หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 194 นางไปเอาเบาะแสมาจากไหน?

บทที่ 194 นางไปเอาเบาะแสมาจากไหน?

บทที่ 194 นางไปเอาเบาะแสมาจากไหน?

มองดูการแสดงออกของพวกเขาสองคน หลานเยาเยายิ้มอย่างเคอะเขิน ในใจก็คิดข้ออ้างต่างๆมากมายทันที เพียงแต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกไป ก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกของเย่แจ๋หยิ่งดังมา

“เอาเขาโยนทิ้งออกไป”

โยนทิ้ง?

โยนทิ้งออกไป?

ถ้าคนตายไปแล้ว นางจะหาเบาะแสจากที่ไหน?

ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะของหมอ นางไม่สามารถที่จะมองดูคนโดนยาพิษตายไปต่อหน้าต่อตาโดยอยู่เฉยๆได้

ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า : “เขาโดนยาพิษใกล้ตายแล้ว ข้าไม่สามารถให้เขาตายได้ ข้ามีข้อสงสัยมากมายอยากถามเขา ส่วนอยากถามอะไร ข้าไม่สามารถพูดได้”

ตอนนี้ก็สามารถอธิบายได้เพียงเท่านี้แล้ว

ไม่เช่นนั้นเซียวจิ่นหยูถูกโยนออกไปแล้ว ก็จะต้องตายเพียงทางเดียว

คราวนี้ เย่แจ๋หยิ่งไม่พูดแล้ว เขาเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าเตียง มองดูเซียวจิ่นหยูที่ใส่หน้ากากไว้ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“เรื่องที่เจ้าอยากรู้ถามข้าตรงๆ”

หืม?

ฟังจากน้ำเสียงสุภาพเช่นนี้ ราวกับว่าเขารู้ว่านางคิดจะถามอะไร? หรือว่าเขารู้วิชาการอ่านใจจริงๆ? หรือว่าเป็นพยาธิไส้เดือนในท้องของนาง อะไรก็รู้ไปหมด?

ดังนั้น!

นางจึงได้ปริรอยยิ้มที่ดูประจบประแจงขึ้นมาทันที

“แฮร่ๆ……”

“ได้ได้ได้ ต่อไปข้าเจอข้อสงสัยปัญหายากเย็นอะไรจะถามท่านทั้งหมด เช่นนี้ก็ได้แล้วใช่หรือไม่?” พูดพร้อมดึงมือเขาแกว่งไปมาไปด้วย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ท่านกลับมาดึกขนาดนี้ ตรงบาดแผลยังไม่ได้เปลี่ยนยาใช่ไหม? ไป ข้าจะไปเปลี่ยนให้ท่าน!”

พูดจบก็ไม่ได้สนใจว่าเย่แจ๋หยิ่งจะเห็นด้วยหรือไม่ นางก็ดึงเขาแกมหยอกล้อเขาพาไปยังห้องของตัวเอง

เมื่อเดินผ่านหานแส นางก็ไม่ลืมที่จะเตือนหานแสหนึ่งประโยค :

“เวลาไม่เช้าแล้ว เจ้าก็รีบพักผ่อน”

นางไม่รู้ว่าทำไมเย่แจ๋หยิ่งถึงได้กลับมาพร้อมกับหานแส ถึงอย่างไร กลับมาหมดแล้วก็ดีแล้ว

หานแสพยักหน้าเบาเบา เมื่อพวกเขาออกไปก็ปิดประตูห้องลง แล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง

“เอี๊ยด……”

เมื่อผลักเย่แจ๋หยิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง นางก็หันกลับไปปิดประตู

จากนั้นก็บังคับให้เย่แจ๋หยิ่งนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็ถอดเสื้อเขาออกทันทีโดยไม่พูดอะไรมาก ปากก็ยังบ่นว่า :

“ดูดู วันทั้งวันไม่รู้จักเปลี่ยนยา เช่นนี้ไม่ดีต่อบาดแผลที่กำลังจะปิดสนิท บาดแผลของท่านอยู่ข้างๆหัวใจ ไม่เหมาะที่จะใช้เวลาขยับตัวเดินนานๆ”

เย่แจ๋หยิ่งมองดูนาง หน้าตายังคงความเฉยชา แต่เขาก็ให้นางทำทุกอย่างที่นางต้องการกับร่างกายของเขา รอจนนางพูดจบ จึงจะปริปากบางๆนั้นขึ้น

เพียงแต่คำพูดยังไม่ทันจะออกจากปาก หลานเยาเยาก็เหมือนกับจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไร และกลัวว่าเขาจะพูดออกมา จึงรีบพูดขึ้นมาว่า :

“น่าแปลก? ทั้งๆที่ยาที่ข้าออกให้ท่านเป็นยาที่ดีที่สุด ทำไมบาดแผลถึงได้ปิดช้านัก?”

พูดไปนางก็ตรวจดูที่บาดแผลของเขาไปด้วย ตรวจไปด้วยและพูดไปด้วยอย่างไม่หยุดหย่อน

ในขณะที่นางออกแรงทำมากขึ้น มือก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งดึงไว้ทันที

“ทำอะไร?”

“ท่าน……”

“ข้ารับรองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย คราวหน้าจะไม่พาคนกลับมาตามใจอีกเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ที่ท่านอยู่ด้านล่างของป่าแห่งความลับ ไม่ใช่ว่าตั้งใจไว้ชีวิตเขาหรอกหรือ?

ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ท่านคงไม่อยากให้เขาตาย ข้าพาเขากลับมา นี่ก็เพราะคิดเผื่อท่าน”

หลังจากสารภาพเสร็จ หลานเยาเยาก็เหลือไปมองตาเขาอย่างระมัดระวัง เห็นเขายังคงทำให้เฉยชา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา

ดูแววตาเช่นนี้ของเขา ก็เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หรือว่าต้องใช้แผนสุดท้าย?

อุบายสาวงาม?

ภายในห้องเกิดความเงียบขึ้นมาทันใด เงียบสงบจนหลานเยาเยาสามารถได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง รอมาสักพักใหญ่ จนนางทนไม่ไหวกลืนน้ำลายตัวเอง ท่าทางดูค่อนข้างตลก

ในไม่ช้า นางจึงได้แสดงออกแบบที่ยอมเทหมดหน้าตัก เอามือไปปลดชุดคลุมของตัวเอง……

หลังจากมองดูนางปลดกระดุมเม็ดที่สามแล้ว ก็ราวกับว่าปลดไม่ออกอีกแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งมุมปากกระตุกนิดหนึ่ง

แล้วก็ถอนหายใจออกมากะทันหัน

“เพื่อเขาแล้ว ขนาดอุบายสาวงามก็นำมาใช้เลยหรือ?”

“เหอะเหอะ ท่านกำลังคิดจะเอาเขาไปโยนทิ้งใช่หรือไม่นะ?” พูดไปก็ยักคิ้วหลิ่วตาไป

เย่แจ๋หยิ่งเอามือกุมขมับ นึกไม่ถึงว่าจะโดนนางหลอกล้อให้ยิ้มเช่นนี้ได้ ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

“เดิมทีข้าเพียงแค่จะแก้ไขคำพูดของเจ้าให้ถูกต้อง ยาที่ใส่บนบาดแผลนี่ก็เพิ่งใส่และพันไว้หลังจากที่กินอาหารเย็นเสร็จ แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่ได้เปลี่ยนยาเลยทั้งวัน ไม่ใส่ใจข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?”

เมื่อพูดเช่นนี้ หลานเยาเยาถึงกับอึ้งไปตรงนั้น

เพิ่งเปลี่ยนเมื่อตอนกินอาหารเย็นหรือเนี๊ย? ทำไมนางจึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมากๆแล้วนะ?

แต่ว่า!

ดูท่าแล้ว เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้คิดที่จะโยนเซียวจิ่นหยูทิ้งออกไปแล้ว

เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ นางจึงรีบติดกระดุมเม็ดที่ปลดไปทันที

ใครจะรู้……

เม็ดแรกยังไม่ทันจะติดเสร็จ เย่แจ๋หยิ่งก็ยื่นมือมาหยุดการกระทำของนางเอาไว้ จากนั้นก็ปลดกระดุมที่เหลือไม่กี่เม็ดออกด้วยตัวเอง

“ท่านท่านท่าน……นี่จะทำอะไร? ไม่ใช่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา”

“หืม?”

“นั่น แผลของท่านยังปิดไม่สนิท ไม่สามารถขยับตัวรุนแรงได้ อ่า ไม่ถูก ความหมายข้าก็คือ อารมณ์ความรู้สึกของท่านไม่ควรที่จะตื่นเต้นเกินไป การกระทำที่ค่อนข้างดุเดือด ไม่เป็นผลดีต่อบาดแผลของท่าน……”

หลานเยาเยาพูดจาเป็นตุเป็นตะ โดยรวมคือ ในคำพูดของนางไม่มีสาระ

หากรู้แบบนี้ก็จะไม่ใช้อุบายสาวงามตั้งแต่แรก ตอนนี้จะทำเช่นไรดี? จะจบก็จบไม่ได้

“ขณะที่ใช่อุบายสาวงามเมื่อครู่ ทำไมจึงไม่คิดถึงปัญหานี้?”

การลงมือปลดกระดุมของเขายังไม่หยุดลง แต่กลับเพิ่มความเร็วขึ้น

“นั่นไม่ใช่เพราะว่า……” เพราะว่าเขาจะเอาเซียวจิ่นหยูไปโยนทิ้ง นางใช้อุบายสาวงาม เพียงแค่อยากหักเหความสนใจของเขา

ใครจะรู้……

ตัวเองจะต้องเสียเปรียบซะแล้ว

“เพราะว่าอะไร?”

“ไม่ ไม่อะไร!”

ตอนนี้ดีที่สุดต้องไม่พูดถึงเรื่องของเซียวจิ่นหยู ไม่งั้นเกรงว่าเขาจะกลับคำขึ้นมา ถึงเวลานั้นคงไม่ใช่เอาคนออกไปโยนทิ้ง แต่จะกลายเป็นเอาคนไปฆ่าทิ้งแทน

กระดุมโดนปลดแล้ว จากนั้นมือใหญ่ๆของเย่แจ๋หยิ่งก็วางไว้บนไหล่ของนาง

เห็นได้ชัดว่ากำลังเอาเปรียบนางอยู่ แต่ว่าดูจากดวงตาของเขาแล้วกลับมองไม่ออกเลย เหมือนเพียงว่าเขากำลังชื่นชมอยู่

ชื่นชม?

ชื่นชมกับผีอะไรหล่ะ!

ลงมือขนาดนี้แล้ว เช่นคนอย่างเย่แจ๋หยิ่งที่มีความอดทนอดกลั้นเหลือคณาเช่นนี้ ถ้ารอให้นางมีความรู้สึกอะไรขึ้นมา คาดว่าคงต้องรอให้หุงข้าวจนสุกซะก่อนละมั้ง!

“อ้า……เจ็บเจ็บเจ็บอ้า!”

ในขณะที่นางไม่รู้ตัวนั้น คิดไม่ถึงว่าจะโดนกัดเข้าให้หนึ่งที

หลานเยาเยามองดูที่ไหล่ของตัวเอง ปรากฏรอยฟันสองแถว จึงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

“ท่านกัดข้า?”

เกิดปีหมารึไง? เจ็บชะมัด

นางรีบจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ สุดท้ายก็จ้องเขาด้วยสีหน้าคับแค้นใจ

ใครจะรู้ เย่แจ๋หยิ่งกลับไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะมีอะไรผิดไป อีกทั้งยังถามกลับแกมสั่งสอนว่า :

“เจ็บหรือ?” เขาถามเบาๆอย่างอ่อนโยน

“ท่านว่าไงล่ะ?”

“เจ็บ ก็ถูกแล้ว” สีหน้าเขาเปลี่ยนไปกะทันหัน เปลี่ยนเป็นพูดอย่างเผด็จการว่า : “นี่จะทำให้เจ้ารู้ คราวหน้าไม่ควรจะเอาใจข้าเพื่อผู้ชายคนอื่น เช่นนี้จะทำให้ข้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก”

ฟังเขาพูดเช่นนี้ หลานเยาเยาไม่พอใจขึ้นมาทันที นางทำปากจู๋ บ่นพรึมพรำว่า :

“ชิ! ข้าทำเพื่อคนอื่นที่ไหนกัน ทำเพียงเพื่อตัวเองโดยเฉพาะต่างหาก…..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท