ตอนที่ 333 โจรภูเขาแสนขยัน
……….
พอเอ่ยเรียกว่า ‘ฟางหมัวมัว’ ขึ้น ก็ทำให้ฟางหมัวมัวได้สติคืนมา
ฟางหมัวมัวทนไม่ไหวอีกต่อไป ปิดหน้าร่ำไห้เจ็บปวด
เสี่ยวเหลียนค่อยๆ ประคองไหล่ฟางหมัวมัว สะอื้นไห้เอ่ยว่า “ฟางหมัวมัว คุณหนูอาโย่วแก้แค้นให้คุณหนูชิงชิงแล้ว…”
“ข้ารู้ๆ…” ฟางหมัวมัวยกมือเช็ดน้ำตา แต่กลับเช็ดอย่างไรก็ไม่หมด
สองสามวันมานี้นางได้ยินมาหมดแล้ว แต่มักจะมีความเพ้อฝัน ผู้ที่นางเห็นก็คือชิงชิงชัดๆ เหตุใดจึงเป็นผู้อื่นไปได้ ตอนนี้นางรู้แล้ว คุณหนูที่มีมากความสามารถที่นางได้พบหลังจากกันไปนาน ไม่ใช่คุณหนูชิงชิงของนาง
คุณหนูชิงชิงของนางตายในดงพยัคฆ์ไปนานแล้ว ไม่อาจออกเรือน ไม่อาจแก่เฒ่าได้อีกแล้ว
ฟางหมัวมัวปลดปล่อยอารมณ์เศร้าเสียใจแล้วก็ปาดน้ำตา คำนับซินโย่ว “เสียมารยาทต่อคุณหนูแล้ว”
ซินโย่วปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟางหมัวมัวเสียใจเรื่องคุณหนูโค่วก็เป็นเรื่องปกติของคนเรา แต่ข้าคิดว่าคุณหนูโค่วในปรภพย่อมไม่อยากให้ฟางหมัวมัวเสียใจมากเกินไป จะทำลายสุขภาพ ท่านกับเสี่ยวเหลียนเป็นผู้ที่สนิทชิดใกล้กับนางที่สุดบนโลกนี้ นางจะต้องหวังให้พวกท่านมีชีวิตที่ดี”
“บ่าวเข้าใจแล้ว” ฟางหมัวมัวค่อยๆ สงบอารมณ์ลง “คุณหนูชิงชิงฝังอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ”
“ฝังอยู่ที่โรงนาที่เป็นของคุณหนูโค่ว”
ฟางหมัวมัวน้ำตาไหล “ถึงกับฝังอยู่ที่นั่น…”
โรงนานั้นนางเคยไป ยังได้เห็นหลุมศพที่ไร้ชื่อหลุมหนึ่ง กลับไม่รู้ว่าหลุมศพนั่นฝังหญิงสาวที่นางเลี้ยงดูมาแต่เล็ก
ตอนคุณหนูชิงชิงของนางตาย อายุเพียงแค่สิบหก
“รอเช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราไปเผากระดาษเงินกระดาษทองให้คุณหนูโค่วกัน”
ฟางหมัวมัวมองซินโย่วอย่างตกใจ
แม้ว่ารู้คุณหนูซินจิตใจดี แต่คุณหนูซินเป็นองค์หญิง ถึงกับเต็มใจเป็นเพื่อนนางไปเซ่นไหว้คุณหนูชิงชิง?
ซินโย่วเตือนอย่างห่วงใย “ต้องเผากระดาษเงินกระดาษทองใช่หรือไม่ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้…”
“บ่าวรู้…” ฟางหมัวมัวถูกชักจูงไปคิดเรื่องอื่นได้สำเร็จ
คืนนี้ซินโย่วพักที่เรือนตะวันออกร้านหนังสือ เสี่ยวเหลียนนอนกับฟางหมัวมัว คุยกันจนกระทั่งเที่ยงคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นกินข้าวแล้ว พวกซินโย่วก็นั่งรถม้าออกจากเมืองไปยังโรงนาของโค่วชิงชิง
ตำหนักเฉียนชิงกง
หลังเลิกประชุมท้องพระโรง จัดการราชกิจไปได้ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เรียกตัวผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนมาสอบถามความเคลื่อนไหวของซินโย่ว
แม้กล่าวว่าเพราะซินโย่วขอร้อง ทำให้เฮ่อชิงเซียวได้รับการละเว้นโทษ แต่ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังคงรู้สึกระแวง ทว่าก็ยังอดใส่ใจสถานการณ์ของบุตรสาวไม่ได้ จึงได้มอบภารกิจนี้ให้กับเฝิงเหนียน
“เมื่อวานองค์หญิงออกจากจวนองค์หญิงใหญ่ก็กลับไปยังจวนที่ฝ่าบาทพระราชทาน ยามบ่ายไปร้านหนังสือชิงซงและก็พักที่นั่น เช้าวันนี้เดินทางไปชานเมือง…”
เพราะคำพูดเฝิงเหนียนว่า ‘องค์หญิง’ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็อารมณ์ดีมาก มุมพระโอษฐ์แย้มสรวลไม่รู้ตัว “เช้ามาก็ไปชานเมือง ไปทำอันใด”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบกระจ่าง กระหม่อมส่งคนไปสืบดูแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เตือนคนที่ไปสืบด้วย อย่าให้อาโย่วพบเข้า จะทำให้นางไม่พอใจ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ค่อยวางพระทัย ตรัสกำชับอีกคำ
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฝิงเหนียนแอบนึกตกใจ
ความใส่พระทัยคอยจับตาดูนี้ต่างจากการคอยจับตาดูขุนนาง องค์หญิงที่ฮ่องเต้เพิ่งทรงรับกลับมาใหม่ๆ และกำลังใส่พระทัยอยู่ ถุย ถุย แม้ชิ่งอ๋องก็มิเคยได้รับความโปรดปรานเพียงนี้ เมื่อวานถึงกับมีข่าวว่าคุณหนูซินไม่ยอมรับวงศ์ตระกูล ไม่ยอมรับพระราชทานพระยศองค์หญิง ทรงผิดหวังอย่างมากเพราะบุตรชายที่ฮ่องเต้ทรงคาดหวังกลายเป็นบุตรสาว
เฝิงเหนียนไม่คิดเตือนพวกโง่เง่าพวกนั้น แอบรู้สึกมีลางสังหรณ์ว่า หากใช้การข่าวเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ บางทีเขาอาจเปลี่ยนสถานการณ์ที่เคยเป็นมา ได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้มากขึ้น
เฝิงเหนียนถอยออกไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามซุนเหยียน “งานเลี้ยงในวังอีกสองวันกระมัง”
ซุนเหยียนรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ” ในใจคิดว่าทรงตรัสถามมาหลายรอบแล้ว ในเมื่ออยากพบองค์หญิงอาโย่ว เหตุใดไม่มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า
บุตรสาวที่เพิ่งรับกลับมาไปพักนอกวัง ไม่ได้พบหน้า แน่นอนว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดอยากเรียกตัวเข้าเฝ้า แต่เขารู้ดีว่าเด็กอายุเท่านั้นส่วนใหญ่ดื้อรั้น ในใจอาโย่วยังคับแค้นเขา ไม่อาจร้อนใจเกินไป
หน้าหลุมศพโดดเดี่ยวชานเมือง หลังซินโย่วเซ่นไหว้แล้วก็ไปยืนด้านข้าง รอพวกเสี่ยวเหลียนกับฟาง หมัวมัวระบายอารมณ์เจ็บปวดอยู่เงียบๆ
พื้นที่เวิ้งว้าง ลมพัดย่อมแรงสักหน่อย ทำให้เสียงร่ำไห้เจ็บปวดดังออกไปไกลมาก
เสี่ยวเหลียนหยุดร้องไห้ก่อน เข้าไปประคองฟางหมัวมัว “ฟางหมัวมัว ลุกขึ้นเถอะ”
ฟางหมัวมัวยันขาที่คุกเข่าจนชาขึ้นมา “ให้คุณหนูรอนานแล้ว”
ฟางหมัวมัวไม่ได้เหมือนเสี่ยวเหลียนที่สนิทกับซินโย่วเพราะอยู่ร่วมกันมานาน ตอนฟางหมัวมัวรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้ามิใช่โค่วชิงชิง แต่เป็นองค์หญิง ก็มิอาจอยู่ร่วมกันแบบก่อนหน้านี้ได้อีก
เรื่องนี้ฟางหมัวมัวรู้กระจ่างใจดี ซินโย่วยิ่งรู้กระจ่างใจ
“ฟางหมัวมัวกลับร้านหนังสือไปก่อน ข้าจะไปโรงนาอูอวิ๋น”
แม้เมื่อวานเพิ่งได้พบหัวหน้าหก แต่นางเปลี่ยนสถานะแล้ว อย่างไรก็ต้องไปโรงนาสักครั้ง ในเมื่อวันนี้ออกนอกเมืองมาแล้ว เลือกวันดีไม่สู้วันสะดวก
เจ้าแปดตื่นเต้นที่จะได้กลับโรงนาอูอวิ๋นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการได้กลับไปพร้อมกับซินโย่ว
นี่เรียกว่าอย่างไรนะ กลับภูมิลำเนาอย่างยิ่งใหญ่!
ทุกคนเพิ่งมาถึงปากทางเข้าโรงนา เจ้าแปดก็ตะโกนขึ้น “รีบไปบอกพี่หก คุณหนูมา!”
ได้ฟังเสียงคนตะโกนก็วิ่งออกไป หัวหน้าหกพยายามเบียดตัวออกมา “คุณหนูมาแล้ว”
“มาเยี่ยมทุกคน”
หัวหน้าหกยิ้มกว้าง ยกมือขึ้น “ตีฆ้องรวมพล!”
เสียงฆ้องดังขึ้น เดิมคนที่รายรอบซินโย่วก็พลันกระจายตัวออก วิ่งไปยังพื้นที่ว่างกลางโรงนา
หัวหน้าหกเดินนำซินโย่วเข้าไปด้านใน “นั่นคือสถานที่ฝึกซ้อมปกติของพวกเรา กำหนดระเบียบธรรมเนียมเรียบร้อย ไม่ว่ายามใดได้ยินเสียงฆ้องก็ให้รีบมารวมพลกันที่นี่”
“ธรรมเนียมนี้ไม่เลว”
ซินโย่วเอ่ยชม แววตาหัวหน้าหกก็ส่องประกาย “อย่าให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะพวกเราต้อนรับบกพร่อง ขายหน้าคุณหนู”
หัวหน้าหกรูปร่างสูง หน้าตาดี และยังจงรักภักดี ทำเอาเสี่ยวเหลียนแอบค้อนใส่ทีหนึ่งไม่ได้
เพียงเวลาแค่ชั่วดื่มชาแก้วหนึ่ง พื้นที่ว่างตรงหน้าก็มีคนมายืนกันอยู่เต็ม เรียงแถวเรียบร้อย
“ยังมีพี่น้องบางคนไปทำงานในที่นา คงไม่อาจกลับมาเร็วได้”
“ทุกคนปกติฝึกซ้อมอย่างไร” การแสดงออกของพวกหัวหน้าหกเหล่านี้เหนือความคาดหมายของซินโย่ว ทำให้นางนึกอยากรู้
หัวหน้าหกกระแอมไอก่อนตะโกนเสียงดังขึ้น “พี่น้อง คุณหนูมาเยี่ยมเยือนพวกเราแล้ว ปกติฝึกซ้อมกันอย่างไรก็แสดงให้คุณหนูชมดีๆ!”
“ขอรับ!”
แม้ว่าคนยังมาไม่ครบ แต่รวมตัวกันเกือบร้อยได้แล้ว เสียงตอบรับพร้อมเพรียงดังสนั่นไปทั่ว
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่กำลังลอบสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลนักรีบหมอบลงทันที สบตามองหน้ากันไปมา
“คือว่า…หากถูกพบเข้า พวกเราน่าจะไม่เป็นอันใด…กระมัง”
เสียงยิ่งเอ่ยยิ่งเบา กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายที่กำลังคุยกันพลันกระโดดลุกขึ้นวิ่งหนี
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายความเร็วไม่น้อย แต่เชียนเฟิงกับผิงอันเร็วยิ่งกว่า เวลาเพียงพริบตาก็จับตัวได้
ในฐานะผู้คุ้มกันประจำตัวซินโย่วที่องค์หญิงใหญ่เจาหยางพระราชทาน ย่อมเป็นองครักษ์ที่พร้อมพลีชีพ เชียนเฟิงกับผิงอันล้วนมีฝีมือระดับยอดเยี่ยม สู้กับทหารสองนายของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้อย่างแน่นอน
ซินโย่วตั้งใจชมบรรดาผู้ที่เคยเป็นโจรภูเขา ซึ่งก็คือชาวนาในตอนนี้ ขณะที่ทุกคนกำลังฝึกซ้อม เชียนเฟิงกับผิงอันก็จับกุมตัวกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายมายืนเงียบๆ ด้านหลังนาง
การฝึกซ้อมจบลง แววตาหลายคู่ต่างมองซินโย่วด้วยความกระตือรือร้น
นี่คือผู้มีพระคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้พวกเขา ไม่ว่าคุณชายซินหรือคุณหนูซิน พวกเขาล้วนติดตามนาง มอบชีวิตให้นาง