หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 202 หญิงสาวผู้ชม้อยชม้ายชายตา

บทที่ 202 หญิงสาวผู้ชม้อยชม้ายชายตา

บทที่ 202 หญิงสาวผู้ชม้อยชม้ายชายตา

เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสมีทีท่าไม่ค่อยดี สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปที่เย่แจ๋หยิ่ง นางจึงหันหน้าไปทางเย่แจ๋หยิ่งในทันที

นางยังไม่ทันได้เห็นท่าทางของเขาอย่างชัดเจน จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือนางโดยไม่บอกไม่กล่าว และดึงนางออกไปอย่างรวดเร็ว

เอ่อ……

เช่นนี้มันจะดีรึ?

โจ่งแจ้งถึงเพียงนี้จะไม่เป็นการดูหมิ่นผู้อาวุโสทั้งสามหรอกรึ?

ก่อนหน้านี้ก็เคยบอกไปแล้ว ว่าต้องทำตัวให้ไม่เป็นที่สนใจ ถ่อมตัวลงหน่อย

แต่ในเพลานี้คือ?

มันทำให้คนอื่นหวาดหวั่นกันไปหมดแล้ว

หานแสเป็นเช่นนี้ เย่แจ๋หยิ่งก็มาเป็นเช่นนี้ไปด้วยอีกคน

หลานเยาเยาขัดขืนอยู่สองสามครั้ง แต่นางก็ไม่สามารถหลุดรอดจากเงื้อมมือของเย่แจ๋หยิ่งได้ สุดท้ายนางก็ถูกอุ้มเหมือนลูกไก่ไปโดยปริยาย จนกระทั่งพบว่ามีคนข้างหน้า เขาก็ได้ปล่อยนางลง พลางปัดไม้ปัดมืออย่างรังเกียจ

ผู้อาวุโสทั้งสามเฝ้าดูพวกเขาที่ไกลออกไป มองตามหลังของพวกเขาไปแบบนั้นด้วยท่าทางที่ต่างกันไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด หนึ่งในพวกเขาก็พูดขึ้นว่า:

“ดูเหมือนจะต้องเร่งดำเนินแผนการเสียแล้ว”

อีกสองคนก็จับเคราแพะที่มีความยาวต่างกันพลางพยักหน้าเห็นด้วย

ทางพวกหลานเยาเยานั้น ยังไม่ทันไปถึงที่พำนักของฮัวหยู่อัน ก็ได้พบกับหญิงสาวผู้แต่งตัวโอ่อ่างดงาม กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่ผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่ง

นางเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้สีชมพูเล็กๆนั่น แต่เหมือนว่าต้นไม้จะสูงเกินไป เอื้อมยังไงก็เอื้อมไม่ถึง

หลังจากได้เห็นว่าพวกเขาเดินมา ก็อดไม่ได้ที่จะจับเอวส่ายไปส่ายมาอย่างสวยงาม ซึ่งดูพลิ้วไหวเปราะบางจนมิอาจต้านทานสายลม พร้อมทอดสายตามองมาทางพวกเขาราวกับว่ามองมาเฉยๆไม่ได้มีอะไร

จะพูดให้ถูกก็คือ มองมาทางเย่แจ๋หยิ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้!

ดวงตาของหลานเยาเยาก็สว่างวาบ แต่แล้วก็กลับมามืดมนอีกครั้ง

แม้ว่านางก็รู้สึกเหมือนกันว่าเย่แจ๋หยิ่งเกิดมาด้วยรูปโฉมอันงดงาม แต่ความโหดร้ายก็ไม่แพ้ความหล่อเหลาเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า ตัวนางเองก็แต่งกายเป็นชายเหมือนกัน!

มันก็ไม่ได้ดูต่างจากเขาเสียเท่าไหร่……กระมัง

ทว่า เหตุใดหญิงสาวที่กำลังชม้อยชม้ายชายตาคนนั้น ไม่แม้แต่จะมองนางเลยล่ะ? ทั้งๆที่ตอนนี้นางเองก็เป็นหญิงสาวที่ดูหล่อเหลาเอาการอยู่เหมือนกัน?

จึงอดไม่ได้ที่จะบ่นกับเย่แจ๋หยิ่ง: “เรื่องรักเรื่องใครของเจ้าบานสะพรั่งแล้ว แล้วเมื่อใดรักของข้าจักเบ่งบานบ้าง!”

ผู้ใดจะรู้ได้ว่า จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งจะหยุดเดิน และหันมาสบตากับนาง พร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่มิอาจเข้าใจได้

“สิ่งที่เจ้าควรเป็นกังวลคือ วิธีถอนรากถอนโคนความรักในความลับนี้ต่างหาก”

เอ่อ?

ความรักในความลับงั้นรึ?

จากเรื่องความรักเบ่งบานอันละเอียดอ่อนก็ตามด้วยความรักในความลับไปเสีย เขาเลี่ยงหญิงสาวคนอื่นมากถึงเพียงนี้เชียวรึ?

เห็นอยู่แจ่มแจ้งว่าหญิงสาวที่เก็บดอกไม้นั้นก็ไม่แย่ นึกไม่ถึงเลยว่าว่ามาตรฐานของเขา จะสูงลิบลิ่วถึงเพียงนี้!

แต่นี่หาใช่ประเด็นไม่

ประเด็นก็คือเหตุใดนางจะต้องถอนรากถอนโคนด้วยล่ะ?

“ข้าหาได้หึงหวงปานนั้นไม่” หญิงสาวที่เก็บดอกไม้ไม่ได้ทำให้นางพะวงเลยแม้แต่น้อย เหตุใดนางจึงต้องไปขุดไปถอนกันล่ะ?

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่แจ๋หยิ่งก็เลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดในลักษณะนั้นจะมีเพียงแค่หลานเยาเยาเท่านั้นที่จะได้ยิน:

“นั่นก็เป็นเพราะข้าทำให้เจ้าสบายใจ”

ฉึบ!

น้ำเสียงนั่นเหมือนว่ากำลังให้ทานยังไงยังงั้น

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเม้มปาก และตอกกลับไปอย่างไม่เห็นด้วย: “ไม่ใช่เพราะข้านั้นงดงามหรอกรึ? มั่นใจมากว่า นั่นมันทำให้ข้ามัดใจเจ้ามาได้ตั้งนมนาน”

หลานเยาเยาพูดยอตัวเองอย่างมั่นใจ ในแววตาของเย่แจ๋หยิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบผมอันเงางามของนาง

“เจ้าเนี้ย……”

“ข้าทำไม?”

“เจ้ายอดเยี่ยมมาก”

“ของมันแน่อยู่แล้ว” พวกเขาทั้งสองโต้เถียงกันไปโต้เถียงกันมา ไม่ได้แยแสหญิงสาวผู้เก็บดอกไม้ด้านข้างที่เดินผ่านมาเลยแม้แต่น้อย

“เอ่เอ่เอ่……”

หญิงสาวผู้เก็บดอกไม้มองตามท่านชายหล่อทั้งสอง แต่หาได้มีผู้ใดมองมาทางนางไม่ นางใส่อารมณ์ด้วยการกระทืบเท้า และรีบเดินตามมา ขณะที่เดินมาเคียงบ่าของพวกเขา มือของนางก็แตะที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา หลังจากนั้นก็ดูเหมือนไม่ค่อยสบาย แล้วจู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็เหมือนจะล้มลง

คงไม่ต้องพูดหรอก ก็นางอยู่ห่างเย่แจ๋หยิ่งเพียงแค่สามก้าว จะพูดก็คือจู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็ปล่อยพื้นที่ว่างด้านขวาไว้ และย้ายมาอยู่ด้านซ้ายของหลานเยาเยาแทน ซึ่งนี่ก็พอจะอธิบายได้ว่าท่านอ๋องผู้มาตรฐานสูงกำลังปฏิบัติต่อนางเหมือนดั่งอากาศ

เสียง “ตุ๊บ” นางก็ได้ไปทักทายกับพื้นโลกเสียแล้ว

“ไอ่โย๋! เจ็บมากๆเลย”

ในขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้น ก็อยากจะอ้าปากร้องเรียกด้วยความนุ่มนวล แต่แล้วนางก็ได้ยินบทสนทนาของสองหนุ่มรูปงามด้านหน้า:

“เหมือนจะมีคนล้ม เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยรึ?”

“หากหมูชนต้นไม้ตาย เจ้าจะไปช่วยมันรึ?”

“……”

จากนั้นทั้งสองก็เดินต่อไปเรื่อยๆ มือที่อยากจะยกขึ้นมาของหญิงสาวผู้เก็บดอกไม้ ก็จำต้องวางลงอย่างไม่พอใจ

“หึ! เมื่อข้าชอบผู้ใด ก็ไม่มีทางหลุดมือข้าไปได้หรอก” นางกระทืบเท้าอีกครั้งพลางแอบเดินตามไป

เมื่อหลานเยาเยามาถึงที่พำนักของฮัวหยู่อัน ก็ได้เห็นฮัวหยู่อันผลักไสผู้คนที่รุมล้อมอยู่ให้ออกไป

“พวกเจ้าจงออกไปให้หมด ออกไปกันให้หมด” ดวงตาสีเข้มของฮัวหยู่อันมีอาการบวมช้ำจากการร้องไห้ พร้อมด้วยเสียงที่แหบแห้ง แต่น้ำตาก็ยังคงไหลรินออกมาไม่ขาดสาย

หลังจากนั้นไม่ว่าคนข้างนอกจะทุบประตูหรือทำสิ่งใด จะปลอบโยนเช่นไร ก็ไร้ซึ่งประโยชน์ จะเป็นเช่นไรก็บอกว่าไม่เปิดประตูก็คือไม่เปิด

หลานเยาเยากระแอมเบาๆ และพูดเสียงดังกับคนด้านนอกว่า:

“เพลานี้นายของพวกเจ้าตกอยู่ในอารมณ์ที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก และในช่วงเวลาทำใจเช่นนี้ จำต้องพักผ่อนเสียหน่อย การที่พวกเจ้าโหวกเหวกโวยวายกั้นทางเข้าอยู่เช่นนี้ ก็มีแต่จะทำให้นางหดหู่มากยิ่งขึ้น”

ทุกๆคนต่างหันหน้ามามองนาง และรู้สึกไม่คุ้นเคยกับนาง ไม่ใช่คนในชนเผ่า อีกทั้งการพูดการจาก็ไม่ค่อยเกรงอกเกรงใจ

“เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาบอกว่าพวกข้านั้นรบกวนคุณหนู? หรือว่าการใส่ใจคุณหนูเป็นเรื่องที่ผิด?”

“ใช่! เจ้านั้นก็ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นพวกอ่อนต่อโลก เจ้าเป็นเพียงชายผู้หนึ่งจะไปเข้าใจจิตใจของหญิงสาวได้อย่างไรกัน? รีบไปเสีย พวกข้าไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น คุณหนูเพิ่งจะกลับมาในวันนี้ พวกข้าไม่อยากจะใส่ใจพวกเจ้า หากยังไม่ไปอีกพวกข้าคงต้องลงไม้ลงมือ”

“……”

หลังจากนั้นก็มีคนสองสามคนเริ่มเตรียมตัว คนด้านหลังพูดก็ขึ้นมาว่างั้นก็จะไม่เกรงใจแล้ว บางคนแม้แต่ไม้กวาดก็ยังจะเอามาไล่คน

มองดูพวกเขาที่มีมารยาททรามๆ ปากร้ายเหมือนคนไร้อารยธรรม หลานเยาเยาหาได้พูดโต้ตอบสิ่งใดไม่ แต่เลือกที่จะเอามือทั้งสองข้างกอดอกไว้ และให้พวกเขาพูดให้จบ

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากต่อปากต่อคำกับพวกเขา นางก็จะเป็นคนปากร้ายเหมือนกับพวกเขา

งั้นจะทำไปด้วยเหตุใดกัน?

ตัวนางก็เป็นผู้มีอารยธรรม

และในทันใดนั้น

เสียงที่แสนอ่อนหวานก็ดังขึ้น: “หยุด! พวกเขาเป็นเพื่อนที่น้องหยู่อันพามาเป็นแขก พวกเราจักต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี มิควรพูดสิ่งใดเช่นนั้น”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนก็สงบลงในทันที พลางหันไปทางต้นตอของเสียง หลังจากได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนผู้นั้น ก็ปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ

หลานเยาเยามองไปตามที่มาของเสียง

โอ้!

นี่ไม่ใช่หญิงสาวที่ชม้อยชม้ายชายตาตอนเก็บดอกไม้เมื่อครู่หรอกรึ?

“ซิ่วซิ่ว แต่เมื่อครู่เขาบอกว่าพวกเราเสียงดังรบกวนคุณหนู” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น

“ในเพลานี้น้องหยู่อันกำลังทุกข์ใจ จะอย่างไรเสียอาฝูและโม่ซางก็เป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของนาง อยู่ๆพวกเขาก็มาจากไป จะอยู่เงียบๆทบทวนความหลังถึงพวกเขาก็ไม่แปลก เราควรจะให้เวลาส่วนตัวกับนาง”

ซิ่วซิ่วหญิงเก็บดอกไม้บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะสามารถ ขณะเดินเข้ามาก็พยายามส่ายทรวดทรงองเอว เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน โดยเฉพาะเย่แจ๋หยิ่งที่นางชื่นชอบ

ช่างน่าสงสาร…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท