ตอนที่ 1583 คนทรยศแคว้น
……….
มู่หรงลี่ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กำหมัดแน่นด้วยแววตาเคร่งเครียด…
แม้ท่านอาเก้าจะส่งจดหมายมาเตือนเขาก่อนแล้วว่าให้เขาระวังเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ไว้ เขาก็เตรียมระวังตัวไว้แล้วเช่นกัน ทว่า เมื่อเขาเห็นมารดาของตัวเองปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตำหนักเขาก็รู้ทันที่ว่ามารดาของเขาเลือกอยู่ข้างเดียวกับเชื้อพระวงศ์เหล่านั้น มู่หรงลี่รู้สึกปวดใจราวกับถูกมีดกรีดลงบนหัวใจนับพันเล่ม
เขาเคยออกคำสั่งกับทหารคุ้มกันตำหนักพักผ่อนและองครักษ์ลับว่าหากมารดาของเขาบุกออกมาจากตำหนักพักร้อนโดยไม่มีคำสั่งจากผู้สำเร็จราชการหรือเขา หากพวกเขาห้ามนางไม่ได้ให้…สังหาร!
ไทเฮาคือมารดาแท้ๆ ของเขา หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ มู่หรงลี่ไม่อยากทำถึงขั้นนี้
เขาให้หวังจิ่วโจวบอกมารดาของเขาว่าหากนางคิดหนีออกมาจากตำหนักพักร้อนจะถูกสังหาร เขาหวังว่ามารดาจะยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักพักร้อนและไม่ก่อเรื่องอันใดขึ้นอีก
ทว่า ตอนนี้มารดาของเขาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตำหนักตอนที่เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นคิดว่าตัวเองควบคุมกองทัพทหารรักษาพระองค์ไว้ได้แล้ว แสดงว่าทหารรักษาพระองค์ที่เขาสั่งให้จับตาดูมารดาของเขาทรยศเขาไม่ก็ถูกสังหารหมดแล้ว
หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ของเขาถูกสังหารแล้ว หากเขาเดาไม่ผิดตอนนี้ทูตของต้าโจวที่พักอยู่ในต้าเยี่ยนก็คงถูกสังหารแล้วเช่นเดียวกัน คนเหล่านี้อาจแต่งเรื่องหลอกเขาว่าทูตของต้าโจวหนีไปจากเมืองหลวงเพราะเรื่องที่ต้าโจวผิดคำสัญญาบุกโจมตีเมืองซีผิงก่อน
ทายาทของตระกูลมู่หรงมีอำนาจฝังลึกในราชวงศ์ ครั้งนี้พวกเขาคงเรียกใช้ทหารหน่วยกล้าตายและทหารที่ซุกซ่อนเอาไว้ทั้งหมดแล้วแน่นอน
เมื่อผู้อาวุโสสองสามคนที่ค่อนข้างมีอำนาจในราชสำนักเห็นไทเฮาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตำหนักจึงพากันหันไปมองทางผู้มีศักดิ์เป็นปู่อีกคนของมู่หรงลี่ซึ่งมีอายุมากที่สุดในบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดทันที
มีคนแอบย่องเข้ามาในตำหนักจากมุมลับตาคน จากนั้นเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของปู่ของมู่หรงลี่ผู้นั้น ปู่ของมู่หรงลี่เบิกตาโพลง เขาพาทุกคนไปคุกเข่าตอนรับไทเฮาที่หน้าประตูตำหนัก จากนั้นกล่าวขึ้นเสียงดัง “ฝ่าบาททรงพระเยาว์จึงถูกมู่หรงเหยี่ยนผู้ทรยศแคว้นหลอกลวง ไทเฮาได้โปรดดูแลราชสำนักแทนฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ล้วนอยู่ข้างจักรพรรดิของต้าเยี่ยน
ทว่า เมื่อไทเฮานำหลักฐานที่พิสูจน์ว่ามู่หรงเหยี่ยนทรยศแคว้นต้าเยี่ยนและหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาคือพ่อค้าเซียวหรงเหยี่ยนออกมาแล้วจักรพรรดิต้าเยี่ยนยังยืนกรานที่จะปกป้องมู่หรงเหยี่ยน เชื้อพระวงศ์ต้าเยี่ยนเหล่านี้จึงเริ่มหวาดกลัวในความเชื่อใจที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนมีให้มู่หรงเหยี่ยน
พวกเขากลัวว่าหากพวกเขายืนอยู่คนละฝ่ายกับมู่หรงเหยี่ยน หากสุดท้ายจักรพรรดิต้าเยี่ยนต้องเลือกขึ้นมาจริงๆ…จักรพรรดิต้าเยี่ยนจะทอดทิ้งพวกเขา
เชื้อพระวงศ์เหล่านี้คิดว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรแต่งตั้งผู้อื่นขึ้นมากุมอำนาจแทน องค์ชายใหญ่ผู้อ่อนแอคนนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ทว่า ตอนนี้พวกเขาต้องให้ไทเฮาดูแลราชสำนักแทนไปก่อน
เพราะเป้าหมายของไทเฮาคือการสังหารมู่หรงเหยี่ยนและไม่อยากให้ต้าเยี่ยนแพ้การเดิมพันเช่นเดียวกับเชื้อพระวงศ์ทุกคน
อ๋องตามเมืองต่างๆ เริ่มลงมือสังหารจักรพรรดินีต้าโจวและผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนแล้ว พวกเขาล้วนอยากถือโอกาสนี้ทำลายสัญญาเดิมพันระหว่างสองแคว้น ทว่า จักรพรรดิต้าเยี่ยนกลับบอกว่ารายงานสถานการณ์รบที่ถูกส่งมาจากเมืองซีผิงไม่ได้ระบุชัดเจนถึงเหตุจูงใจในการทำสงครามของต้าโจวในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนยังอยากเดิมพันอยู่ นี่คือสิ่งที่เหล่าเชื้อพระวงศ์ยอมไม่ได้
ต้าเยี่ยนอ่อนแอกว่าต้าโจว โอกาสชนะของต้าเยี่ยนมีน้อยมาก
ดังนั้นเหล่าเชื้อพระวงศ์จึงตัดสินใจให้ไทเฮากลับมาดูแลราชสำนัก ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็ห้ามปล่อยให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนส่งทูตไปเจรจาสงบศึกหรือสอบถามเหตุผลจากต้าโจวเด็ดขาด มิเช่นนั้นซีผิงอ๋องคงตายเปล่า จักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนอาจเดินทางไปขอโทษจักรพรรดินีต้าโจวด้วยตัวเองและเดิมพันแคว้นต่อก็ได้
ใบหน้าของไทเฮาซีดเผือด ทว่า ทรงผมและเครื่องแต่งกายของนางยังคงเป็นระเบียบไม่มีที่ติ ซอกเล็บของนางเต็มไปด้วยเลือดที่แห้งกรังซึ่งยังไม่มีเวลาล้างทำความสะอาด ด้านหลังของนางคือเสียงอาวุธและเกราะเหล็กกระทบกัน อีกทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด…
เหล่าขุนนางในราชสำนักเงียบกริบ
เมื่อได้ยินเสียงสู้รบพวกเขาจึงรู้ทันทีว่าวังหลวงกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
หวังจิ่วโจวซึ่งยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้างมู่หรงลี่มองไปทางขันทีเล็กที่ยืนอยู่ด้านล่างแท่นสูงแวบหนึ่ง ขันทีผู้นั้นพยักหน้า จากนั้นรีบปลีกตัวออกไปจากตำหนักก่อนที่ทหารรักษาพระองค์จะควบคุมตำหนักนี้ไว้
ไทเฮารู้สึกว่าอาลี่ของนางใจอ่อนเกินไป บุตรชายของนางยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ มู่หรงเหยี่ยนสู้รบอยู่ที่ด่านหน้า ส่วนมู่หรงลี่คอยปลอบขวัญและตามใจเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ ให้ตำแหน่งสำคัญกับเชื้อพระวงศ์บางคนโดยคิดว่าจะดึงคนเหล่านี้มาเป็นพวกได้ ทว่า บุตรชายของนางไม่รู้หรอกว่าความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนแรกเขาซื้อใจเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นได้จริงๆ อย่างน้อยหากต้องเลือกระหว่างมู่หรงเหยี่ยนกับมู่หรงลี่…คนเหล่านั้นจะเลือกมู่หรงลี่แน่นอน
ดังนั้นต่อให้วันนี้ไทเฮาต้องใช้วิธีบีบบังคับมู่หรงลี่นางก็ต้องทำให้บุตรชายของนางตระหนักให้ได้ว่าขอเพียงเขาทอดทิ้งมู่หรงเหยี่ยน คนเหล่านี้ยังพร้อมจะยืนข้างเขาเสมอ
ไทเฮากำหมัดแน่น นางเห็นสายตาเย็นชาของบุตรชายที่มองมาทางนาง นางฝืนยื่นมือไปข้างหน้าให้ขันทีประคองนางเข้าไปในตำหนัก นางก้าวเดินไปแต่ละก้าวด้วยความยากลำบากเพราะทุกฝีก้าวล้วนสะเทือนถึงบาดแผลของนาง นางเดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆ จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยเสียงมั่นคง “เช่นนั้นก็ลองว่ามาสิว่าเหตุใดจึงรีบร้อนเชิญข้ากลับวังหลวงเช่นนี้”
เชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาคลานเข่าไปด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อก้มศีรษะคำนับไทเฮา เชื้อพระวงศ์บางคนคลานเข่าตามหลังไทเฮาไป จากนั้นกล่าวขึ้นเสียงสูง “ทูลไทเฮา เมื่อวานเจ้าเมืองหยางเฉวียนส่งข่าวมาบอกว่าเมื่อวานคนทรยศมู่หรงเหยี่ยนเดินทางผ่านแคว้นหยางเฉวียน ไม่รู้ว่าเขาหลอกล่อแม่ทัพคุ้มกันเมืองหยางเฉวียนเช่นไรแม่ทัพจึงมอบกองทัพหยางเฉวียนให้แก่เขา เจ้าเมืองกล่าวว่ากองทัพหยางเฉวียนเคยเป็นกองทัพในสังกัดของแม่ทัพเซี่ยสวิน ทว่า ฝ่าบาททรงสั่งให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่เรียกเหล่าขุนนางมาปรึกษาเรื่องนี้! พวกกระหม่อมกลัวว่าผู้สำเร็จราชการจะหลอกฝ่าบาทจนหลงเชื่อสนิทใจจึงให้คนไปเชิญไทเฮากลับมาพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรงลี่กำที่วางแขนของบัลลังก์มังกรแน่น เมื่อนึกถึงเรื่องที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ของเขาถูกสังหารเมื่อคืนเขาจึงมองไปทางทหารรักษาพระองค์ที่ยืนอยู่นอกตำหนัก ทหารรักษาพระองค์ที่ติดตามไทเฮามาด้วยล้วนเป็นทหารที่แปลกตาทั้งหมด
ดูเหมือนว่าไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า…
ไทเฮาถูกขันทีประคองให้เดินขึ้นไปบนบันไดของแท่นสูง นางมองมู่หรงลี่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปเผชิญหน้ากับเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย
“ไทเฮา ตอนที่พระองค์จะเสด็จไปยังตำหนักพักผ่อนทรงเคยตรัสไว้ว่ามู่หรงเหยี่ยนคือเซียวหรงเหยี่ยน” เชื้อพระวงศ์บางคนมองไปทางมู่หรงลี่แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ในรายงานสถานการณ์รบจากเมืองซีผิงรายงานว่าตอนที่สองแคว้นทำสงครามกันมู่หรงเหยี่ยนจับตัวครอบครัวของซีผิงอ๋องทั้งหมดเป็นตัวประกัน เขาสังหารบุตรชายคนที่สองและสามของซีผิงอ๋อง อีกทั้งสังหารชายาของซีผิงซื่อจื่อ ดังนั้นกองทัพซีผิงจึงพ่ายแพ้! ในรายงานสถานการณ์รบเขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ทว่า ฝ่าบาทกลับตรัสว่าเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ผู้สำเร็จราชการทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลของเขาพ่ะย่ะค่ะ!”