ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 453 ตัวตนบุตรเทวะสั่นสะเทือนตำหนักเทพ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 453 ตัวตนบุตรเทวะสั่นสะเทือนตำหนักเทพ

……….

กินใบไม้เสร็จ จู่ๆ ชิงชิวก็เกิดความรู้สึกสงสัย มองไปทางสวี่ชิงกับนายกองอย่างหวาดระแวง

นางรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นเคยกับภาพนี้ และนึกถึงมือผีกับหมาบ้าขึ้นมา

ทว่าเมื่อระลึกย้อนท่าทีที่ปฏิบัติต่อตนของบุตรเทวะฟ้าทมิฬคนนั้น นางคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ อย่างไรมือผีกับตนก็ไม่ค่อยถูกชะตากันอยู่แล้ว เวลาที่ต้องลงมือเพื่อเอาชีวิตกันไม่มีทางใจอ่อนเป็นแน่

ขณะที่ชิงชิวครุ่นคิดในใจ สวี่ชิงเงยหน้ามองใบไม้บนต้นผาดหนึ่ง เลียริมฝีปากคิดจะเด็ดมาอีกใบ แต่การสั่นไหวของต้นสิบลำไส้ตอนนี้รุนแรงเกินไปจนกิ่งไม้บนท้องฟ้ากวัดแกว่ง โหมลมคลั่งพัดกวาดไปทั่ว

เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงทำได้แค่หยุดคิดอย่างเสียดาย

ส่วนนายกองเวลานี้ก็หันหน้ามองชิงชิวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเองก็อยากได้วาสนานี้เช่นกันหรือ ได้ เห็นแก่…เอ่อ อีกเดี๋ยวจะให้เจ้าสักวาสนาหนึ่งแล้วกัน” พูดพลาง นายกองก็โบกมือ นำเคียวยมทูตผีร้ายออกมา โยนให้ชิงชิว

ชิงชิวใจกระตุก หลังจากรับเอาไว้ก็สัมผัสได้ว่าในสมองมีเสียงคร่ำครวญของผีร้าย จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิงกับนายกอง

สวี่ชิงโบกมือขวา โยนถุงเก็บของให้ชิงชิว

ชิงชิวหายใจหอบถี่เล็กน้อย รับถุงเก็บของและรีบนำหน้ากากชิ้นใหม่ออกมาสวมบนหน้า ขณะที่จิตใจสงบลง ก็รู้สึกระแวงสงสัยตัวตนของสวี่ชิงและนายกองอีกครั้ง หลังจากที่สอบถามกับผีร้ายในใจก็ยังไร้คำตอบ นางจึงโพล่งขึ้นมา

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่!”

“บังอาจ กล้าพูดกับบุตรเทวะของข้าเช่นนี้หรือ” นายกองถลึงตา

สวี่ชิงจนใจ กระแอมไอเตือนนายกองว่าเลิกเล่นได้แล้ว

นายกองหัวเราะแห้ง ไม่พูดอะไรอีก แต่กระโจนขึ้นไปเบื้องหน้าต้นสิบลำไส้ หลังจากหันกลับมากวักมือเรียกสวี่ชิง ก็กระโจนขึ้นต่อไป

หนิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งไป ขณะเดียวกันดวงตาก็เกิดความสงสัย มองร่างเงาของนายกองกับสวี่ชิง จมจ่อมอยู่การใคร่ครวญ

แต่ไม่รอให้เขาต้องคิดนาน เถาวัลย์บนท้องก็ถูกกระชาก ร่างเคลื่อนตามนายกองไปอย่างไม่อาจควบคุม

ความโกรธเคืองพุ่งชนจนความสงสัยสลายไปทันที แผ่ไปในใจของหนิงเหยียน

สวี่ชิงสีหน้าปกติ เมื่อไหววูบก็พุ่งออกไป เหยียบย่างไปบนต้นสิบลำไส้ ทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

ชิงชิวกัดฟัน ติดตามไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่กลิ่นอายการตื่นขึ้นของต้นเซียนแท้สิบลำไส้รุนแรงขึ้นไม่หยุดเช่นนี้ ท่ามกลางการสะบัดอย่างรุนแรง ทั้งสี่คนพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงตามแนวกิ่งไม้นับร้อยจั้ง

ตำแหน่งนี้ ก้มหน้าก็มองเห็นผืนป่าบนพื้นดิน ทว่าระดับความสูงยังไม่สูงพอ จึงยังมองไม่เห็นชายขอบผืนป่า

ขณะที่กำลังพิจารณา จู่ๆ สวี่ชิงก็รู้สึกคันหลังมือ ขณะที่กวาดตาไปจู่ๆ ม่านตาก็หดลง

หลังมือขวาของเขาเวลานี้บวมขึ้นมาเป็นก้อน บนก้อนเนื้อมีรอยแยกปรากฏขึ้น แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงมองไป รอยแยกนี้ก็เปิดออกฉับพลัน

นั่นเป็นดวงตาดวงหนึ่ง!

สายตาแฝงแววลึกล้ำ ประสานสายตากับสวี่ชิง

ขณะเดียวกัน ตัวชิงชิวด้านหลังก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทำนองเดียวกัน แขนของนางมีดวงตางอกขึ้นมาแล้ว

นายกองก็เช่นกัน ระหว่างเส้นผมหลังกระหม่อม มีดวงตางอกออกมา

หนิงเหยียนดีกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งตัวก็ปรากฏก้อนบวม ราวกับอีกไม่นาน ก็จะกลายเป็นดวงตาด้วยเช่นกัน

“ไม่ผิดแล้ว มีเคราะห์เบิกเนตรตามคาด!”

นายกองหัวเราะลั่น ตอนหันหน้ามามองสวี่ชิง ดวงตาฉายแววคุ้มคลั่ง

“อาชิงน้อย วาสนาที่ศิษย์พี่ใหญ่บอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ ใกล้จะปรากฏแล้ว!”

ตอนที่ส่งกระแสจิต นายกองยกมือขึ้น กัดดวงตาที่งอกขึ้นมาใหม่บนแขนเสียงดังกร๊อบเข้าไปปาก เคี้ยวแล้วกลืนลงไป เดินหน้าต่อ

ภาพนี้ทำให้หนิงเหยียนรู้สึกไม่สบายใจมากๆ ราวกับนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีขึ้นมา ความโกรธแค้นเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

สวี่ชิงมองดวงตาบนหลังมือ พลังพิษต้องห้ามในร่างกายแผ่ซ่านออกมา เพียงพริบตาดวงตานั้นก็กลายเป็นสีดำ เน่าสลายก็บอดไป

จากนั้นเขาก็ยกมือซ้ายขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ กริชปรากฏออกมา แทงเนื้อที่เน่าสลาย

กริชปาดกรีด คว้านเนื้อชิ้นนั้นออกมา และเพื่อป้องกันเรื่องประหลาดยิ่งกว่าเกิดขึ้น จึงไม่ได้โยนทิ้ง แต่ใส่เข้าไปในถุงเก็บของ

ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงก็เดินหน้าต่อ ดวงตาก็งอกขึ้นมาบนตัวไม่หยุด และบอดไปอย่างต่อเนื่องด้วยยาลูกกลอนพิษ ถูกเขาคว้านออกมาทีละดวง

จำนวนดวงตาที่งอกและความเร็วค่อยๆ เพิ่มขึ้น ส่วนบาดแผลบนตัวเขาก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

สวี่ชิงขมวดคิ้ว สัมผัสถึงความเร็วกับจำนวนดวงตาที่งอกขึ้นมาเพิ่มมากขึ้นราวกับระเบิดปะทุ

ร่างมีก้อนเนื้อปรากฏขึ้นมาร้อยกว่าก้อนในพริบตา จากนั้นดวงตาแต่ละดวงก็ลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในช่วงเจ็ดแปดอึดใจ แขนขา หน้าอก หลังมือ ต้นคอกระทั่งบนใบหน้าของสวี่ชิง ก็มีดวงตาผุดงอกเต็มไปหมด

จากการที่ดวงตาปรากฏขึ้น ทะเลความรู้สึกของเขาก็โกลาหล มีวิญญาณประหลาดบางอย่างเพิ่มขึ้น วิญญาณเหล่านี้เหมือนกับตัวเขาไม่ผิดเพี้ยน ราวกับว่าเดิมทีก็เป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย

แต่อารมณ์ของพวกมันแตกต่างกันไป บ้างดุร้ายบ้างร้องไห้ บ้างหัวเราะลั่นบ้างโศกเศร้า บ้างเด็ดขาดบ้างขลาดเขลา

สัมผัสถึงวิญญาณเหล่านี้ในทะเลความรู้สึก สวี่ชิงก็หน้ามืดครึ้ม เขาพบว่าทุกครั้งที่มีดวงตาดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ทะเลความรู้สึกของตนก็เหมือนมีวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกดวง

วิญญาณเหล่านี้ไม่มีความสามารถในการยึดครองร่าง แฝงไว้ด้วยนิสัยที่ต่างกัน ราวกับมีบุคลิกเฉพาะตน คิดจะผสานเข้าไปในดวงวิญญาณของเขาเพื่อส่งผลกระทบ

หากพวกมันทำสำเร็จ สวี่ชิงก็จะกลายเป็นคนคุ้มคลั่งที่มีอุปนิสัยนับไม่ถ้วน

เวลานี้นายกองก็มีดวงตาผุดงอกขึ้นมาทั่วร่าง ชิงชิวก็เช่นกัน

มีเพียงหนิงเหยียนที่ยังดูปกติ บนตัวเขาไม่มีดวงตาใดๆ ผุดงอกขึ้นมาเลย มีแค่ก้อนเนื้อหลายก้อนโผล่ขึ้นมา แม้จะมีรอยแยกปรากฏ แต่ผิวหนังของเขาแข็งเกินไป ดวงตาไม่อาจลืมขึ้นมาได้

กระทั่งช่วงหลังๆ ก้อนเนื้อนับไม่ถ้วนก็เกิดการซ้อนทับกัน แต่ก็ยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ดวงตาไม่น้อยถูกบีบคั้นจนบอด สลายหายไปด้วยตัวเอง

หลังจากสัมผัสถึงความพิเศษของวิญญาณเหล่านี้ สวี่ชิงก็ไม่ลังเล เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกก็แผ่แรงกดดันออกมาในพริบตา สะกดวิญญาณเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้น

เคล็ดวิชาพรางมายาชองมรรคาของสวี่ชิง ขณะที่ช่วงชิงแก่นลมปราณของศัตรู เดิมก็สูดรับดวงวิญญาณความคิดต่างๆ ของศัตรูมาด้วย และประโยชน์ของเขาจักรพรรดิภูตก็คือการสะกดสิ่งเหล่านี้ไว้

ตอนนี้จากแสงที่เจิดจ้า ฉับพลันวิญญาณอุปนิสัยที่ปรากฏขึ้นทั้งหมดในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ก็สลายหายไปเป็นระลอก

การสลายหายไปของพวกมัน ก็มีผลดีไม่น้อยกับสวี่ชิง ทำให้ดวงวิญญาณของเขา ถูกบ่มเพาะจนแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

การค้นพบนี้ ทำให้ดวงตาทั่วร่างสวี่ชิงสว่างวาบ เขาจึงหยุดพิษสังหาร แต่ยอมให้ดวงตาเหล่านี้งอกขึ้น

วิธีการจัดการของคนอื่นแตกต่างกับสวี่ชิง แต่ต่างคนต่างก็ทำได้ยอดเยี่ยม

ตอนแรกนายกองใช้มือจับกิน แต่จากการเพิ่มขึ้นมหาศาลของดวงตา เขาไม่รู้ว่าจะใช้วิธีใด ทั่วร่างจึงมีปากขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนอ้ากว้าง แล้วคืบคลานไปทั้งร่าง กลืนกินไปทีละดวง

หนิงเหยียนเป็นปกติทุกอย่าง ก้อนเนื้อขนาดใหญ่บนร่างถูกตนข่มกลั้นไว้จนหายไปหมด เหมือนไม่มีวิญญาณอุปนิสัยเกิดขึ้น ทำให้นายกองรู้สึกสนใจมาก กระชากเถาวัลย์ในมือดึงหนิงเหยียนที่ตัวสั่นเทิ้มมาที่ข้างกาย เดินพลางศึกษาไปด้วย

ส่วนชิงชิว…นางไม่ได้จัด

อุปนิสัยสำหรับนางแล้วเป็นวาสนาครั้งใหญ่ เดิมขอบเขตเจตจำนงเลือดของนางก็ต้องการอุปนิสัยอยู่แล้ว เวลานี้ในดวงตากำลังเปล่งประกายประหลาด ลมหายใจหอบถี่ขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าได้รับประโยชน์มาอย่างน่าตกตะลึง

กระทั่งบนตัวนางยังค่อยๆ แผ่กลิ่นอายที่สวี่ชิงต้องตกตะลึงออกมา

ทว่าการผุดงอกขึ้นของดวงตายังคงมหาศาล หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ขณะที่พวกเขาเดินมาถึงระดับความสูงแปดร้อยกว่าจั้ง ดวงตาก็ไม่ผุดงอกขึ้นอีกแล้ว

สวี่ชิงเกิดเสียดาย วิถีพิษซ่านกำจาย กลายเป็นมนุษย์เลือดขึ้นในพริบตา

ดวงตานับร้อยเน่าสลาย กลายเป็นน้ำสีดำไหลลงมา

ตอนนี้เอง นายกองที่เดินอยู่หน้าสุดก็หยุดฝีเท้า

เขามองไปรอบๆ และนับนิ้วทำนาย จากนั้นขณะที่สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เขาก็ยกมือขึ้นกรีดท้องของตน ล้วงลำไส้ออกมาตัดแล้วโยนลงไปยังบนกิ่งไม้ใต้เท้าท่อนหนึ่ง

พริบตาที่สัมผัสกับกิ่งไม้ ลำไส้ของนายกองก็ผสานเข้าไป จากนั้นเขาก็หันหน้ามองสวี่ชิง ดวงตายิ่งเปล่งประกาย

สวี่ชิงเงียบนิ่งไปสองอึดใจ ใช้มีดกรีดท้องของตน ตัดลำไส้ออกมาท่อนหนึ่งอย่างเฉยชา โยนลงไปบนกิ่งไม้

นายกองก็หันหน้าอย่างคาดหวังไปทางชิงชิวจากการที่ลำไส้ถูกสูดรับเข้าไป

ชิงชิวภายใต้หน้ากาก คนอื่นมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้า แต่ท้ายสุดชิงชิวก็หันหน้ากลับไป ไม่ได้ตัดลำไส้

นายกองเสียดายน้อยๆ หนิงเหยียนสูดลมหายใจอีกครั้ง ต่อให้ตลอดทางที่มานี้เขาจะเจอกับเรื่องเหลวไหลลวงโลกมาไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าเผ่าฟ้าทมิฬสองคนนี้บ้าคลั่งเกินไปแล้ว

เพราะตลอดทางต่อจากนี้ เขาเห็นว่าเผ่าฟ้าทมิฬสองคนนี้แทบจะตัดไส้ของตนออกมาท่อนหนึ่งผสานไปกับกิ่งไม้ทุกระยะร้อยจั้ง เขามองไปยังกิ่งไม้ที่ไม่เห็นจุดสิ้นสุด ในใจก็โหมความคิดไร้สาระขึ้นมาเป็นระยะ

‘ลำไส้ของพวกเขาจะพอหรือไม่ ถ้าไม่พอ จะมาตัดของข้าไปหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรพวกเขาก็น่าจะตัดไม่ได้อยู่แล้ว…ไม่สิ เผ่าฟ้าทมิฬนั่นอันตรายเกินไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิธีการอื่นมาตัดลำไส้ของข้าก็ได้!’

ในหัวสมองหนิงเหยียนค่อนข้างสับสน และยิ่งเผยความเศร้าสลดออกมา

กลุ่มคนก็เดินไปตามต้นลำไส้ต้นหนึ่งของต้นเซียนแท้สิบลำไส้เช่นนี้

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว รุ่งอรุณก็มาถึง ตะวันแรกลอยขึ้นมาระหว่างฟ้าดิน มองไกลๆ ก็เหมือนเปลวไฟพร่างพราวที่แผดเผาปลายขอบฟ้า

แต่ท้องฟ้าอีกด้าน ในเมืองหลวงรัฐสายลมสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ห่างไกลจากที่นี่ เวลานี้มีสายลมพัดผ่านแผ่นดินใหญ่

บนท้องฟ้าไม่ใช่ช่วงตะวันขึ้น แต่เป็นช่วงตะวันตกที่ทอแสงสายัณห์

ในแสงสายัณห์สีแดงที่เจิดจ้า จู่ๆ แสงสีดำก็แผ่ลามไปทั่วทั้งเมือง ระเบิดออกมาจากกลางแท่นบูชาใจกลางของเมืองนี้ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

แสงสีดำผืนนี้แฝงด้วยพลังสูงส่ง กลืนกินแสงทั้งหมด กลืนกินกฎเกณฑ์ทั้งหมด หลอมแสงสว่างทั้งหมดได้

ท้องฟ้าที่ยังดูสว่างแต่เดิม ถูกแสงสีดำนี้ปกคลุมกินพื้นที่กว้างขวาง

มองไกลๆ ราวกับเป็นปานดำที่เกิดขึ้นบนท้องนภา ในนั้นยังมีแสงสายัณห์ที่หลงเหลืออยู่

ภายใต้ปานดำนี้ ตำแหน่งแท่นบูชา มีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง

นี่คือตำหนักเทวะฟ้าทมิฬ!

ในตำหนักเทวะมีระฆังดังเหง่งหง่างออกมา เผยความรู้สึกบรรพกาล เหมือนดังก้องอยู่ในห้วงเวลา ขณะเดียวกันปานดำบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ กลายเป็นใบหน้าเผ่าฟ้าทมิฬขนาดยักษ์

นี่เป็นชายชราเผ่าฟ้าทมิฬคนหนึ่ง ผมของเขาขาวโพลน ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยย่น ส่วนแสงสายัณห์ที่คั่งค้างอยู่ ถูกดูดซับไปกลายเป็นเปลือกตา

การปรากฏตัวของเขา ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเมืองหลวงสายลมสวรรค์พากันใจสั่นสะท้าน คุกเข่าลง บนใบหน้าปรากฏความเคารพ

จักรพรรดิราชวงศ์สายลมสวรรค์รวมถึงเหล่าองค์ชายองค์หญิงขุนนางในวังหลวงก็เป็นเช่นเดียวกัน ล้วนก้มหน้า คุกเข่าคารวะอย่างนอบน้อมไปทางท้องฟ้า

พริบตาที่พวกเขาคุกเข่า ปานดำบนท้องฟ้าก็กลายเป็นใบหน้า จากนั้นแสงสายัณห์ก็ตีเกลียว ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ในดวงตาเขามีความล้ำลึก มองเห็นร่องรอยมรรคานับไม่ถ้วนพาดผ่านรางๆ ราวกับเป็นเงาทับซ้อนจากกาลเวลาที่ต่างกันหลอมรวมอยู่บนใบหน้านี้

และท้องฟ้ารอบๆ ก็มีโลกใบเล็กก่อตัวขึ้นแล้วสลายหายไป กลายเป็นฉากประหลาดที่น่าตกตะลึง

และในที่สุดโลกใบเล็กเหล่านี้ก็เหมือนถูกหล่อเลี้ยง กลายเป็นปราณดำหลายสาย มากมายนับล้าน ไร้ที่สิ้นสุด เคลื่อนที่กระจายไปรอบๆ ปานดำ กลืนกินแสงสว่าง ก่อตัวขึ้นเป็นภูเขาแม่น้ำรางๆ ก่อตัวเป็นแผ่นดินใหญ่ที่ลางเลือน และยังก่อเป็นสรรพชีวิต

มองไกลๆ ทั้งหมดทั้งมวล ราวกับกลายเป็นโลกใบใหญ่อย่างแท้จริงใบหนึ่งที่คงอยู่บนฟากฟ้า

เพียงแต่โลกใบใหญ่นี้ยังเป็นแค่ต้นแบบ ยังไม่มั่นคง

จินตนาการได้ว่าหากวันใดโลกใบนี้มั่นคง มันก็จะถูกคนแบกเอาไว้บนบ่า

ตัวตนเช่นนี้จุติมายังโลกมนุษย์ จะไม่ใช่ขั้นหวนสู่อนัตตา แต่เป็น…ขั้นเตรียมสู่เทวะที่มีชีวิต!

แผ่นดินใหญ่เงียบงัน สรรพชีวิตทั้งเมืองหลวงก้มหน้า หลังจากผ่านไปนาน เสียงกร้านโลก ก็ดังก้องขึ้นทั่วทั้งวังหลวง

“บุตรแห่งสายลมสวรรค์เอ๋ย”

“ข้าอยู่นี่ขอรับ!” ในวังหลวง จักรพรรดิสายลมสวรรค์ ขานรับอย่างนอบน้อม

“ไปเชิญตัวบุตรเทวะ มาที่นี่!”

“น้อมรับประกาศิตฟ้าทมิฬ!”

จักรพรรดิสายลมสวรรค์ จิตเทพคลื่นโหมซัดกระหน่ำ เอ่ยตอบเสียงทุ้มต่ำ

ตอนนี้ ระหว่างฟ้าดิน สายลม…ก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท