ตอนที่ 339 ถ่ายทอด
……….
หมอหลวงสองคนต่างนิ่งอึ้งไปทันที
ทั้งสองคนสบตากัน ในแววตาต่างเผยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
หมอหลวงจางตั้งสติได้ก่อน ตื่นเต้นจนไม่รู้ควรวางมือวางไม้ที่ใด “คุณ คุณหนูซิน ท่านยินดีสอนข้าน้อยจริงหรือ”
หมอหลวงอีกคนแซ่ฉี อายุห้าสิบกว่า ยามนี้ก็ลืมระวังตนเช่นกัน “สอนพวกข้าน้อย?”
เขาได้ยินก็รู้ดีว่า ‘พวกท่าน’ ของคุณหนูซินหมายถึงผู้ใด!
ไม่อาจตำหนิหมอหลวงฉีอายุปูนนี้ยังทำตัวตื่นเต้นหมือนหมอหลวงหนุ่ม ยิ่งอายุมากก็ยิ่งรู้ว่าการได้เรียนเคล็ดลับตกทอดของแต่ละตระกูลนั้นยากเพียงใด
โอกาสหาได้ยากเช่นนี้ ความโชคดีมโหฬารเช่นนี้ ตกลงมาใส่ศีรษะเขาหรือนี่
“หมอหลวงทั้งสองยินดีศึกษา ข้าก็ยินดีสอน”
ซินโย่วกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ หมอหลวงทั้งสองกลับรู้สึกว่ามีค่าหนักพันชั่ง
“ขอบคุณคุณหนูซิน!” หมอหลวงจางทำความเคารพซินโย่วดังศิษย์คำนับอาจารย์
“หมอหลวงจางมิต้องทำเช่นนี้ วิธีนี้เรียนรู้ไม่ยาก ประเด็นอยู่ที่วิธีการจับจังหวะให้เหมาะเท่านั้น” ซิน โย่วเพียงแค่รู้วิธีการช่วย มิใช่วิชาแพทย์ ไม่คิดว่าจะมีคุณสมบัติเป็นอาจารย์ผู้อื่น
หมอหลวงจางกับหมอหลวงฉีเองก็เข้าใจดี ด้วยสถานะพิเศษของซินโย่ว เป็นไปไม่ได้ที่จะได้คารวะเป็นอาจารย์แท้จริง แต่ก็รู้ดีเช่นกันว่าวิธีการช่วยเหลือเร่งด่วนนี้หาเรียนรู้ได้ยาก ในใจแอบมองสาวน้อยตรงหน้าเป็นดังอาจารย์เงียบๆ
“เสด็จอา เสด็จอาพาพี่รุ่ยกับน้องฝูกลับไปก่อน หม่อมฉันสอนหมอหลวงทั้งสองเป็นแล้วค่อยตามไป”
ข่งฝูดึงแขนเสื้อองค์หญิงใหญ่เจาหยาง “ท่านแม่ ข้าอยากดูพี่อาโย่วสอนวิธีการช่วยเหลือเร่งด่วนให้หมอหลวง”
องค์หญิงใหญ่เจาหยาง ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าวิธีการช่วยเหลือเร่งด่วนกินเวลาไม่นาน เจ้าสอนหมอหลวงทั้งสองก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน พอดีพวกเราจะได้อยู่ดูด้วย หากเรียนรู้ติดตัวได้ก็เป็นการดี”
ซินโย่วได้ฟังองค์หญิงใหญ่เจาหยางกล่าวเช่นนี้ ย่อมไม่ปฏิเสธ
เลือกหาสถานที่ที่มีต้นไม้บังสายตาผู้คนแล้ว ซินโย่วก็สอนเคล็ดลับวิธีการช่วยเหลือเร่งด่วน
พอเหมาะให้หมอหลวงจางกับหมอหลวงฉีมายืนรวมกลุ่มได้ ซินโย่วให้ข่งฝูเป็นตัวสาธิตการถูกช่วยเหลือได้พอดี
คุณหนูตัวน้อยตื่นเต้นมาก เรียนรู้ได้ไม่ช้าไปกว่าหมอหลวงทั้งสอง
ข่งรุ่ยยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง แอบจดจำไว้แล้ว
สอนหมอหลวงทั้งสองเสร็จก็ออกจากวัง องค์หญิงใหญ่เจาหยางดึงมือซินโย่วมากุม “รุ่ยเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับฝูเอ๋อร์สักครู่ แม่มีเรื่องคุยกับน้องอาโยว่เจ้าหน่อย”
ซินโย่วขึ้นรถม้าองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
“อาโย่ว วันนี้ดีที่มีเจ้าอยู่ด้วย”
“ผู้ใดประสบเหตุการณ์นี้ มีวิธีการอยู่พอดี ก็มิอาจนิ่งดูดายเพคะ”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่คิดเช่นนี้ “วิธีการช่วยเหลือเร่งด่วนนี้ ไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จทุกครั้งกระมัง”
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “เรื่องใดก็ย่อมมิใช่ว่าสำเร็จทุกครั้ง”
“ก็คือทำมากผิดมาก ทำน้อยผิดน้อย ไม่ทำไม่ผิด เจ้ากล้าก้าวออกมาช่วยเหลือก็ควรค่าแก่การชื่นชมแล้ว”
แม้องค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่ได้รู้สึกผูกพันกับหลานชายหลานสาวในวังพวกนั้นสักเท่าไร แต่ก็ไม่อยากเห็นเด็กน้อยเกิดเหตุ
“พระสนมเสียนเฟยเป็นคนรู้จักดำรงตน วันนี้เจ้าช่วยองค์ชายสามไว้ วันหน้าอย่างน้อยต่อหน้าผู้คน นางก็จะไม่แสดงความเห็นขัดแย้งกับเจ้า” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยถึงพระสนมเสียนเฟย นี่คือสิ่งที่นางต้องการบอกซินโย่ว
ไม่ว่าวันหน้าอาโย่วมีแผนการใด การเข้าใจบุคคลที่มีสถานะพอสมควร มิใช่เรื่องเลวร้าย
“ขอบคุณเสด็จอาที่เตือน”
ในรถม้ากว้างขวาง สองอาหลานคุยกันเบาๆ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จกลับถึงตำหนักบรรทมได้ยินขันทีทูลรายงานเรื่องซินโย่วสอนหมอหลวงทั้งสอง
“อาโย่วเหมือนเรา ใจกว้าง”
ซุนเหยียนที่รับใช้อยู่ด้านข้างรีบแสดงความเห็นด้วย “มังกรให้กำเนิดมังกร หงส์ให้กำเนิดหงส์ องค์หญิงอาโย่วย่อมเหมือนฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่งเสียงสรวลดัง แย้มสรวลแล้วก็แย้มสรวลอีกก่อนจะถอนหายใจ
น่าเสียดายอาโย่วไม่ใช่บุตรชาย
ซินโย่วเพิ่งกลับถึงจวนตระกูลซิน ของพระราชทานในวังก็มาถึง
นอกจากของพระราชทานจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ของขวัญขอบคุณจากพระสนมเสียนเฟยก็ไม่น้อย เสี่ยวเหลียนจัดระเบียบรายการของขวัญแล้วก็นึกอยากรู้มาก “ยังมีของพระสนมอันผิน พระสนมตวนผิน พระสนมลี่ผิน…คงมิใช่พระสนมที่ร่วมงานเลี้ยงในวังทุกท่านล้วนมอบของขวัญให้คุณหนูกระมัง”
ซินโย่วได้ฟังรายชื่อก็พยักหน้าเล็กน้อย “เหมือนจะใช่”
เสี่ยวเหลียนมองซินโย่วด้วยแววตาส่องประกาย
คุณหนูต้องกระทำเรื่องยิ่งใหญ่มาอย่างแน่นอน!
“องค์ชายสามกินห่านย่างติดคอ…”
ได้ฟังซินโย่วเล่าจบ เสี่ยวเหลียนก็นึกเสียใจ “น่าเสียดายบ่าวไม่ได้อยู่ด้วย”
นางเป็นสาวใช้ติดตามเจ้านายเข้าวังจะถูกส่งไปอีกสถานที่หนึ่ง ไม่มีสถานะเพียงพอจะรับใช้ข้างกายได้
ซินโย่วตบแขนเสี่ยวเหลียนปลอบใจ “รีบจัดของเถอะ ตามพวกหงเอ๋อร์มาช่วยเจ้าจัดการที่เหลือ อีกสักครู่เจ้าไปร้านหนังสือ ให้หลิวโจวไปหาใต้เท้าเฮ่อ บอกว่าเช้าวันพรุ่งนี้หากเขามีเวลา ข้ารอเขาอยู่ที่ร้านหนังสือ”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวเหลียนพาหงเอ๋อร์และเจี้ยงซวงมาตรวจรับจัดเก็บเข้าห้องคลัง จดลงบันทึกไว้ ก่อนจะไปร้านหนังสือชิงซง
หลิวโจวได้ยินว่าเจ้าของร้านจะมาพรุ่งนี้ ก็นำจดหมายไปให้เฮ่อชิงเซียวอย่างดีใจ
ผู้ดูแลร้านหูกลับถอนหายใจ
“ผู้ดูแลร้านเป็นอันใดหรือ” เสี่ยวเหลียนถามอย่างห่วงใย
“ไม่มีอันใด รู้ว่าท่านเจ้าของร้านจะมา ดีใจ” ผู้ดูแลร้านคิดแล้วก็ถอนหายใจ
เมื่อก่อนเขามักเป็นห่วงว่าจะมีหมาป่าใดมาคาบเจ้าของร้านไป คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าของร้านกลับกลายเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ ไม่อาจได้พบเจ้าของร้านทุกวันได้
พอหลิวโจวกลับมา ก็บอกเสี่ยวเหลียนว่านำคำพูดไปแจ้งแล้ว เสี่ยวเหลียนจึงได้นำ ‘บันทึกตะวันตก’ สองสามเล่มกลับจวน
หลิวโจวได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้ดูแลร้านหู ก็เหล่มองเขาพลางถามว่า “ท่านผู้ดูแลร้านเหมือนอารมณ์ไม่ปกติ กับท่านเจ้าของร้านเสิ่นคนก่อนเรา ท่านก็มิได้มีทีท่าเช่นนี้ไหม”
ผู้ดูแลร้านหูกระดิกเครา “เหมือนกันที่ไหน เจ้าของร้านเสิ่นคือของชำร่วย แต่เจ้าของร้านเราคือเสาหลัก!”
เสิ่นหนิงก้าวเข้ามาทันที “ผู้ดูแลร้าน เมื่อครู่ข้าเหมือนได้ยินท่านเรียกข้า?”
ผู้ดูแลร้านหูหัวเราะเบาๆ เข้าไปต้อนรับ “ท่านฟังผิดแล้ว พวกเรากำลังบอกว่าท่านเจ้าของร้านจะมาเมื่อใด คุณชายเสิ่นมาซื้อหนังสือหรือ”
เสิ่นหนิงโบกพัดจีบ “เมื่อก่อนเรียกข้าว่าท่านเจ้าของร้าน ตอนนี้เรียกข้าว่าคุณชายเสิ่น ห่างเหินไปแล้ว ห่างเหินแท้!”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจว “…”
เช้าวันต่อมาซินโย่วมาร้านหนังสือชิงซงแต่เช้า เดินมายังชั้นหนังสือที่เฮ่อชิงเซียวมักมายืน หยิบบันทึกการเดินทางเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน
นี่คือบันทึกการเดินทางทางทะเลเล่มหนึ่ง บรรยายถึงทิวทัศน์ที่ต่างจากแผ่นดินราชวงศ์ต้าซย่าอย่างชัดเจน
ซินโย่วเดิมคิดฆ่าเวลา แต่อ่านไป ๆ ก็เริ่มตกลงสู่เรื่องราวในบันทึก จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
นางหันหน้าไปมองก็กระดกมุมปากยิ้มทักทาย “ใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา อ่านชื่อบันทึกการเดินทางในมือซินโย่ว แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย
“คุณหนูซินมีธุระต้องการพบข้า?”
“ไปคุยกันด้านหลัง” ซินโย่ววางหนังสือลงก่อนเดินนำไปด้านหลัง
ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรอยากรู้สถานะนาง พูดจาในร้านหนังสือย่อมไม่เหมาะนัก
ณ ห้องโถงรับรองแขกในเรือนตะวันออก
เสี่ยวเหลียนประคองน้ำชาเข้ามาแล้วก็ถอยออกไปเงียบๆ
“ใต้เท้าเฮ่อบาดแผลหายดีแล้วหรือ”
“หายแล้ว” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยวาจาสั้นกระชับ ไม่คิดเอ่ยถึงเรื่องนี้มากนัก
ซินโย่วมองออกว่าเขาอึดอัด ก็นึกขำ
ใต้เท้าเฮ่อหน้าบางเกินไปแล้ว
“ได้ยินว่างานเลี้ยงในวังเมื่อวาน คุณหนูซินช่วยองค์ชายสามไว้ ยังถ่ายทอดวิธีการช่วยชีวิตเร่งด่วนแก่หมอหลวงด้วย”
“ใต้เท้าเฮ่อได้ยินมาแล้วหรือ” ซินโย่วคิดไม่ถึงว่าจะแพร่ออกไปรวดเร็วเพียงนี้
“ข่าวมาจากสำนักหมอหลวง เกรงว่าอีกสองสามวันก็จะแพร่ไปทั่ว”
ทั้งสองคนคุยกันได้ครู่หนึ่ง ซินโย่วถามขึ้นว่า “คดีใต้เท้าเติ้ง ท่านจับกุมคนมากมายเช่นนั้น มีข่าวสารเกี่ยวกับตราประทับอักษร ‘จวิน’ ไหม”
เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้า สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา
อาโย่วกล่าวเช่นนี้ เกรงว่ามีแผนการใหม่แล้ว