บทที่ 454 บวงสรวงฟ้า!
……….
ตอนนี้ ณ เขตปกครองบูรพารกร้าง บนต้นเซียนแท้สิบลำไส้
จากอาทิตย์รุ่งอรุณที่ลอยขึ้น ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดทอ พวกสวี่ชิงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง
นายกองยังคงตัดลำไส้ สีหน้าฉายแววยึดมั่นดื้อดึงและบ้าคลั่ง
สวี่ชิงกัดฟัน ทำเฉกเช่นนายกอง ตัดลำไส้ของตัวเองอีกท่อนหนึ่งผสานไปในต้นไม้
แม้จะไม่รู้เหตุผลที่นายกองทำเช่นนี้ แต่เขาที่ฝึกบำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้มีประสบการณ์มากมาย มองออกตั้งนานแล้วว่าหลังจากที่เข้ามาในเซียนแท้สิบลำไส้ การกระทำทุกอย่างของนายกองเหมือนทำพิธีกรรมอย่างหนึ่ง
ยิ่งพวกเขาเดินมาถึงที่นี่ก็ไม่เจออันตรายอย่างมิติปั่นป่วนหรือคำสาปอะไรประเภทนั้นที่เจ้ารัฐยอดฟ้าพูดไว้ในตอนแรก
ทุกอย่างนี้ทำให้ในสมองสวี่ชิงมีตำนานที่เล่าลือกันในผู้สืบสายเลือดเผ่าเซียนพิบัติผุดขึ้นอยู่หลายครั้ง
‘อันตรายมากมายของเซียนแท้สิบลำไส้เหมือนตัวต่อแต่ละชิ้น หากบุกเข้าไปด้วยวิธีที่ผิด อันตรายแฝงอยู่ทั่วทุกด้าน มีเพียงรู้วิธีที่ถูกต้องจึงจะเข้าไปได้อย่างราบรื่น’
สวี่ชิงหรี่ตา มองนายกองที่อยู่ข้างหน้า
‘ทันทีที่เหยียบเข้ามาในจุดลึกของเซียนแท้สิบลำไส้ นายกองน่าจะใช้วิธีอะไรบางอย่างที่คนนอกไม่รู้ จึงเกิดเคราะห์เซอปี่ซือที่ว่า บางทีนี่อาจจะเป็นชิ้นส่วนแรก
‘หลังจากตัวต่อชิ้นแรกปรากฏขึ้น ถึงจะมีชิ้นที่สอง ซึ่งก็คือนกหัวขวานที่ไม่มีขนตัวนั้น เคราะห์ฝันร้ายไร้กำเนิด
‘จากนั้นพวกเราก็มาถึงใต้ต้นไม้ต้นนี้เลย หลังจากนั้นถึงได้มีตัวต่อชิ้นที่สามเมื่อครู่นี้ปรากฏขึ้น เคราะห์เซอปี่ซือ
‘ผ่านสามเคราะห์นี้ นายกองเริ่มตัดลำไส้ผสานไปในต้นไม้
‘เช่นนั้นต่อจากนี้ อาจจะมีเคราะห์อื่นอีก’ สวี่ชิงขบคิดในใจ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างยากเย็นพลางมองไปทางพื้นดินข้างล่าง
ตอนนี้เขาอยู่ที่ความสูงสองพันกว่าจั้งแล้ว ที่นี่ลมพายุคลั่งพัดกระหน่ำ พื้นดินในสายตาของพวกเขาก็หดเล็กลงไปมาก ไม่ใช่ป่าทั้งผืนปรากฏในสายตาเท่านั้น แม้แต่สามสิบหกรัฐที่พื้นดินเปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ นานาก็มองเห็นทั้งหมด
‘วาสนาที่นายกองบอกคืออะไรกันแน่’
จ้องมองพื้น ในสมองสวี่ชิงเกิดคำถามขึ้น แต่ไม่รอให้ได้ขบคิดให้ลึกซึ้ง สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไป เก็บสายตากลับมามองไปข้างหน้า
ไม่ใช่แค่เขาที่สีหน้าเปลี่ยนไป ทางนายกองฝีเท้าก็หยุดชะงักไปเช่นกัน มองไปทางกิ่งไม้ที่ไกล
เห็นเพียงบนกิ่งไม้สีน้ำตาลดำข้างหน้า ตอนนี้จู่ๆ มีกิ่งไม้เป็นทั้งแถบขยับเขยื้อนขึ้นมา เพียงพริบตา เปลือกไม้เหล่านั้นก็ชูขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นติ่งเนื้อมากมาย
ติ่งเนื้อทุกติ่งยาวประมาณครึ่งจั้ง ใหญ่หนึ่งฉื่อ เหมือนงูเติบโตบนกิ่งไม้ สีบนตัวไม่ต่างอะไรกับกิ่งไม้เลย ส่วนหัวคล้ายว่าเป็นดอกไม้บานสะพรั่ง แยกออกเป็นห้าแฉก เผยให้เห็นเลือดเนื้อและเขี้ยวสีแดงสดในนั้น
ยิ่งมีเมือกเหนียวมากมายหยดจากปากใหญ่น่าขนลุกที่อ้ากว้างพวกนั้น
น่าสยดสยองขนลุกขนพอง
สวี่ชิงสายตาจ้องเพ่ง ติ่งเนื้อพวกนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา
หนิงเหยียนกับชิงชิวก็สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน มีเพียงนายกองทางนั้นที่ความบ้าคลั่งในดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วน ส่งเสียงหัวเราะร่า
“ทิศทางถูกต้องแล้ว ที่นี่แหละ”
“ฟ้าจะเปิดแล้ว!”
แทบจะในพริบตาที่นายกองพูดออกมา ติ่งเนื้อมากมายเกือบแสนกว่าๆ บนกิ่งไม้ข้างหน้าก็อ้าปาก ตอนนี้ร่างต่างเพียงไหววูบก็ตั้งตรงขึ้น ปากอ้ากว้างหันหาท้องฟ้า ร่างสั่นสะท้านรุนแรง
เหมือนมันใช้แรงทั้งหมดตะโกนไปบนท้องฟ้า แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมา
เหมือนว่าเสียงที่พวกมันเปล่งออกมาจะไม่เหมือนกับเสียงที่ผู้บำเพ็ญได้ยิน ดังนั้น ในยามที่สวี่ชิงมองไป พวกมันกำลังคำรามอย่างไร้เสียง
ไม่ใช่แค่ต้นไม้ลำไส้ที่พวกเขาอยู่เป็นเช่นนี้ บนต้นไม้ลำไส้อีกเก้าต้นที่เหลือ ก็มีภาพนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
ทุกอย่างนี้แปลกประหลาดนัก
และที่ยิ่งแปลกประหลาดคือภายใต้การคำรามไร้เสียงของติ่งเนื้อหลายล้านบนต้นไม้ลำไส้ทั้งสิบ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี ณ เสี้ยวขณะนี้เอง!
ณ ปลายขอบฟ้า ท่ามกลางความรางเลือนคล้ายว่ามีรอยแยกทางหนึ่งปรากฏขึ้น
สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน เขาเคยเห็นภาพฉากนี้ในประสาทสัมผัสความรู้สึก
ตอนนั้นท้องฟ้าก็มีรอยแยกแบบนี้ทางหนึ่งเช่นกัน
เขาจำได้ว่า ภาพที่ได้เห็นในประสาทสัมผัส ในรอยแยกมีตัวตนที่ไม่อาจจินตนาการได้ตัวตนหนึ่ง
สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย และในตอนนี้เอง ฟ้าดินรอบๆ ก็เกิดเค้ารางบิดเบี้ยวทันที จากนั้นทางนายกองก็สะท้านเฮือกไปทั้งร่าง คล้ายว่าถูกวัตถุที่มองไม่เห็นบางอย่างโจมตี ถอยหลังไปหลายก้าว
ไม่ใช่แค่เขาที่เป็นเช่นนั้น หนิงเหยียนก็ร่างสะท้านไปเช่นกัน ทางชิงชิวเคียวยมทูตผีร้ายในมือส่งเสียงคำรามต่ำออกมา
จากนั้นทางสวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงวัตถุที่มองไม่เห็นนั่น
เขาไม่รู้ว่านั่นคืออะไร รู้สึกแค่เหมือนมีอะไรซัดมาที่ร่าง เสี้ยวขณะต่อมาในสมองก็เหมือนฟ้าฟาดผ่า ร่างมีความเจ็บปวดส่งมาเป็นระลอกๆ ทั้งยังเลือดเนื้อชาขึ้นมาทันที พลังทำลายล้างแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย บดขยี้พลังชีวิต
‘เคราะห์อัสนีหรือ’ แม้จะมองไม่เห็น แต่จากประสาทสัมผัสรับรู้ สวี่ชิงก็วิเคราะห์ได้ทันที
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนถูกอัสนีสวรรค์ฟาดผ่าทุกประการ
เสียงกรีดร้องของบรรพจารย์สำนักวัชระก็พิสูจน์เรื่องนี้ได้
“นายท่าน เป็นสายฟ้า นี่คือสายฟ้า แต่แปลกเหลือเกินที่มองไม่เห็น และไม่อาจสัมผัสได้ นี่คือเคราะห์อัสนีอะไร”
ขณะที่สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไป เสียงฟาดผ่าในสมองก็ดังก้องมาอีกครั้ง ข้างหน้าเหมือนมีเคราะห์อัสนีนับไม่ถ้วน ภายใต้การที่เขาไม่อาจสัมผัสและไม่อาจรับรู้ได้ก็ฟาดกระหน่ำลงมาไม่หยุด ขัดขวางไม่ให้คนเคลื่อนไปข้างหน้า
ขณะที่คนทั้งหลายจำต้องถอย ใบหน้านายกองก็ฉายรอยยิ้มบ้าคลั่ง
“นี่คือเคราะห์เสียงเฉียถัว!
“ในความคิดของเผ่าเซียนพิบัติ วิธีสำเร็จเป็นเซียนคือผ่าท้อง ให้ลำไส้ของตัวเองอยู่ในฟ้าดิน ทะลวงซึ่งทุกสิ่ง
“เช่นเดียวกัน ในความคิดของพวกเขา ลักษณะและแก่นแท้ของเคราะห์อัสนีก็ต่างไปจากเผ่าพันธุ์หลายๆ เผ่า
“พวกเขาคิดว่า ในยามที่ฟ้าดินเพิ่งถือกำเนิดขึ้น มีผู้แข็งแกร่งชื่อว่าเฉียถัว คิดจะพลิกเปลี่ยนมรรคาสวรรค์ สุดท้ายล้มเหลวถูกมรรคาสวรรค์สะกดเอาไว้ในความว่างเปล่าในโลก ให้คนจำไม่ได้ ไม่สามารถสัมผัส ไม่รับรู้ ลบเขาออกไปด้วยการนี้
“และผู้แข็งแกร่งตนนั้นก็ไม่ยอมจำนนที่จะหายไป จึงคำรามในความว่างเปล่าบ่อยๆ เสียงคำรามของเขา…กลายเป็นเสียงเฉียถัว ไม่ว่าในมุมใด พื้นที่ใดในโลกนี้ล้วนดังไปทั้งนั้น
“นี่ก็คือหน้าตาของสายฟ้าเคราะห์อัสนีในความคิดของเผ่าเซียนพิบัติ
“และมรรคาสวรรค์เพื่อที่จะปกปิด จึงมอบกฎเกณฑ์แสงให้กับเสียงของเฉียถัว ทำให้มันจากมองไม่เห็นเปลี่ยนมามองเห็น และตั้งชื่อว่าเคราะห์อัสนี ฟ้าแลบ อัสนีบาต ฟ้าผ่า ชื่อเรียกต่างๆ
“ดังนั้น สรรพชีวิตทั้งหลายรู้จักเพียงสายฟ้า คิดว่ารู้แก่นแท้ของมัน แต่สำหรับเผ่าเซียนพิบัตินี่คือเสียงของเฉียถัว”
นายกองขณะหัวเราะก็อธิบายทุกอย่าง
สวี่ชิงได้ยินในใจก็เกิดระลอกคลื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำอธิบายของสายฟ้าแบบนี้
ตอนนี้กำลังจะอ้าปาก แต่ทางนายกองมือขวายกขึ้นกระชากเถาวัลย์ หนิงเหยียนร่างบินถลามาท่ามกลางเสียงกรีดร้อง นายกองยกเขาไว้ราวโล่ ยันไว้ข้างหน้า
ในใจหนิงเหยียนเสียงสบถก่นด่าดังไม่หยุด แต่ปากกลับไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่น้อย ขณะที่ความโศกเศร้าและความโกรธแค้นในใจเดือดพล่าน นายกองก็แบกเขาเอาไว้ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตลอดทาง
สายฟ้าที่มองไม่เห็นทั้งหมดฟาดมาที่ร่างของหนิงเหยียน
หนิงเหยียนร้องคร่ำครวญโอดโอย เสียงโดยหวนดังไม่หยุด แต่ผิวหนังของเขาแข็งแกร่งมาก ทำให้สวี่ชิงสนใจ
ภายใต้การโจมตีเช่นนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย
‘ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก หนิงเหยียนคนนี้มีปัญหาจริงๆ ด้วย!’
ไม่นานนัก ภายใต้การใช้หนิงเหยียนเป็นโล่ นายกองก็ข้ามเขตพื้นที่ที่เต็มไปด้วยติ่งเนื้อ
หลังจากมาถึงยังที่ไกล มือขวาเขาก็สะบัดโยนหนิงเหยียนลงไป ปากก็ส่งเสียงตะโกนต่ำทุ้ม
“รับไว้!”
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาของหนิงเหยียน ร่างก็ลอยข้ามพื้นที่แถบนี้ ถูกสวี่ชิงคว้าเอาไว้
“ใต้เท้าบุตรเทวะ ข้า…” หนิงเหยียนน้ำตาคลอ ในยามมองไปทางสวี่ชิงอย่างเศร้าสร้อย สวี่ชิงเลียนแบบท่าทางของนายกอง ยกเขาขึ้นมาเป็นโล่ ฝ่าไปข้างหน้า
หนิงเหยียนร้องโหยหวน
ไม่นานนักสวี่ชิงก็ข้ามพื้นที่แถบนี้ได้อย่างราบรื่น ขณะที่ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหนิงเหยียน ก็โยนไปทางชิงชิวที่อยู่ข้างหลังเหมือนอย่างนายกอง
“ไม่เอานะ มันเจ็บมากๆ เลย” หนิงเหยียนร้องไห้แล้ว เขาพลันนึกเสียใจกับการป้องกันของตัวเองมากๆ
สายตาชิงชิวฉายประกายประหลาด คว้าเถาวัลย์ที่งอกออกมาจากท้องของหนิงเหยียนเอาไว้เหมือนคว้าของวิเศษ พุ่งออกไปเช่นกัน
หลังจากหลายสิบอึดใจ ชิงชิวในที่สุดก็ข้ามเขตอัสนีติ่งเนื้อไปเช่นนี้เอง ยื่นหนิงเหยียนที่หมดอาลัยตายอยากคืนให้นายกอง
“ไม่ต้องการแล้ว” นายกองส่ายหน้า
หนิงเหยียนได้ยินในใจเกิดความรู้สึกเหมือนรอดตายหลังเผชิญเคราะห์ แต่ไม่นานนักใจก็หล่นวูบ ในตอนที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ก็มองไปทางสวี่ชิง
“ศิษย์น้องเล็ก วาสนาที่ข้าบอกก่อนหน้านี้อยู่ที่นี่” นายกองยกมือขึ้นชี้รอยแยกบนท้องฟ้า
สวี่ชิงในดวงตาฉายประกายวาววับ
พวกเขาตอนนี้อยู่ที่ความสูงสามพันกว่าจั้งแล้ว ห่างจากท้องฟ้าอีกระยะหนึ่ง แต่ยืนอยู่ที่นี่เงยหน้าขึ้นไป รอยแยกบนท้องฟ้าก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
“ตอนนี้ก็ยังคงพูดไม่ได้เช่นเดิม แต่อีกไม่นาน ข้าก็จะบอกทุกอย่างกับเจ้าได้!”
นายกองพูดจบก็ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง เสื้อผ้าบนร่างตอนนี้เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว
ดูแล้วไม่ใช่ชุดนักพรต เหมือนอาภรณ์เทพพิเศษอย่างหนึ่งมากกว่า
จากลมที่พัดมา เขาเดินไปข้างหน้าเก้าก้าว มือทั้งสองยกขึ้นพลันสะบัด และร่ายระบำบนกิ่งไม้ข้างหน้า
ท่าของระบำนี้คล้ายกับเงาร่างที่สวี่ชิงเห็นปรากฏขึ้นในต้นสิบลำไส้อยู่หลายส่วน ในขณะที่ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ปากของนายกองก็ส่งเสียงร้องร่ายบทเพลงออกมา
ไม่เหมือนกับเสียงร้องที่ทั้งโบราณและแว่วรางเลือนยากจะฟังเข้าใจเหมือนในห้วงมายาที่สัมผัสรับรู้ได้ เสียงของนายกองแจ่มชัดนัก
“สวรรค์ผู้ปกครองสูงส่ง สาดส่องพื้นดินก้มมองโลกมนุษย์ รวบรวมวิญญาณโบราณ สี่เคราะห์บรรพชนพึงใจ
“เคราะห์เซอปี่ซือ ทิ้งอดีตทิ้งปัจจุบัน
“เคราะห์ฝันร้ายไร้กำเนิด เส้นทางเปราะบาง
“เคราะห์เบิกเนตร กระทำอย่างเคารพนอบน้อม
จากนั้นรอบๆ ก็ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น เกิดทะเลเพลิงท่วมฟ้าดิน ยิ่งก่อเป็นเงาร่างร่ายระบำนับไม่ถ้วน เต็มไปทั่วทุกทิศ ปรากฏขึ้นบนต้นสิบลำไส้ทุกต้น
มองไปไกลๆ รัศมีอำนาจท่วมท้นยิ่งใหญ่ คล้ายว่าเผ่าเซียนพิบัติหลายแสนร่วมร่ายระบำทำให้สวรรค์พึงพอใจ ร่วมกันบวงสรวงฟ้า
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ลมเมฆตลบม้วน สายฟ้าคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วชั้นเมฆ
นายกองท่วงท่าร่ายระบำกางหุบ แผ่ท่วงทำนองแปลกประหลาด เสียงในเสี้ยวขณะนี้ยิ่งเปลี่ยนมาฮึกเหิม สุดท้ายก็โค้งคารวะท่องฟ้า เสียงร้องเพลงสะท้านสะเทือน
“บวงสรวงเคราะห์เสร็จสิ้น นภายลยินเปิดออก ต้องประสงค์มรรคาสวรรค์ ขอจงลงมาเสพ!”
เงาร่างเผ่าเซียนพิบัติหลายแสนรอบๆ ต่างโค้งคารวะ
ครืน!
เปรี้ยง!!
เปรี้ยง!!!
ท้องฟ้ามีเสียงฟาดผ่าดังมา เพียงพริบตา ภายใต้เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะท้านฟ้าสะเทือนดิน รอยแยกบนท้องฟ้าก็พลันเปิดออก!