บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์
……….
เมื่อสิ้นเสียงผู้พิทักษ์หยวน กลิ่นดินปืนบนแท่นแปดทิศก็ชัดเจนขึ้นอย่างมาก ในขณะที่หยางเชียนฮ่วนกำลังจะออกหน้าจู่โจม จู่ๆ ศีรษะภายใต้หมวกคลุมก็หันไปมองทางเมืองหลวงอย่างกะทันหัน
ซ่งชิงและคนอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกันกับเขา
ร่างสองร่างโผล่ขึ้นมากะทันหันพร้อมกับเสียงคำรามของสายลม ก่อนจะแล่นลงบนแท่นแปดทิศของสำนักโหราจารย์
บุคคลทางด้านซ้ายสวมชุดสีเขียวปักลายเมฆ รองเท้าบูตหนังวัว มีหยกชั้นดีห้อยอยู่ที่เอว รูปลักษณ์ภายนอกทั้งหล่อเหลาและสง่างามอย่างมาก ส่วนบุคคลทางด้านขวาสวมชุดลำลองสีทองอร่าม แต่งตัวในภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่ดูน่าเกรงขามและสง่างามเช่นเดียวกัน
สวี่ชีอันและฮว๋ายชิ่งมาดูแลสถานการณ์โดยรวม (ชมการแสดง)
เมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน เหล่าโหรชุดขาวก็คึกคักขึ้นมาทันทีและค่อยๆ เริ่มสนทนากัน
“ฝ่าบาทและคุณชายสวี่มาแล้ว เยี่ยมเลย ในที่สุดก็มีคนมาดูแลสถานการณ์โดยรวม”
เหล่าโหรชุดขาวที่อยู่ด้านหลังซุนเสวียนจีพูดกันอย่างสนุกสนาน
“ฮึ่ย ฆ้องเงินสวี่เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในขอบเขตนักเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรา เขาจะต้องจัดการให้ศิษย์พี่ซ่งรับตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมั่นใจอย่างมาก
“ฆ้องเงินสวี่มีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับศิษย์พี่จงของพวกเรา ตำแหน่งโหราจารย์จะเป็นของใคร คงไม่ต้องให้ข้าพูดมากกระมัง”
เหล่าผู้สนับสนุนจงหลีกล่าว
มีบางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ในที่สุดฆ้องเงินสวี่ก็มาแล้ว พวกเราไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป”
ถึงอย่างไรการเชิญศิษย์พี่จงมาเข้าร่วมงานประชุมใหญ่เช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก ไม่แน่ว่าวินาทีต่อไปอาจจะมีเหตุการณ์แตกตื่นในหมู่มนุษย์ เหตุการณ์แตกตื่นในหมู่โหรของสำนักโหราจารย์ หรือเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนแท่นแปดทิศ…
“น่ารังเกียจ ฆ้องเงินสวี่ช่วงชิงโอกาสศิษย์พี่หยางของพวกเรามาโดยตลอด เขาต้องไม่ยอมให้ศัตรูตัวฉกาจของตนเองนั่งตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”
เฮ้ เฮ้ ใครมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับจงหลี จะตัดสินความบริสุทธิ์โดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไร…สวี่ชีอันกวาดสายตามองโหรชุดขาว หยุดครู่หนึ่งที่เด็กชายขี้ขลาดจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฉู่ไฉ่เวยแล้วพูดในใจว่า ในที่สุดไฉ่เวยก็รับลูกศิษย์แล้วสินะ
เขากดมือลง จากนั้นเสียงดังเซ็งแซ่ของเหล่าโหรชุดขาวที่อยู่รอบๆ ก็สงบลง
“บอกแล้วไม่ใช่รึ เรื่องตำแหน่งโหราจารย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฝ่าบาทต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินพระทัยและไม่ควรผลีผลาม” สวี่ชีอันกล่าวอย่างสบายๆ
หยางเชียนฮ่วนไอกระแอมและกล่าวช้าๆ ว่า “หากฟ้าไม่สร้างข้าหยางเชียนฮ่วน!”
เหล่าโหรชุดขาวที่ด้านหลังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน “ราชวงศ์ต้าฟ่งคงราวกับค่ำคืนอันยาวนาน”
หลังจากกล่าวคำขวัญแล้ว หยางเชียนฮ่วนก็กล่าวว่า “อาณาจักรมิอาจไร้ซึ่งกษัตริย์ได้แม้แต่วันเดียวฉันใด สำนักโหราจารย์ก็มิอาจไร้ซึ่งโหราจารย์ได้ฉันนั้น ข้ารู้ว่าฝ่าบาทยากที่จะตัดสินพระทัย ด้วยเหตุนี้ พวกเราจะตัดสินใจแทนฝ่าบาทเอง”
สวี่ชีอันกล่าวเตือนว่า “พวกเจ้าอย่าลืมว่าท่านโหราจารย์ยังไม่ตาย!”
สิ่งที่ตอบสนองเขาคือความเงียบของเหล่าโหรชุดขาว ทุกคนแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน แสร้งทำเป็นมองทิวทัศน์รอบตัว
เยี่ยมไปเลย ข้ารู้สึกแทนโหราจารย์เลยว่าโลกมนุษย์ช่างมิคู่ควร…สวี่ชีอันไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกและหันไปมองฮว๋ายชิ่ง
หญิงแกร่งอันดับหนึ่งของต้าฟ่งพยักหน้าเล็กน้อย
สวี่ชีอันกล่าวทันทีว่า “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”
ในที่สุดเขาก็มองออกว่าบรรดาเหล่าลูกศิษย์ของโหราจารย์ ไม่มีใครยอมรับใคร ในอดีตมีปรมาจารย์ลิขิตฟ้าคอยปราบปราม สถานการณ์โดยรวมจึงสงบและไม่มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ต้าฮวงพาท่านโหราจารย์ไปท่องรอบโลก ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด ซึ่งบางทีก็อาจจะไม่กลับมาแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อไร้ซึ่งการปราบปรามของโหราจารย์ กลุ่มโหรในสำนักโหราจารย์ก็เริ่มขัดแย้งกันภายใน
ซ่งชิงกล่าวเบาๆ ว่า “วันนี้พวกเราวางแผนที่จะเลือกคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งออกมาหนึ่งคน เพื่อรับตำแหน่งท่านโหราจารย์ คุณชายสวี่ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องให้พวกท่านให้ความเป็นธรรมแล้ว”
โหรชุดขาวต่างก็ทยอยมองมาทีละคน ในมุมมองของพวกเขา ฆ้องเงินสวี่เป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ให้เขาตัดสินตำแหน่งท่านโหราจารย์เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว
ฮว๋ายชิ่งกล่าวว่า “โหรของสำนักโหราจารย์แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ไม่มีใครยอมรับใคร ไม่รู้ว่าผลการเลือกจะออกมาวันใดปีใด ไม่ว่าใครจะเป็นโหราจารย์ก็มักจะมีคนไม่พอใจเสมอ เจ้ามีวิธีหรือไม่?”
จักรพรรดินีแสดงท่าทางราวกับว่า ‘เรื่องนี้ลึกซึ้งเกินไป ข้าควบคุมไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าจัดการแล้วกัน’
สำหรับสำนักโหราจารย์ ฮว๋ายชิ่งรู้สึกปวดศีรษะจริงๆ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกับขุนนางในราชสำนักที่สามารถเจรจา ประนีประนอม หรือข่มขู่ได้
พวกโหรไม่ยอมรับอย่างสมบูรณ์
อำนาจของกษัตริย์ทำได้เพียงให้พวกเขาเคารพยำเกรงเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งได้
ว่ากันตามความจริง นางย่อมเลือกเพื่อนสนิทฉู่ไฉ่เวย แต่จากมุมมองของกษัตริย์ นางก็เชื่อว่าการเลือกซุนเสวียนจีจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยรวมมากกว่า
แต่ไม่ว่านางจะเลือกใคร คนอื่นๆ ก็ยอมทั้งสิ้น
“อันที่จริงข้ามีความคิดหนึ่ง สามารถลองได้” สวี่ชีอันตอบกลับ
ดวงตาของฮว๋ายชิ่งสว่างขึ้นเล็กน้อยและเฝ้ารออย่างเงียบๆ
สวี่ชีอันมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อครู่ศิษย์พี่ซ่งก็บอกแล้ว คนที่รับตำแหน่งโหราจารย์ต้องมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แล้วคุณธรรมและบารมีสูงส่งหมายถึงอะไร? ในความเห็นของข้า คนที่ทุกคนแนะนำออกมาถึงจะเป็นคนที่ฝูงชนเลื่อมใสศรัทธาและไว้วางใจ ถึงจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง”
‘นี่มันคำพูดไร้สาระไม่ใช่รึ ถ้าเลือกได้แล้วพวกเราจะหาเจ้าทำไมกัน’…เหล่าโหรตำหนิในใจ
ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้สวี่ชีอันจะโยนปัญหาที่รับมือยากกลับไปที่สำนักโหราจารย์ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
“ทุกคนไม่ต้องกังวล!”
สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใครก็ตามที่อยากสืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ล้วนสามารถยืนขึ้นมา ลองพูดโน้มน้าวเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเพื่อให้สนับสนุนตนเองได้ ใครได้รับคะแนนสูงสุด คนนั้นก็จะเป็นโหราจารย์คนต่อไป เช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไป”
โหรทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวมากขึ้น
พวกเขาเข้าใจว่าสวี่ชีอันหมายถึงอะไร อยากทำลายปัญหาอันหาข้อสรุปไม่ได้ก็ดึงศิษย์พี่ศิษย์น้องของฝ่ายอื่นมาเป็นผู้สนับสนุนของตัวเองให้ได้
แต่พวกเขารู้สึกตลกเล็กน้อย เพราะมีความดีความชอบมากเกินไป เลือกท่านโหราจารย์โดยผลประโยชน์ชั่วคราว หากเสียใจในอนาคตจะทำอย่างไร?
ถึงตอนนั้นก็คงเกิดปัญหาขึ้นเหมือนในตอนนี้
แน่นอนว่าฮว๋ายชิ่งก็นึกถึงสิ่งที่เหล่าโหรนึกถึง แต่นางไม่ได้แสดงความเห็นและรอติดตามผลต่อไป
สวี่ชีอันกล่าวต่อไปว่า “แต่จำเป็นต้องกำหนดช่วงเวลาไว้ โหราจารย์ที่ได้รับเลือกสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงสามปี ซึ่งมีวาระละสามปี เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วก็จะมีการเลือกโหราจารย์คนใหม่อีกครั้ง”
ทันใดนั้นความกังวลสุดท้ายของเหล่าโหรก็คลี่คลายลง
ข้อเสนอของสวี่ชีอันได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกคน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธ สวี่ชีอันก็กล่าวทันทีว่า “ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ ในฐานะที่ซุนเสวียนจีเป็นลูกศิษย์อันดับสองของท่านโหราจารย์ เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวของสำนักโหราจารย์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือฐานะล้วนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ที่ดีที่สุด ซุนเสวียนจี เจ้าออกมาพูดอะไรบ้างสิ!”
เมื่อกล่าวจบแล้ว เขาก็ได้รับสารจากผู้พิทักษ์หยวนว่า “ข้าควรทำอย่างไรดี?”
เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในเรื่องประเภทนี้ ศิษย์พี่ซุนจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรชั่วขณะ
สวี่ชีอันข้ามผู้พิทักษ์หยวนและส่งสารให้ซุนเสวียนจีโดยตรง “ให้สัญญากับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง จูงใจพวกเขา ทำให้พวกเขาสนับสนุนเจ้า”
ตัวอย่างเช่น ค่ารักษาพยาบาลฟรี ลดภาษีให้ต่ำกว่ามาตรฐาน สำนักโหราจารย์จะรับผิดชอบเรื่องการศึกษาของเด็ก…เขาคิดเสริมอยู่ในใจ
ซุนเสวียนจีพยักหน้าและก้าวออกไปพร้อมกับผู้พิทักษ์หยวน ฝ่ายหลังหันไปจ้องศิษย์พี่ซุนครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า จากนั้นก็กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ พลางกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอสัญญาว่า ตราบใดที่ทุกคนสนับสนุนให้ข้าเป็นโหราจารย์ ข้าจะนำพาพวกเจ้าไปสู่ความรุ่งโรจน์ และจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของโหรหรือชื่อเสียงของโหราจารย์ต้องเสื่อมเสีย”
หลังจากกล่าวแล้ว ผู้พิทักษ์หยวนก็ถอยกลับไป
จบแล้วรึ?! สวี่ชีอันตกตะลึงอยู่ในใจ
โหรชุดขาวทุกคนเงียบลง สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเล็กน้อย
สวี่ชีอันหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกล่าวตามลำดับอาวุโส “คนต่อไป เชิญศิษย์พี่หยางกล่าว”
โหรคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหยางเชียนฮ่วนก้าวออกมา ยกกำปั้นแสดงความเคารพสวี่ชีอันและฮว๋ายชิ่งพลางกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าน้อยคิดว่า ตำแหน่งท่านโหราจารย์ นอกจากจะต้องรับผิดชอบโดยผู้ที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งแล้ว ยังต้องมีนิสัยและทัศนคติที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของโหราจารย์ด้วย เหนือสิ่งอื่นใด…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็หมุนตัวกลับไป หันหน้าไปทางฝูงชนโดยหันหลังศีรษะ กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ต้องเรียนรู้ที่จะหันหลังให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย! ถึงแม้ศิษย์พี่ซุนจะเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอก ส่วนสูง หรือบุคลิกล้วนธรรมดาเกินไป ข้าคิดว่าไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของการเป็นโหราจารย์”
ความหมายที่พูดมาก็คือศิษย์พี่ซุนขี้เหร่ พวกเจ้ากำลังเลือกโหราจารย์หรือประกวดความงามกันแน่…สวี่ชีอันกวาดสายตามองโหรทุกคนและพบว่าสีหน้าของพวกเขาล้วนเห็นด้วย แม้กระทั่งเหล่าโหรที่อยู่ด้านหลังซุนเสวียนจีก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้า
ราวกับกำลังพูดว่า ‘ศิษย์พี่ซุนดูธรรมดาเช่นนี้ แต่กลับมั่นใจขนาดนั้น ผู้สนับสนุนอย่างพวกเราต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง!’
สวี่ชีอันมองใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของซุนเสวียนจีอีกครั้ง และพูดในใจว่า เวลานี้ผู้พิทักษ์หยวนจำเป็นต้องแสดงทักษะแล้ว
น่าเสียดายที่ผู้พิทักษ์หยวนมีบทเรียนที่ล้มเหลวในอดีต เขาจึงอดกลั้นที่จะไม่มองไปที่ซุนเสวียนจี เช่นนั้นเขาก็จะไม่เสียการควบคุมในการอ่านใจไป
บุคคลในชุดขาวคนนั้นกล่าวต่อไปว่า “ในทางกลับกัน ศิษย์พี่หยางของพวกเราได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านโหราจารย์อย่างแท้จริง ทั้งจิตใจและภาพลักษณ์ล้วนเป็นผู้สมัครที่สมบูรณ์แบบสำหรับตำแหน่งโหราจารย์จริงๆ”
หยางเชียนฮ่วนยืนเอามือไขว้หลังโดยไม่ไหวติง
“เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านจะต้องเลือกศิษย์พี่หยาง”
กล่าวจบแล้ว โหรชุดขาวก็รู้สึกว่าตนเองทำได้ดีมากและถอยหลังกลับไป
เจ้าอย่าเพิ่งอวดอ้างสรรพคุณเลย แล้วถ้ามันปลอมทั้งหมดเล่า? สมองของสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
จากนั้น ซ่งชิงก็ออกมานอกแถว ปรมาจารย์ด้านการจัดการเวลาและผู้มีใต้ตาดำท่านนี้ค่อยๆ กวาดสายตามองโหรทุกคนและกล่าวเสียงดังว่า “ข้าซ่งชิงขอสัญญาว่า ตราบใดที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านเลือกข้าให้เป็นโหราจารย์ ข้าจะทำให้ทุกท่านมีเงินใช้ไม่มีวันหมด ไม่มีวันเหือดแห้งเพื่อไปทำการทดลองเล่นแร่แปรธาตุ ทุกคนจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป รายได้ทั้งหมดของสำนักโหราจารย์จะถูกมอบให้สำหรับการทดลองเล่นแร่แปรธาตุ”
ด้วยเงื่อนไขที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดเช่นนี้ ใครจะต้านทานสิ่งล่อใจเช่นนี้ได้?
ตราบใดที่เป็นโหรก็จะรู้ว่าควรจะเลือกใครเป็นโหราจารย์
‘แปะ แปะ แปะ’…เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุปรบมือด้วยความตื่นเต้นและรู้สึกว่าศิษย์พี่ซ่งเป็นแสงสว่าง เป็นตำนานเพียงหนึ่งเดียว
ศิษย์พี่ซ่งกลับมานั่งประจำที่ด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง
สวี่ชีอันมองไปที่จงหลีอีกครั้ง
จงหลีปล่อยผมสยาย ดวงตาคู่สดใสที่อยู่ระหว่างผมอันยุ่งเหยิงแอบมองสวี่ชีอันพลางกล่าวกระซิบว่า “ข้าสละสิทธิ์…”
สละสิทธิ์ก็ดี หากเจ้าเป็นโหราจารย์ สำนักโหราจารย์อาจจะถูกปลดชื่อออกจากต้าฟ่งในวันถัดไป เพราะถูกอุกกาบาตพุ่งชน ไม่มีโหรในสำนักโหราจารย์คนใดที่รอดชีวิต…สวี่ชีอันส่ายศีรษะ
จากนั้น เขาก็มองไปที่ฉู่ไฉ่เวยและผู้ติดตามที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของนาง
เห็นได้ชัดว่าเหล่าเด็กน้อยไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้เช่นนี้มาก่อน จึงมีอาการประหม่าเล็กน้อย
“ศิษย์น้องไฉ่เวย เจ้ามีอะไรอยากจะพูดกับทุกคนหรือไม่?” สวี่ชีอันถาม
ฉู่ไฉ่เวยกลอกตา เท้าสะเอวและกล่าวเสียงดังว่า “ถ้าทุกคนเลือกข้าเป็นโหราจารย์ ข้าจะเอาเงินในคลังของสำนักโหราจารย์ออกมาจัดงานฉลองให้ทุกคนได้ดื่มกินอาหารรสเลิศของที่ราบกลางทุกวัน”
ซ่งชิงและหยางเชียนฮ่วนหัวเราะเยาะ
ซุนเสวียนจีและจงหลีส่ายศีรษะเล็กน้อย
ส่วนโหรทุกคนต่างก็หัวเราะกันครื้นเครง
เหล่าทหารเด็กที่อยู่ด้านหลังฉู่ไฉ่เวยต่างก็หน้าแดงและก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย
“เอาล่ะ เริ่มเลือกตอนนี้เลย ทุกคนเขียนโหราจารย์ในใจของตนเองลงบนกระดาษ ให้ข้ากับฝ่าบาทนับคะแนน!”
สวี่ชีอันเพียงแค่อยากยุติความยุ่งเหยิงนี้อย่างรวดเร็ว
…
ลึกลงไปในมหาสมุทร สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่กำลัง ‘ลื่นไหล’ ไปอย่างเงียบๆ มันเหมือนกับศพไร้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องพายน้ำ สายน้ำก็พัดพามันไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ
“เทพพ่อมด?”
โหราจารย์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตามประวัติศาสตร์ เขาคือบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากการหายไปของปรมาจารย์เต๋า เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม”
ความเงียบและว่างเปล่าลอยไปอย่างเงียบๆ เสียงดังขึ้นเป็นแตรยาวว่า “เขาทำให้ข้านึกถึงใครบางคน เด็กที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง ตอนนั้น ‘กว้า’ เลี้ยงดูมนุษย์ทาสคนหนึ่ง ‘กว้า’ ทำลายเผ่าของเขา ฆ่าพ่อของเขา เหยียดหยามข่มเขงแม่และพี่สาวน้องสาวของเขา แต่กลับไม่ฆ่าเขาและยังทรมานเขาทุกวันเพื่อความสนุกสนาน พวก ‘กว้า’ นี้ แม้แต่ในหมู่เทพปีศาจก็ยังเป็นพวกประหลาด เขาทำอะไรข้าก็ไม่แปลกใจ อาจเป็นเพราะกาลเวลาที่ยาวนาน ช่างน่าเบื่อจริงๆ แต่ต่อมาภายหลัง ข้าก็เพิ่งรู้ว่า ‘กว้า’ ได้ถ่ายทอดวิชาพยากรณ์ให้กับตานั่น อืม การดำรงอยู่ของผู้พิทักษ์ประตูก็เป็นผลการทำนายของ ‘กว้า’”
โหราจารย์กล่าวว่า “เจ้าสงสัยว่าเทพพ่อมดก็คือมนุษย์ทาสคนนั้น?”
น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวว่า “มิเช่นนั้นวิชาพยากรณ์ของระบบพ่อมดไม่มีทางแข็งแกร่งเช่นนี้ แต่เทพพ่อมดก็อาจจะเป็นทายาทของมนุษย์ทาสคนนั้น ใครจะไปรู้ล่ะ ตอนแรกเขาเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ข้าคงไม่ไปใส่ใจอะไรกับมดตัวหนึ่ง”
โหราจารย์กล่าวหยอกล้อว่า “แต่หลังจากกาลเวลาผ่านไป มดตัวนั้นกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้า ดูๆ ไปแล้ว ความจริงเทพพ่อมดมีอายุยาวนานกว่าปรมาจารย์เต๋าเสียอีก เพียงแต่ไม่มีความสามารถเท่าปรมาจารย์เต๋า”
เพราะมีอายุยืนยาวเหนือมนุษย์ จึงไม่น่าแปลกที่เทพพ่อมดจะเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ในสมัยปรมาจารย์เต๋า
เกิดความเงียบงันขึ้นเป็นเวลานาน เทพหนึ่งองค์กับมนุษย์หนึ่งคนไม่พูดอะไรอีก
จู่ๆ โหราจารย์ก็อ้าปากค้าง
“เป็นอะไร” ต้าฮวงถาม
“เมื่อครู่ข้าแค่กำลังคิดว่า หากต้องเลือกคนที่ค่อนข้างเชื่อถือได้คนหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ทุกคนมารับตำแหน่งโหราจารย์ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง…” โหราจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงซับซ้อน
…
เมืองหลวง
สำนักโหราจารย์ บนแท่นแปดทิศ สวี่ชีอันคลี่กระดาษแผ่นสุดท้ายออกและกล่าวว่า “หยางเชียนฮ่วนมีคะแนนสะสมสี่สิบเสียง ซ่งชิงมีคะแนนสะสมห้าสิบห้าเสียง ซุนเสวียนจีมีคะแนนสะสมสี่สิบแปดเสียง จงหลีมีคะแนนสะสมสามสิบเสียง ฉู่ไฉ่เวยมีคะแนนสะสมหนึ่งร้อยยี่สิบสามเสียง ตำแหน่งโหราจารย์รุ่นที่สามเป็นของฉู่ไฉ่เวย ทุกคนปรบมือ!”
บนแท่นแปดทิศมีเพียงความเงียบ
ซ่งชิงมองไปด้านหน้าและนั่งนิ่ง
จงหลีเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึงและหันไปมองฉู่ไฉ่เวยที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ซุนเสวียนจียังคงเงียบไม่พูดไม่จา และไม่มีการแสดงออกใดๆ
หยางเชียนฮ่วนไม่เคลื่อนไหวใดๆ ราวกับรูปปั้นประติมากรรม
ฮว๋ายชิ่งก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งโหราจารย์จะเป็นฉู่ไฉ่เวย ซึ่งอ่อนแอที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์
สีหน้าของฉู่ไฉ่เวยเต็มไปด้วยความสับสน คิดในใจว่า ที่แท้ข้าก็ได้รับความเคารพในสำนักโหราจารย์มากมายขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็เป็นคนที่ได้รับความสนใจงั้นรึ?
ทำไมตัวข้าเองไม่รู้เลย
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง…สวี่ชีอันถอนหายใจ ที่จริงเขาเดาออกนานแล้ว
ฮว๋ายชิ่งมีความคิดอันลึกซึ้ง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็ส่งสารไปว่า
“เจ้าเดาออกรึ?”
สวี่ชีอันตอบกลับด้วยความไม่พอใจ “ไอ้พวกโง่ นอกจากไฉ่เวยแล้ว คนอื่นก็ไม่ฟังคำพูดข้าสักนิด”
ลงชิงตำแหน่งประธาน ไม่สิ ผู้นำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวาดฝัน