอเมื่อองครักษ์ตรวจสอบข้างหน้าแล้วถึงได้เดินไปข้างหน้าภายใต้การคุ้มครองจากหลินหย่วนตง

จากการเดินเข้าไป ดวงตาที่อยู่บนต้นไม้คอยสำรวจรอบๆ ไม่หยุด สายตาค่อยๆ เปลี่ยนไป สุดท้ายก็กลอกมาจ้องคนทั้งหลายเขม็ง

เจตนาชั่วร้ายเป็นกลุ่มๆ แผ่ออกมาจากในดวงตาเหล่านี้ ผสานไปในจิตใจของคนทั้งหลายตามสายตา

ฝีเท้าของคนทั้งหลายหยุดชะงัก นอกจากจะระมัดระวังขึ้นแล้วต่างแผ่พลังบำเพ็ญของตัวเอง รออยู่ครู่หนึ่งไม่เห็นว่าดวงตาพวกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร จึงเดินไปข้างหน้าต่อ

และผลมรรคาในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้นั้นไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ พวกมันเมื่อสัมผัสโดนเข้าก็มักจะกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น

ส่วนอันตราย พวกเขาที่เดินไปในส่วนลึกก็พบบ้างแล้วเช่นกัน แต่ว่าด้วยพลังบำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณของโจวสิงอูและเจ้ารัฐยอดฟ้ามีประโยชน์ที่นี่อย่างมหาศาล รวมกับองครักษ์ชุดดำพวกนั้น ดังนั้นตลอดทางมาสวี่ชิงล้วนเจอเรื่องน่าตกใจแต่ไร้อันตราย

จวบจนหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม จากการที่พวกเขาเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ องครักษ์ที่สำรวจทางข้างหน้าก็พลันมีคนหนึ่งส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

ร่างของเขาถูกเงาดำทางหนึ่งพันรัดดึงขึ้นฟ้า แขวนห้อยศีรษะกลางอากาศ ยังไม่ทันที่คนอื่นจะลงมือช่วย องครักษ์ชุดดำตนนี้ ภายใต้เลือดมหาศาลที่สาดลงมา ทั้งทั้งร่างก็เหี่ยวแห้งไปด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

ยิ่งมีก้อนขนาดเท่าไข่ไก่แต่ละก้อนๆ งอกออกมาจากร่างกาย มากมายมหาศาลถึงหลายสิบลูก สุดท้ายก็แตกออกทั้งหมด จากน้ำเหลืองที่ไหลออกมา ก็เผยให้เห็นดวงตาเหี้ยมเกรียมแต่ละข้างๆ มองมายังคนทั้งหลาย

ทุกอย่างนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนที่นี่สีหน้าเคร่งเครียด และหลังจากที่เห็นศพแห้งร่างนี้ ในป่าหนาทึบก็มีซากร่างมากมายถูกแขวนเช่นกัน!

จำนวนมากมายมหาศาลไม่น้อยกว่าหลายหมื่น ทุกที่ที่สายตากวาดเห็นล้วนเป็นศพ

กิ่งไม้แทบจะทุกกิ่งล้วนมีศพแห้ง กระทั่งว่ามีบางร่างที่ติดอยู่ด้วยกัน ดูแล้วสยดสยองน่าขนลุกนัก

ศพแห้งพวกนี้ล้วนเน่าสลายแห้งไป เสื้อผ้าบนร่างก็ขาดวิ่น เหลืออยู่ไม่มาก

แต่ที่หลงเหลือก็พอมองเห็นว่าเสื้อผ้าค่อนข้างหลากหลาย กระทั่งว่าเผ่าพันธุ์ก็แตกต่างกัน

นอกจากนี้แล้วบนศพเหล่านี้ยังเต็มไปด้วยก้อนขนาดไข่ไก่มากมาย บ้างมีหลายสิบ บ้างหลายร้อย ในยามที่ลมพัดมาต้นไม้ไหวโอนเอน ก็ทำให้ศพจำนวนนับไม่ถ้วนแกว่งไปมาตามไปด้วย

เสี้ยวขณะต่อมา ก้อนบนศพบางร่างที่แกว่งไปมาก็แตกออก ท่ามกลางน้ำเหลืองที่ไหลย้อยก็เผยให้เห็นดวงตาเหี้ยมเกรียม แฝงด้วยจิตคิดร้ายเข้มข้น มองมายังทุกคนที่นี่

แล้วมีศพบางร่างขณะที่แกว่งไปมาก็เหมือนผลมรรคาที่สุกงอม ร่วงหล่นมาจากต้นไม้มาบนพื้น

ไม่นานนักจากศพแต่ละร่างๆ ที่ร่วงลงมา ทั่วทุกหนแห่งล้วนเป็นศพ

เจ้ารัฐยอดฟ้าหน้าเปลี่ยนสี ภาพนี้ไม่เคยปรากฏในบันทึกของสามสิบหกนครรัฐ

‘เซียนแท้สิบลำไส้ครั้งนี้ไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย’ รูม่านตาเจ้ารัฐยอดฟ้าหดเล็ก กวาดตามองสวี่ชิงที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็วผาดหนึ่ง แล้วมองไปทางองครักษ์เหล่านั้น แต่ไม่ได้เอ่ยปากบอก

สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ร่างถอยหลังไปหลายก้าว และในตอนนี้เอง ศพที่ร่วงลงมาศพหนึ่งก็พลันขยับ

ศีรษะของมันหมุนอย่างเครื่องจักร ขณะที่หันเป็นจังหวะๆ คอก็หมุนรอบหนึ่ง ดวงตามากมายเต็มใบหน้ามองมาทางพวกสวี่ชิง จากนั้นก็พุ่งมาราวสัตว์ป่า ห้อตะบึงมายังคนทั้งหลาย

มีองครักษ์ชุดดำที่อยู่ข้างหน้าลงมือฟันศพที่กระโจนมานี้เป็นสองท่อนในพริบตา

แต่ในตอนนี้เอง ศพบนพื้นก็มีอีกหลายสิบร่างที่ขยับ จากนั้นก็เป็นหลายร้อย เพียงพริบตาศพทั้งหมดที่อยู่บนพื้นก็กระโดดขึ้นมา ปากส่งเสียงคำรามไร้เสียง กระโจนไปหาคนทั้งหลายอย่างบ้าคลั่ง

ลมพัดในเสี้ยวขณะนี้อีกครั้ง ศพบนกิ่งไม้ก็มีไม่น้อยที่แกว่งไกว ดิ้นรนหลุดลงมา ส่งเสียงคำรามแปลกประหลาด พุ่งสังหารมายังคนทั้งหลาย

โจวสิงอูสีหน้าเคร่งเครียด ขณะสะบัดมือศพมหาศาลข้างหน้าก็แหลกสลาย องครักษ์ชุดดำทั้งหมดตอนนี้ก็ต่างลงมือต้านทาน เสียงระเบิด ระลอกคลื่นวิชาเวท ดังก้องไปทั่งทุกทิศทันที

สวี่ชิงไม่ได้ลงมือ เขามองภาพทุกอย่างอย่างเฉยชา ส่วนนายกองที่อยู่ข้างเขาหรี่ตา

แต่ว่าอันตรายที่นี่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ไม่นานนักในส่วนลึกของป่า ก็มีศพที่มากขึ้นกว่าเดิมวิ่งปรากฏตัวออกมา

กระทั่งว่าในนั้นยังมีร่างเหี้ยมเกรียมที่เกิดจากศพมากมายผสานเข้าด้วยกัน แผ่กำลังรบที่เทียบเท่าระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ออกมา กระโดดอยู่ในนั้นด้วย

ศพประเภทที่ผสานกันมีจำนวนไม่น้อย

ที่นี่วุ่นวายปั่นป่วนไปในทันที

ไม่นานนัก ในส่วนลึกของป่าก็มีเสียงคำรามสั่นสะท้านจิตใจดังมา เพียงพริบตาก็มีเงาศพหลายสิบศพปรากฏขึ้น ทั้งร่างแผ่ระลอกคลื่นพลังระดับปราณก่อกำเนิด

จากแรงสั่นสะเทือนบนพื้น ในที่ไกลกระทั่งว่ามีอสูรยักษ์ที่เกิดจากศพหลายร้อยรวมตัวกันตนหนึ่งปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นพลังที่เทียบเท่ากับระดับสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้คนทั้งหลายสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล

สิ่งที่ทำให้คนจิตใจสั่นสะท้านคือ ศพระดับสมบัติวิญญาณประเภทนี้ไม่ได้มีแค่ตนเดียว แต่มีหลายตน

ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงหวาดวิตก ถอยไปอย่างรวดเร็ว

นายกองกลับดวงตาฉายประกายประหลาด ส่งกระแสจิตหาสวี่ชิง

‘มีเคราะห์เซอปี่ซือ[1]ปรากฏขึ้นจริงจริงๆ ด้วย อาชิงน้อย วาสนาน่าตื่นตะลึงที่ข้าบอกกับเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้ ครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่นอน!’

‘ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเคยมาที่นี่หรือ’ สวี่ชิงส่งกระแสจิต

“ชาตินี้ไม่เคยมา” นายกองเงยหน้าไปทางสิบลำไส้ที่สูงเสียดฟ้าที่ไกล พึมพำเสียงต่ำ

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด กำลังจะถามต่อ จู่ๆ นายกองก็หน้าเปลี่ยนสี คว้าหนิงเหยียนที่กำลังมองศพพวกนั้นอย่างหวาดกลัวเอาไว้ ร่างพุ่งทะยานไปที่ไกลอย่างเร็วรี่ ส่งกระแสจิตอย่างรวดเร็ว

‘อาชิงน้อย ตามข้ามา!’

สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มือขวายกขึ้นคว้าชิงชิวเอาไว้ ท่ามกลางจิตใจที่สั่นสะท้านของชิงชิว สวี่ชิงก็จับไหล่นาง แล้วไล่ตามนายกองไป

ในขณะที่ทั้งสี่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โจวสิงอูที่กำลังโรมรันสังหารกับศพพวกนั้นก็พลันหันมา เมื่อเห็นเงาแผ่นหลังของพวกสวี่ชิงจากไป ก็กำลังจะไล่ตามไป

แต่ในตอนนี้เองเจ้ารัฐยอดฟ้าที่กำลังสู้กับศพระดับสมบัติวิญญาณสองตนก็กระอักเลือด ทำท่าเหมือนสู้ไม่ได้ ถอยหลังมา

และเมื่อไม่มีการต้านทานจากเขา ศพสองร่างนั้นก็พุ่งไปหาโจวสิงอู

ขณะเดียวกัน เจ้ารัฐยอดฟ้าคนนี้ก็ลงมือทันที ทำการขัดขวางโจวสิงอู

โจวสิงอูหน้าเปลี่ยนสี จำต้องเลิกตาม ในขณะที่หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ก็มองไปทางเจ้ารัฐยอดฟ้าด้วยสีหน้าย่ำแย่

“ใต้เท้าโจว ขอโทษด้วย บุตรเทวะมีเรื่องเผ่าฟ้าทมิฬเป็นการส่วนตัวที่ต้องจัดการ พวกเราไม่สะดวกที่จะตามไป อย่าได้ฝืนเลย” เจ้ารัฐยอดฟ้าเอ่ยราบเรียบ

“เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขาเป็นเผ่าฟ้าทมิฬจริงๆ รีบร้อนเช่นนี้ ทั้งยังไม่ให้พวกเราติดตาม ในนี้จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!” โจวสิงอูสีหน้าเคร่งเครียด

“เช่นนั้นใต้เท้าโจว ท่านมั่นใจหรือว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าฟ้าทมิฬจริงๆ” เจ้ารัฐยอดฟ้าพูดอย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า

“อีกทั้งในราชโองการที่ท่านรับมาก็ไม่ได้รวมถึงสืบเรื่องจริงเท็จ ทุกอย่างล้วนมีเบื้องบนตัดสิน ใยท่านต้องเอาตัวไปรับปัญหาด้วยเล่า”

โจวสิงอูไม่พูดอะไรอีก เขาย่อมเข้าใจในหลักเหตุผล อีกทั้งสิ่งที่เขาต้องการความจริงแล้วก็คือคำพูดขัดขวางของอีกฝ่าย เช่นนี้แล้วต่อให้เกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เขาก็มีข้อแก้ต่าง

ขณะเดียวกัน อาศัยโอกาสที่องครักษ์ชุดดำดึงดูดความสนใจศพ พวกสวี่ชิงทั้งสี่คนก็พุ่งทะยานไปในป่าอย่างรวดเร็ว นายกองนำทางอยู่ข้างหน้า ความเร็วปะทุขึ้นทุกด้าน หิ้วหนิงเหยี่ยนที่ตัวสันสะท้านหวาดกลัวไปด้วย กระโดดขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา

หนิงเหยียนจะร้องไห้แล้ว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไมจนถึงตอนนี้ยังหิ้วตัวเองด้วย นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หวังดีอะไร จะต้องเอาตนมาทำอะไรแน่นอน

คนที่คิดอย่างเดียวกันยังมีชิงชิว

นางถูกสวี่ชิงหิ้ว ตามติดอยู่ข้างหลังนายกอง กระโดดอย่างเร็วรี่พุ่งทะลวงเคลื่อนไปข้างหน้า

ชิงชิวโศกเศร้า มีใจคิดจะดิ้นรน แต่ก็รู้ว่าทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้

และเหตุการณ์ทั้งหมดสวี่ชิงไม่พูดอะไรเลย ขณะที่ระมัดระวังรอบด้าน ประเดี๋ยวๆ ก็สำรวจนายกอง

เขาไม่ได้ถามสาเหตุรายละเอียดกับนายกองต่อ

สวี่ชิงรู้สึกว่า ในเมื่อตัวเองเลือกจะเชื่อศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องซักไซ้ไล่เลี้ยงเดี๋ยวนั้นเลย

โดยเฉพาะประโยคนั้นของนายกองก่อนหน้านี้ ก็คลายความสงสัยของเขาไปแล้วส่วนหนึ่ง

‘ชาตินี้ไม่เคยมา ไม่ได้หมายความว่าชาติก่อนๆ ไม่เคยมา…’ สวี่ชิงพึมพำในใจ ร่างไหววูบหลบหลีกกิ่งไม้ข้างหน้า เคลื่อนไปข้างหน้าในป่ากับนายกอง ใกล้ส่วนลึกเข้ามาเรื่อยๆ

ขณะเดียวกันเขาก็มองออกว่าเส้นทางที่นายกองนำไม่ใช่เส้นตรง แต่อ้อมไปอ้อมมาในพื้นที่แห่งนี้ เหมือนว่ากำลังหาอะไร

‘ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านกำลังหาอะไร’ สวี่ชิงส่งกระแสจิตถาม

ลมหายใจของนายกองหอบถี่อย่างเห็นได้ชัด ประกายแสงในดวงตาแรงกล้า สิ่งที่ฉายออกมาไม่ใช่ความบ้าคลั่ง แต่เป็นความปรารถนาที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ข้ากำลังตามหาฝันร้ายไร้กำเนิด ทำไมยังไม่ออกมาอีก น่าจะไม่ผิด เป็นเคราะห์เซอปี่ซือก่อน จากนั้นก็น่าจะเป็นเคราะห์ฝันร้ายไร้กำเนิด…”

ในเสี้ยวพริบตาที่นายกองตอบกลับ จู่ๆ จากที่ไกลๆ ก็มีเสียงดังมา

ป๊อก!

ป๊อกๆ!

ป๊อกๆๆ!

เสียงนี้ดึงความสนใจของพวกเขาสองคนทันที ในเสี้ยวพริบตาที่มองไป บนต้นไม้ต้นใหญ่ในที่ไกลต้นนั้น มีนกตัวใหญ่สูงสามฉื่อ[2]ตัวหนึ่ง นกยักษ์ตัวนี้ทั่วทั้งตัวไม่มีขน ขณะที่ร่างโล้นเลี่ยน บางส่วนก็เลือดเนื้อแหลกเละ เลือดสดๆ หยดย้อย

ตาของมันบอด มีเพียงแค่หลุมดำสองหลุม ร่างขยับเป็นจังหวะๆ กำลังเจาะไม้

และพื้นที่ที่มันอยู่บริเวณนี้ทำให้คนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง หากเปรียบเทียบว่าพื้นที่แถบนี้ก็เป็นภาพวาดภาพหนึ่ง เช่นนั้น บนภาพวาดภาพนี้ก็มีรูจำนวนมหาศาล

ซ้ายรูขวารู หายไปหลายส่วน ดูแล้วเป็นรูพรุนราวรังผึ้ง

ในขณะที่ภาพแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในสายตาพวกสวี่ชิง เสียงเจาะไม้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง เขาสังเกตว่า เสียงเจาะไม้ที่ดังมาจากนกตัวนั้น ตอนนี้เป็นรูปธรรมขึ้นมาอย่างน่าประหลาด กลายเป็นอักขระดนตรีบิดเบี้ยวตัวหนึ่ง ลอยอยู่ข้างๆ

พื้นที่ที่ร่วงลงไปรางเลือนทันที คล้ายว่าถูกกัดกิน

พื้นดินก็ดี ต้นไม้ก็ดี ล้วนหายไปทันทีที่อักขระดนตรีสัมผัส กลายเป็นหลุมดำ

‘ที่นี่แหละ!’

นายกองมองทุกอย่าง เสียงฉายความตื่นเต้นยินดี เสียงนกหัวขวานยังคงส่งเสียงออกมาต่อไป ในเสี้ยวพริบตาที่อักขระดนตรีตัวใหม่เกิดขึ้นแล้วร่วงไปข้างๆ เขาก็ส่งสัญญาณให้สวี่ชิง จากนั้นก็หิ้วหนิงเหยียนพุ่งตรงไปยังอักขระดนตรีตัวนั้น

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก หิ้วชิงชิวพุ่งออกไปเช่นกัน

เพียงพริบตา พวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงกับอักขระดนตรี ในพริบตาที่สัมผัสมัน พลังของอักขระดนตรีก็ปะทุขึ้น เงาร่างของพวกเขาทั้งสี่พร้อมทั้งพื้นที่รอบๆ สามฉื่อ ส่งเสียงดังบึ้มขึ้นแล้วหายไป กลายเป็นหลุมดำ

นกหัวขวานบนต้นไม้ยังคงเจาะไม้ต่อไป เสียงดังออกมาไม่ขาดสาย

พื้นที่ทั้งหมดรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไปอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายหลังจากที่หายไปจนหมด นกหัวขวานตัวนี้ก็เงยหน้า ปีกที่ไร้ขนกระพือ ตัวก็บินขึ้น ไปยังอีกทิศทางหนึ่งท่ามกลางเสียงนกร้องไม่น่าฟังเป็นระลอกๆ

ไม่นานนัก มันก็หาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอีกครั้ง ยืนอยู่บนกิ่งไม้ เจาะไม้ต่อไป อักขระดนตรีเกิดขึ้นอีกครั้ง รอบๆ หายไปอีก วนซ้ำอยู่อย่างนั้น

ใต้ท้องฟ้าสีเลือด เทือกเขาสีม่วงแต่ละแนวๆ ทอดตัวสลับสอดประสาน บนท้องฟ้าไม่มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ต้นกำเนิดแสงแผ่มาจากแผ่นดินสีแดงหม่น สะท้อนไปยังท้องฟ้า

นี่เป็นสถานที่ที่สวี่ชิงปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่อักขระดนตรีสัมผัส

รอบๆ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าใบๆ ทั้งสิ้น และไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดินหรือเทือกเขา ก็ล้วนแต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากดินหรือหินผา เหยียบอยู่บนนั้นในความอ่อนนุ่มมีความแข็ง ทำให้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อชุ่มเลือด

ท่ามกลางแสงสีแดงที่แผ่ประกาย ชิงชิวลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย สังเกตรอบๆ เหมือนสวี่ชิง หนิงเหยียนทั้งตัวสั่นสะท้าน หลังจากคลำๆ ไปบนพื้น ก็ร้องโหยหวนออกมาทันที

“จบเห่แล้ว พวกเราถูกฝันร้ายของเผ่าเซียนพิบัติกลืนกิน ที่นี่ออกไปไม่ได้แล้ว…”

“หุบปาก!” นายกองปรายตามองหนิงเหยียน

หนิงเหยียนเก็บเสียงทันที ใบหน้าหมดอาลัยตายอยากเค้นแววประจบประแจงออกมา มองไปยังเผ่าฟ้าทมิฬที่น่ากลัวเบื้องหน้าตนนี้

[1] เซอปี่ซือ ปีศาจประเภทหนึ่งในคัมภีร์ซานไห่จิง(คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) มีหน้าคล้ายมนุษย์ ลำตัวเป็นสัตว์ มีหูเหมือนสุนัข บนหูมีงูเขียวพันอยู่ข้างละตัว

[2] 1 ฉื่อ = 0.33 เมตร

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท