สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 328 ขอร้องแทน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 328 ขอร้องแทน

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมยินดีกับการย้อนกลับมาของซินโย่ว แต่พอได้ฟังคำพูดนางก็ไม่ใคร่ยินดีสักเท่าใดแล้ว

“เฮ่อชิงเซียวกล้าปิดบังเรา เราลงอาญาเขาเพียงสามสิบไม้ ก็นับว่าเห็นแก่เขาที่ช่วยเจ้าไว้แล้ว”

สาวน้อยคุกเข่าตัวตรงอยู่บนพื้นเยียบเย็น พอได้ยิน แพขนตาก็สั่นระริก น้ำตาไหลพรั่งพรู “ดังนั้นหม่อมฉันขอรับโทษเช่นเดียวกับใต้เท้าเฮ่อเพคะ หม่อมฉันขอให้เขาเก็บเป็นความลับชั่วคราว ใต้เท้าเฮ่อมีความผิด หม่อมฉันก็ยิ่งมีความผิด หากใต้เท้าเฮ่อถูกลงทัณฑ์ผู้เดียว หม่อมฉันวางตัวอยู่นอกวง เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่มีวันให้อภัยตนเองเพคะ”

นางพูดไปก็หมอบราบแนบกับพื้นไป “ขอฝ่าบาททรงเมตตาตามที่หม่อมฉันขอเพคะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรเห็นสาวน้อยน้ำตาร่วงกระทบพื้นอิฐสีทอง ในพระทัยก็สับสน เมื่อครู่บอกว่าจะแต่งตั้งราชทินนามเป็นองค์หญิงต้าซย่า บอกว่าไม่เอาก็ไม่เอา แข็งกร้าวเพียงนั้น เหตุใดตอนนี้จึงได้ร้องไห้เช่นนี้ได้

แต่เพราะทอดพระเนตรเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็พระทัยอ่อน “เอาละ ไปนำตัวฉางเล่อโหวกลับมา”

ขันทีรับราชโองการรีบออกไปยังประตูอู่เหมินทันที

ขุนนางใหญ่โดนโบยก็เป็นเพียงแค่กระบวนการ ผู้รับหน้าที่คุมการลงทัณฑ์ก็คือมหาขันทีซุนเหยียนกับผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียน

ตอนขันทีเร่งมาถึง เฮ่อชิงเซียวก็โดนโบยไปสามทีแล้ว ไม้ที่สี่กำลังเงื้อสูงจะฟาดลงไปพอดี

“หยุด!”

เสียงตะโกนดังมาพร้อมขันที นายทหารที่รับหน้าที่ลงทัณฑ์เงื้อไม้พลองค้างเติ่ง มองไปทางเฝิงเหนียนด้วยสัญชาตญาณ

ขันทีรีบเข้ามาตรงหน้าเฝิงเหนียนกับซุนเหยียน “ฝ่าบาทมีพระดำรัสให้นำฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวไปตำหนักเฉียนชิงกงทันที”

เฝิงเหนียนนิ่งอึ้งไปทันที มองไปทางชายหนุ่มที่หมอบราบกับพื้นด้วยแววตาสับสน

กางเกงเขาถูกปลดลง ใบหน้าข้างหนึ่งแนบพื้น สภาพน่าอเนจอนาถอย่างที่สุด แต่มิได้มีอาการขมวดคิ้วแม้แต่น้อย กลับทำให้คนรู้สึกว่าเขายังคงเป็นเจิ้นฝูสื่อที่สงบนิ่งคนเดิม

“มัวอึ้งอันใดกันอยู่ ยังไม่รีบประคองใต้เท้าเฮ่อขึ้นมา!” หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เฝิงเหนียนก็ตวาดใส่ทหาร

ทหารหลายคนรีบเข้าประคองเฮ่อชิงเซียวขึ้นมา

เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธให้คนช่วย สวมกางเกงเองเงียบๆ ก่อนจะตามขันทีกลับไปตำหนักเฉียนชิงกง

เฝิงเหนียนมองดูแผ่นหลังผึ่งผายนั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกเสียดาย เพิ่งโบยไปได้แต่สามทีเท่านั้น

“ผู้บัญชาการเฝิง ไปได้แล้ว” ซุนเหยียนเดินผ่านเฝิงเหนียน

ตำหนักเฉียนชิงกง

ขันทีรายงาน “ฝ่าบาท ผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือเฮ่อมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้เขาเข้ามา”

ซินโย่วมองไปที่ประตู ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา

สภาพไม่อนาถเหมือนในภาพที่เห็น ชุดขุนนางสีแดงของเขาดูไม่ได้เปรอะเปื้อนมากนัก เพียงแค่ไม่มีหมวก มีผมปอยหนึ่งตกระข้างแก้ม เป็นลักษณะท่าทางที่จะไม่มีทางปรากฏยามเข้าเฝ้าในยามปกติ

เฮ่อชิงเซียวมองมาที่ซินโย่ว

ยามสายตาประสานกัน เขาเห็นดวงตานางแดงเล็กน้อย ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือ พลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดโทษโบยจึงถูกระงับกะทันหัน

พยายามฝืนบังคับสายตากลับคืนมาได้แล้ว เฮ่อชิงเซียวก็ค่อยๆ คุกเข่าคำนับ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรเห็นท่าทางของเขา ในพระทัยก็รู้สึกว่าเฝิงเหนียนลงมือเร็วจริงๆ รู้สึกร้อนพระวรกายเล็กน้อย เหลือบพระเนตรมองซินโย่วทีหนึ่งด้วยสัญชาตญาณทันที

ซินโย่วย่อมมองออกว่าเฮ่อชิงเซียวโดนโบยมาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้โดนไปกี่ไม้

ขอบตานางร้อนผ่าว น้ำตาไหลร่วงเป็นหยด

สีหน้าเฮ่อชิงเซียวตกตะลึง ไม่รู้ควรทำเช่นไร และยังรู้สึกงุนงงอยู่

อาโย่วร้องไห้เพราะเขาหรือ

การค้นพบนี้ทำให้ในใจเขาหวั่นไหว รู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง

ภาพอาโย่วในใจเขา ฉลาดมีไหวพริบและกล้าหาญ ไม่ค่อยได้เห็นท่าทางอ่อนแอหลั่งน้ำตาของนาง

ซินโย่วเอาแต่จ้องมองเฮ่อชิงเซียว รับรู้ถึงความสับสนในใจของเขา ความรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดในใจเดิมก็กลายเป็นความจนปัญญาไปทันที

ใต้เท้าเฮ่อเองก็ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย น้ำตาไม่มีราคาอันใด หยดสักหน่อยเพื่อให้เขารับทุกข์น้อยหน่อย มีแต่ความคุ้มค่าเท่านั้น

“แค็ก แค็ก” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกระแอมไอ “ฉางเล่อโหว เห็นแก่ที่เจ้าช่วยอาโย่วไว้ ยกเลิกโทษโบยที่เหลือ”

ดังคาด อาโย่วมาขอร้องแทนเขา

เฮ่อชิงเซียวประสานมือก้มหน้าลง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”

“ไม่มีครั้งหน้าอีก” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงเตือนเยียบเย็น “ไปได้แล้ว”

“กระหม่อมทูลลา”

เฮ่อชิงเซียวค่อยๆ ลุกขึ้น ถอยหลังออกไป

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองไปทางซินโย่ว “เห็นหรือยัง เขาไม่เป็นอันใด”

ซินโย่วปาดน้ำตา “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดทรงทนแล้ว แต่ก็อดทนไม่ไหว “อาโย่ว เจ้าให้ความสำคัญกับฉางเล่อโหวมาก?”

ความจริงเขาอยากใช้คำว่าใส่ใจ และแอบนึกสงสัยว่าบุตรสาวเขาชอบเจ้าบัดซบนั่น

ซินโย่วเหลือบตาขึ้นสบกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แววตากระจ่างใส สีหน้าเปิดเผย “ใต้เท้าเฮ่อเป็นผู้มีพระคุณของหม่อมฉันก่อนหน้านี้ ทั้งตอนหม่อมฉันเป็นคุณหนูโค่วและเป็นคุณชายซิน กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนประสบอันตรายยังมิอาจนิ่งดูดาย กับผู้มีพระคุณที่ประสบอันตราย จะนิ่งดูดายได้อย่างไรเพคะ”

เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เผยสีหน้าสงสัย “หรือฝ่าบาทสงสัยหม่อมฉันมีความคิดในแง่ชายหญิงต่อใต้เท้าเฮ่อ?”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกเก้กังขึ้นมาทันที

เขาก็ช่างมีความคิดปุถุชนเสียจริง จะคาดเดาความคิดอาโย่วเหมือนคนปกติสามัญได้อย่างไร

“อาโย่วเข้าใจผิดแล้ว เราไม่ได้คิดเช่นนั้น ในเมื่อกลับมาแล้ว รอทานอาหารค่ำในวังพร้อมเราดีกว่า”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางรู้ว่าซินโย่วไม่เต็มใจ จึงปฏิเสธอ้อมค้อมแทนนาง “ในวังธรรมเนียมมาก วันนี้วุ่นวายมาครึ่งค่อนวันแล้ว ให้อาโย่วไปพักที่จวนหม่อมฉันดีกว่าเพคะ วันหน้ายังเข้าวังมาได้ตลอดเวลา”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็ทรงเห็นตาม ไม่ดึงดันต่ออีก

ตอนออกจากวัง ซินโย่วขึ้นรถม้าองค์หญิงใหญ่เจาหยาง รถม้าเคลื่อนไปไม่นาน ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินตามอยู่ด้านหลัง

องค์หญิงใหญ่เจาหยางเข้าพระทัยดี จึงรับสั่งให้สารถีหยุดรถ “อาโย่วไปถามดูหน่อยว่าฉางเล่อโหวมีรถม้าหรือไม่ หากไม่มี ก็ให้เขานั่งรถคันนี้กลับจวนโหว”

“ขอบคุณเสด็จอาเพคะ”

ซินโย่วลงจากรถม้า เดินไปหาเฮ่อชิงเซียว “ใต้เท้าเฮ่อ”

เฮ่อชิงเซียวหยุดฝีเท้า มองดูสาวน้อยในชุดกระโปรงสีม่วงก้าวเข้ามารวดเร็ว สายตาหยุดที่หางตาแดงระเรื่อของนาง

เป็นครั้งแรกที่เฮ่อชิงเซียวรู้สึกว่าตนเองสภาพอนาถยิ่ง

เขาถึงกับคิดว่าอาโย่วหลั่งน้ำตาเพราะชอบเขา

เทียบกันแล้ว ความเจ็บปวดที่มาจากบาดแผล และความอับอายที่ถูกถอดกางเกงโบยต่อหน้าผู้คน คล้ายว่าไม่สำคัญอีกต่อไป

“คุณหนูซิน…” เฮ่อชิงเซียวลังเลครู่หนึ่ง “หรือว่า…องค์หญิง”

เขาไม่แน่ใจ สองพ่อลูกพบกันแล้วจะมีข้อตกลงอันใด

“ไม่มีองค์หญิงอันใดทั้งนั้น ใต้เท้าเฮ่อเรียกข้าว่าคุณหนูซินก็พอ” ซินโย่วมองบาดแผลเฮ่อชิงเซียวจากสีหน้าไม่ออก เม้มปากถามว่า “ข้ามาสายไปใช่หรือไม่”

เช้าวันนี้ตอนถูกใต้เท้าเฮ่อขวางไว้ที่ตรอกชุมชนนั้น เขาและนางก็ตกลงคำพูดกันไว้แล้ว รอใต้เท้าเฮ่อถูกถามก็ให้ยอมรับว่าตอนลงใต้จึงได้รู้สถานะนาง

หากไม่มีการเดินทางลงใต้ครั้งนี้ ทันทีที่เรื่องคุณหนูโค่วเป็นคุณชายซินแดงขึ้น ใต้เท้าเฮ่อปฏิเสธว่ารู้สถานะแท้จริงของนาง ก็ยากจะได้รับความเชื่อถือจากคนผู้นั้นอีก แต่หากยอมรับ โทษหลอกลวงเบื้องสูงก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้โดยง่ายได้

ตอนเดินทางลงใต้ช่วยนางตกน้ำไว้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะยอมรับเรื่องนี้

เห็นสายตาเป็นห่วงของนาง เฮ่อชิงเซียวก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “เพียงแค่สามที”

เขาหยุดชะงักแล้วก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ต่อ “เพียงแค่สามสิบที ข้าทนไหว คุณหนูซินไม่ควรขอร้องแทนข้า”

“ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนไม่เป็นมิตรต่อใต้เท้าเฮ่อ ให้เขาควบคุมการโบย สามสิบไม้ โบยลงไปอาจสิ้นลมหายใจได้ทุกเมื่อ”

โทษโบยสามสิบไม้ หากตั้งใจโบยให้ตาย ก็ย่อมตายได้ เฝิงเหนียนไม่กล้าเอาชีวิตใต้เท้าเฮ่อ แต่ให้เขารับทุกข์หนักก็ไม่ยาก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท