สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 331 มาเดินเล่นร้านหนังสือชิงซง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 331 มาเดินเล่นร้านหนังสือชิงซง

“คุณชายจังต้องการถามเรื่องใด”

จังซวี่เขยิบเข้ามาใกล้อีกก้าว หรี่เสียงเบาลงเอ่ยว่า “คุณหนูโค่วที่ข้าเคยพบก่อนหน้านี้ไม่ใช่น้องสาวเจ้าแต่เป็นคุณชายซินที่ปลอมตัวเป็นหญิงจริงหรือ”

ต้วนอวิ๋นหลางขมวดคิ้วงุนงง

ตอนนี้เขาไม่ชอบฟังเรื่องพวกนี้อย่างมาก

ไม่ทันได้ตอบ จังซวี่ก็เลิกคิ้วถามว่า “เจ้าเป็นใบ้หรือ”

“ใช่” ต้วนอวิ๋นหลางรับคำ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “คุณชายจังหลีกทางหน่อย ข้าจะกลับไปห้องแล้ว”

“ให้เจ้าไปได้แล้วหรือ ข้ายังถามไม่จบ!” จังซวี่ไม่รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย หากเป็นผู้มีชาติกำเนิดสูงกว่าเขา เขาก็อาจจะสงวนท่าทีเก็บงำอารมณ์ตนเองอยู่บ้าง แต่ต่อหน้าหลานชายรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเล็กๆ ก็ย่อมวางอำนาจไม่เกรงใจ

ต้วนอวิ๋นหลางอดทนอดกลั้นอารมณ์ ถามขึ้นว่า “คุณชายจังยังมีอันใดต้องการถาม”

“คุณหนูซินผู้นั้นหน้าตาเหมือนน้องสาวเจ้าจริงหรือ”

“อืม” ต้วนอวิ๋นหลางรู้สึกใกล้ทนไม่ไหวแล้ว

เหมือนกับน้องชิงหรือ

ตอนนี้หวนคิดให้ละเอียด คิดกลับไปมา ความจริงก็มีบางส่วนไม่เหมือน เพียงแต่น้องชิงมักเก็บตัวเงียบ แม้ว่าอยู่ร่วมจวนมาสี่ปี แต่ผู้ใดเคยจ้องมองนางจริงจังบ้าง

แม้แต่ตัวเขาเองที่คิดว่าตนเองสนิทสนมกับน้องชิงมากแล้วก็ตาม

ต้วนอวิ๋นหลางคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเสียใจนึกตำหนิตนเอง

จังซวี่กลับถามต่ออีก “เช่นนั้นน้องสาวเจ้าก็ตายไปนานแล้ว?”

“เจ้าว่าผู้ใดตายแล้ว” ต้วนอวิ๋นหลางทนไม่ไหวแล้ว ผลักจังซวี่ออกก่อนเดินหนีไปทันที

“เจ้าลูกเต่านี่!” จังซวี่คิดไล่ตามไปด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ แต่ถูกสหายร่วมชั้นรั้งไว้

จังซวี่จ้องมองทิศทางที่ต้วนอวิ๋นหลางเดินไป พร้อมกับกำหมัดถูไปมา

เดิมก็มาถามด้วยความโกรธอยู่แล้ว

ตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าคุณชายซินก็คือคุณหนูโค่ว จังซวี่ไม่ได้เห็นว่าเรื่องนี้น่าประหลาดเหมือนที่ผู้คนกำลังคิดกัน แต่พลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

คุณหนูซินผู้นี้ก็คือบุตรสาวฮองเฮาซิน และจวนกู้ชางป๋อก็สังหารฮองเฮาซิน ในเมื่อคุณหนูซินก็คือคุณหนูโค่ว แล้วจะช่วยชี้แนะให้ไต้เจ๋อได้อย่างไร

จังซวี่จำได้แม่นยำว่าไต้เจ๋อให้ความเคารพเลื่อมใสต่อคุณหนูโค่วอย่างไร แม้แต่เขาก็ยังเห็นคุณหนูโค่วเป็นผู้สูงส่ง

แต่ตอนนี้ได้รู้สถานะแท้จริงของคุณหนูโค่ว จังซวี่อดสงสัยไม่ได้ว่าไต้เจ๋อโดนอุบายเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าการที่จวนกู้ชางป๋อล่มสลายก็อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

น่าสงสารไต้เจ๋อที่ถูกเนรเทศไปชายแดน ตอนไปยังเห็น ‘คุณหนูโค่ว’ เป็นสหายผู้สูงส่ง!

ดังนั้นในเมื่อจังซวี่ไม่อาจไปหาซินโย่ว ก็ย่อมมาหาต้วนอวิ๋นหลางแทน

“ไป!” จังซวี่ระงับความแค้น สะบัดแขนเสื้อออกไป

ร้านหนังสือชิงซงไม่ไกลจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน หลิวโจวดึงผู้ดูแลร้านหูมาเอ่ยว่า “ผู้ดูแลร้าน ไม่ถูกต้อง!”

คนงานเหลือบมองเห็นคนที่เข้ามาแล้วก็กวาดตามองไปรอบโถงร้าน ก่อนมองตามภาพแผ่นหลังนักเรียนที่จากไปมือเปล่า เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ปกติหลังเลิกเรียนก็จะมีนักเรียนสองสามคนมาเดินร้านหนังสือ แต่วันนี้เหตุใดมากันหลายสิบคน แต่ไม่ซื้อหนังสือพู่กันหรือหมึก เดินวนสองรอบแล้วก็ไป แต่ละคนต่างชะโงกหน้ามองไปด้านหลัง…”

“ไม่ค่อยถูกต้องจริงๆ” ผู้ดูแลร้านหูชินกับการลูบเครา พลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ทำเอาเครากระดก

ไม่ได้การแล้ว คงมิใช่ว่าความลับภูเขาเงินกองในห้องคลังแพร่ออกไปแล้ว!

“มาอีกแล้ว” หลิวโจวส่งเสียงบอกผู้ดูแลร้านหูที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

ผู้ดูแลร้านหูมองไปทางประตูก็เห็นนักเรียนสามคนเดินเข้ามา นำโดยหลานชายจังโส่วฝู่ ผู้ดูแลร้านหนังสือย่อมจดจำใบหน้าบุคคลสถานะเช่นนี้ไว้แม่นยำนานแล้ว

ผู้ดูแลร้านหูก้าวเข้าไปต้อนรับ

จังซวี่กวาดตามองไปรอบโถงร้านทีหนึ่ง มองดูนักเรียนหลายคนท่าทางรีรอ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามาเพราะข่าวลือนั่น

ความจริงทุกคนล้วนรู้ว่าไม่อาจได้พบ ‘คุณหนูโค่ว’ ที่นี่ แต่นี่คือร้านหนังสือที่ ‘คุณหนูโค่ว’ เปิด เมื่อก่อน ‘คุณหนูโค่ว’ มักจะมาเดินเล่นที่นี่ ไม่ต้องเห็นตัวจริงก็พอจะปลอบประโลมใจที่อยากรู้ของตนเองได้ไม่น้อย

จังซวี่รู้สึกว่าคนเหล่านี้ไร้เดียงสา

แต่ที่เขามามิใช่เพราะความอยากรู้

“ผู้ดูแลร้าน เจ้าของร้านพวกเจ้าจะมาเมื่อใด”

แม้นางมิใช่คุณหนูโค่ว ก็คงไม่มีทางไม่มาร้านหนังสือ

พอเอ่ยเช่นนี้ออกไป นักเรียนหลายคนในโถงร้านหนังสือกับนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาต่างก็เงี่ยหูรอฟัง

ผู้ดูแลร้านหูสีหน้าสงบนิ่งเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “เจ้าของร้านกลับไปพักจวนรองเจ้ากรมแล้ว หลายวันนี้ไม่ได้มาร้านหนังสือ”

จังซวี่ประหลาดใจ “ผู้ดูแลร้านยังไม่รู้หรือ”

เสียงตกใจของบรรดานักเรียนคนอื่นดังขึ้น “ร้านหนังสือถึงกับยังไม่รู้”

“คุณชายจัง พวกเราควรรู้อันใดหรือ” หลิวโจวอดถามไม่ได้

ข่าวครั้งนี้ย่อมแพร่จากบนลงล่าง ยังมาไม่ถึงร้านค้าร้านตลาด ซินโย่วไม่ได้ให้คนมาส่งข่าวพวกผู้ดูแลร้านหู จวนรองเจ้ากรมยิ่งไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ นักเรียนที่มาเดินเล่นร้านหนังสือชิงซงแม้เต็มไปด้วยความอยากรู้ แต่ก็รู้ระวังเรื่องความอ่อนไหวของสถานะซินโย่ว ย่อมมิกล้าปากมากความ

เห็นคนงานสีหน้างุนงง จังซวี่ก็ยิ้มเอ่ยว่า “รู้จักคุณชายซินหรือไม่”

หลิวโจวพยักหน้า

รู้จักสิ ‘บันทึกตะวันตก’ ก็คือนิยายที่คุณชายซินเขียนออกมาในนามท่านซงหลิง แม้ว่าคุณชายซินบอกว่าท่านซงหลิงเป็นอีกคน เขาเพียงแค่ถ่ายทอดนิยายของท่านซงหลิง แต่เขียนพรรณนานิยายเดิมๆ ออกมาได้เช่นนี้ ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว

“เจ้าของร้านพวกเจ้าก็คือคุณชายซิน หากนางมาร้านหนังสือ บอกนางว่าข้ามีธุระต้องการพบนาง” จังซวี่ทิ้งท้ายไว้ก่อนจากไป

หลิวโจวนิ่งอึ้งไปทันที เป็นนานก่อนจะหันไปถามผู้ดูแลร้านหูด้วยสีหน้างุนงง “ผู้ดูแลร้าน ข้าฟังผิดใช่หรือไม่ได้ คุณชายจังบอกว่าเจ้าของร้านก็คือคุณชายซิน”

ผู้ดูแลร้านหูเองก็กำลังตะลึงงัน…

หลิวโจวมองดูผู้ดูแลร้านอย่างสิ้นหวังพลางถอนหายใจ ถามนักเรียนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างชั้นหนังสือ หลังจากมอบ ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มหนึ่งให้นักเรียนผู้นั้นแล้ว ก็เริ่มสอบถามรายละเอียดได้ราบรื่นขึ้น

ก่อนจะเดินตัวลอยกลับมาข้างกายผู้ดูแลร้านหู หลิวโจวดึงแขนเสื้อผู้ดูแลร้าน เอ่ยน้ำเสียงสั่นเทา “ผู้ดูแลร้าน เจ้าของร้านเป็นองค์ องค์ องค์หญิง…”

ผู้ดูแลร้านหูที่เพิ่งสงบจิตใจลงได้ก็ถึงกับตะลึงงันต่อ…

ซินโย่วพักอยู่จวนองค์หญิงใหญ่ได้สองสามวัน ก็เอ่ยว่าจะกลับที่พักตนเอง

“อีกสองวันก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังแล้ว รอหลังงานเลี้ยงค่อยกลับไปเถอะ” องค์หญิงใหญ่เจาหยาง เตือน

งานเลี้ยงในวังครั้งนี้ก็คือการประกาศตัวซินโย่วอย่างเป็นทางการว่าเป็นสมาชิกในราชวงศ์ ด้วยท่าทีของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ คนอื่นๆ ย่อมมิกล้าเสียมารยาท แต่ต้องให้เวลาทุกคนเตรียมตัวบ้าง

“รอวันงานหม่อมฉันค่อยมา เข้าวังไปพร้อมกับเสด็จอา สองสามวันมานี้กลับไปพักที่จวนก่อน จะได้ให้ทุกปรับตัวกับสถานะใหม่”

ตนเองก็มิได้มีอันใดต้องปรับ หลักๆ ก็คือให้ผู้อื่นปรับตัวให้คุ้นชิน

ซินโย่วพักอยู่จวนองค์หญิงใหญ่สองสามวัน ไม่ว่าข่าวลือซุบซิบภายนอกกระหน่ำรุนแรงเพียงนาง ก็ไม่ออกไปด้านนอก ให้เวลาบรรดาคนที่นางรู้จักได้ปรับตัวสักหน่อย

องค์หญิงใหญ่เจาหยางรู้ว่าหลานสาวมีความคิดนี้ ก็ไม่คิดฝืนใจรั้งให้อยู่ต่ออีก “เช่นนั้นรอให้ถึงวันนั้นก็ให้รถม้าที่จวนไปรับเจ้า”

ซินโย่วกล่าวขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ วันรุ่งขึ้นก็รับเสี่ยวเหลียนที่อยู่จวนรองเจ้ากรมออกมา เช้าวันนั้นยังส่งคนนำจดหมายไปที่สุสานหลวงเรียกตัวเชียนเฟิงกับผิงอันกลับมาจวนที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระราชทานให้ก่อนหน้านี้

“ยินดีต้อนรับคุณหนูกลับจวน!” พ่อบ้านนำบ่าวทุกคนออกมารอต้อนรับ

ซินโย่วความจำดี กวาดตามองก็พบว่าเปลี่ยนคนไม่น้อย บ่าวชายส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นบ่าวหญิง ผู้คุ้มกันก็มีจำนวนเพิ่มขึ้น

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง เปลี่ยนหรือไม่ก็ไม่เป็นไร สั่งการพ่อบ้านแล้วก็เดินเข้าห้องไป

ใกล้ยามเที่ยง เจ้าแปดออกจากสุสานก็ไปโรงนาพาหัวหน้าหกกลับมา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท