บทที่ 1053 เชิญคนผู้นั้น
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไปเมื่อตระหนักว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ! ตอนนั้นเขาและองค์หญิงรัชทายาทหาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ พวกที่วางแผนใส่ร้ายพวกเขาได้ซ่อนพวกมันไว้อย่างแน่นอน และจากนั้นก็นำพวกมันไปไว้ในที่เกิดเหตุในภายหลัง
“อะไร? เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?” มู่หรงถงเยาะเย้ยเมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าแววตาของซูอัน
ซูอันถอนหายใจและถามว่า “เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เหรอ? จะมีคนขโมยเสื้อผ้าของข้าและเอาไปไว้ในที่เกิดเหตุได้ไหม? ที่อยู่อาศัยของข้าในเมืองหลวงไม่ใช่ความลับและไม่มีการป้องกันเลย ผู้บ่มเพาะคนใดก็สามารถเข้าไปขโมยชุดเสื้อผ้าได้ มันจะไปยากอะไร?”
มู่หรงถงขมวดคิ้ว “ขโมยเสื้อผ้าของเจ้าเป็นเรื่องง่าย แต่องค์หญิงรัชทายาทอยู่ในวังตะวันออก เสื้อผ้าของพระนางไม่ได้ถูกขโมยได้ง่าย ๆ หรอก!”
ซูอันตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านควรถามเรื่องนี้กับองค์หญิงรัชทายาท จะได้รู้ว่าพวกมันถูกขโมยไปได้อย่างไร?”
มู่หรงถงคำรามอย่างโกรธเคือง “ปากดีนัก! ดูเหมือนว่าการสอบสวนคดีคงไม่ก้าวหน้าหากไม่มีการทรมาน!”
ซูอันพูดอย่างเศร้าโศก “ท่านมู่หรง ทำไมดูเหมือนท่านต้องการให้ข้าเข้าไปพัวพันกับองค์หญิงรัชทายาทในเรื่องเลวร้ายนี้ให้ได้? ข้าชักสงสัยแล้วว่าท่านมีแรงจูงใจซ่อนเร้นหรือเปล่า?”
“อย่าพยายามใส่ร้ายข้า!” มู่หรงถงเริ่มชินกับคำพูดที่แฝงนัยของซูอันแล้ว “ข้าแค่ทำเพื่อประโยชน์ของรูปคดี!”
“ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หรอกเหรอ?” ซูอันกล่าว “ท่านสามารถใช้นางกำนัลหรือแพทย์หญิงที่มีประสบการณ์ตรวจสอบร่างกายขององค์หญิงรัชทายาทว่าพระนางถูกผู้ชายล่วงละเมิดหรือไม่”
ทุกคนในห้องเงียบ ต่างเปลี่ยนสายตากันเล็กน้อย จากนั้นมู่หรงถงก็พูดว่า “เจ้าดูค่อนข้างมั่นใจนะ เป็นเพราะเจ้ารู้แล้วว่าองค์หญิงรัชทายาทเป็นสาวพรหมจรรย์ใช่หรือไม่?”
ซูอันแสร้งทำเป็นตกใจ “หา? องค์หญิงรัชทายาทเป็นสาวพรหมจรรย์จริง ๆ เหรอ? พระนางแต่งงานกับองค์รัชทายาทมานานแค่ไหนแล้ว?” เขาเริ่มชื่นชมทักษะการแสดงของตัวเองที่ไม่ยอมรับว่ารู้รายละเอียดเรื่องนี้จากผู้คุม
มู่หรงถงเสียงดัง “แล้วทำไมเจ้าถึงมั่นใจนักถ้าไม่รู้ความจริง? องค์หญิงรัชทายาทบอกเจ้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าพบกับพระนางในที่ส่วนตัว?”
เจิ้นเสวี่ยอีขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและเตือนว่า “ท่านมู่หรง โปรดระวังคำพูดด้วย”
ตอนนี้ซูอันตอบว่า “ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์หญิงรัชทายาท ไม่ว่าพระนางจะถูกล่วงละเมิดหรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ ท่านสามารถตรวจสอบว่าเสื้อผ้าของพระนางมีคราบของเหลวสีขาวขุ่นติดอยู่หรือไม่?”
“คราบของเหลวสีขาวขุ่น….” ดวงตาของผู้สอบสวนว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม พวกเขาใช้ชีวิตมานานแล้วและมีประสบการณ์พอสมควรในหอคณิกา จนตอนนี้ผมของทั้งสามเป็นสีเทา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ทันทีว่าซูอันกำลังพูดอะไร สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างแปลก
ซูอันสับสนกับปฏิกิริยาของพวกเขา แต่ยังคงพูดต่อ “ถ้าหากมีของเหลวเปื้อนอยู่ ท่านยังสามารถทดลองดมว่ามีกลิ่นฉุนใช่ไหม? เมื่อลองพิจารณาดูทั้งหมดแล้ว ท่านจะเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าทั้งองค์หญิงรัชทายาทและข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”
มู่หรงถงกล่าวต่อ “มีอีกอย่างหนึ่ง เจ้าถูกเจ้าหน้าที่เห็นระหว่างทำกิจกรรม จึงเจ้าต้องหยุดกลางคัน ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเจ้าและองค์หญิงรัชทายาทบริสุทธิ์จริง ๆ”
ซูอันยักไหล่ “ถ้าท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้” ในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนหายใจ มู่หรงถงและเจียงป๋อหยางรู้ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับองค์หญิงรัชทายาทมากพอสมควร
เจิ้นเสวี่ยอีพูดขึ้น “พวกท่านสองคนคิดเห็นเช่นไร?”
เจียงป๋อหยางกล่าวอย่างจริงจัง “ดูจากเบาะแสต่าง ๆ ข้าเชื่อว่าซูอันน่าจะถูกใส่ร้าย”
ซูอันรู้สึกอบอุ่น พ่อของอาจารย์ใหญ่คนสวย! เขารู้วิธีที่จะเชื่อใจลูกเขยในอนาคตของเขา
มู่หรงถงเสียงดัง “แต่เราไม่สามารถขจัดความเป็นไปได้ที่เขาและองค์หญิงรัชทายาทจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกัน”
ซูอันคิดในใจ หลังจากนี้ข้าจะคัดค้านการแต่งงานของหลานสาวเจ้ากับโหยวเจา มาดูกันว่าเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง!
เจิ้นเสวี่ยอีกล่าวว่า “เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลและเราขาดหลักฐาน เราทำได้แค่ปรึกษาคนผู้นั้น”
“ใช่ เมื่อเขาเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ เราจะรู้ความจริงทันที” เจียงป๋อหยางพยักหน้าเห็นด้วย
เจิ้นเสวี่ยอีหัวเราะอย่างเย็นชา “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิงรัชทายาท และจะส่งผลต่ออาณาจักรของเราด้วย เขาต้องตกลงอยู่แล้วแม้ว่าตัวเองจะไม่ต้องการก็ตาม”
ซูอันสับสน “พวกท่านกำลังพูดถึงใคร”
“เฉินซือแห่งสถาบันศึกษาหลวง” มู่หรงถงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยือกเย็น “ฉายา ‘ผู้เบิกเท็จเฉิน’ เขาบ่มเพาะศาสตร์แห่งการทำนายหยั่งรู้ เขาสามารถแยกแยะจิตใจของผู้คนได้ ไม่มีใครสามารถโกหกต่อหน้าเฉินซือได้”
ผู้เบิกเท็จนั้นมีตำแหน่งเทียบเท่าอาจารย์ใหญ่ แต่อำนาจของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก
ซูอันตกใจ นี่หมายความว่าคนชื่อเฉินซือนั่นเป็นเครื่องจับเท็จที่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่? แบบนี้ข้าก็ปวดตับ!
มู่หรงถงยิ้ม “หัวใจของเจ้าเต้นเร็วขึ้นนะ เจ้าประหม่าหรือเปล่า?”
ซูอันตัวสั่น คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังจึงสามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความตื่นเต้น ในที่สุดข้าก็สามารถแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองได้! ช่วยพามาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ได้ไหม?”
มู่หรงถงเริ่มหมดความมั่นใจเมื่อเขาเห็นความตื่นเต้นของซูอัน เป็นไปได้ไหมว่าที่ไอ้เด็กคนนี้จะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?
…
ทั้งสามรีบออกไปรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาต้องเชิญผู้เบิกเท็จมาที่นี่
ซูอันถูกนำตัวกลับเข้าไปในห้องขัง ทุกอย่างภายในได้รับการทำความสะอาดแล้วและโกวซือยังจัดให้มีผู้คุมยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย จูเซี่ยฉือซินเข้ามาเมื่อได้รับข่าวเช่นกัน เขาส่งกลุ่มทูตยุทธ์เสื้อแพรมาดูแลสถานที่เผื่อในกรณีที่มีบางอย่างผิดปกติกับผู้คุม โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างคอยตรวจสอบกัน แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ไม่สามารถเข้ามาได้
ซูอันจมลึกลงไปในความคิดเมื่อเห็นทูตยุทธ์เสื้อแพร ดูเหมือนว่าคนที่อยากให้ข้าตายไม่ใช่จักรพรรดิ ตกลงเป็นใครกันแน่? แล้วข้าควรทำอย่างไรกับเครื่องจับเท็จมนุษย์ที่ว่านั่น?
เขาไม่กลัวเฉินซือเพราะเขามีทักษะ ‘คีย์บอร์ดจงมา’ มันเพียงพอแล้วที่จะช่วยให้เขาผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปได้ แต่ผลข้างเคียงก็รุนแรงเกินไป
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะผ่านด่านเฉินซือได้ แต่ฝ่ายขององค์หญิงรัชทายาทล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเครื่องจับเท็จมนุษย์คนนี้ไปทดสอบองค์หญิงรัชทายาทด้วย? ข้าและนางจะถูกเปิดโปงหรือเปล่า?
เขาเริ่มตื่นตระหนกเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นั้น น่าเสียดายที่เขาถูกขังไว้และไม่สามารถทำอะไรได้
จู่ ๆ ซูอันก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เขาตระหนักว่าไม่ได้สุ่มรางวัลมาระยะหนึ่งแล้ว ในเมื่อทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ก็คงต้องหวังผลจากการสุ่มรางวัลนี่แหละ เขาคำนวณและพบว่ามีคะแนนความโกรธแค้นทั้งหมด 358,655 คะแนน หลังจากที่ซูอันมาถึงเมืองหลวงแล้วคนที่ติดต่อพบปะกันต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่สูงขึ้น ทุกคนจึงแจกคะแนนความโกรธแค้นให้เขามากขึ้น