บทที่ 1530 นางคือนาง
เขาคิดมาตลอดว่าเมื่อไรจะได้พบนางอีกครั้ง แต่เขาไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง มาวันนี้เดิมทีก็ไม่ได้อยากเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่สุดท้ายซูเยว่จือก็มาเข้าร่วม คิดไม่ถึงว่าจะได้พบนางโดยบังเอิญ ทำให้โลกของเขานั้นเปิดออก
หญิงสาวที่อยู่ในป่าในเขาเช่นนี้ รู้และเข้าใจอะไรมากมายเช่นนี้ ดีกว่าคนที่อ้างว่าเป็นลูกสาวของคนมีฐานะหลายพันเท่า
“ข้าขุดอาหารในหินดินโคลนมาตั้งแต่เด็ก มีตรงไหนให้คุณชายซูชื่นชมได้ ถ้าเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาสามารถคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดได้ เกรงว่าคงไม่รู้จักของเหล่า
นี้” กู้เสี่ยวหานยิ้มเยาะตัวเอง ไม่ยอมรับคำชมที่ซูเยว่จือชมตนเองแม้แต่น้อย
ซูจือเยว่ได้ฟังประโยคนี้และเข้าใจความหมายของมัน หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อนึกถึงความสนิทสนมที่ตนเพิ่งมีต่อกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่ ในใจแอบมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี เขาจึงเหลือบมองไปด้านข้างและเห็นท่าทางที่ไม่พอใจของซูหมิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางจ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาที่โกรธเกลียด
ซูจือเยว่พูดอย่างจริงจังว่า “เสี้ยนจู่ช่างถ่อมตน” เมื่อพูดจบจึงถอยหลังไปสองสามก้าว ชี้ไปที่ดอกเบญจมาศและหันไปหับพูดซูหมิ่นว่า “หมิงตูจวิ้นจู ดอกเบญจมาศเหล่านั้น จวิ้นจู่ชอบใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าขอมอบมันให้ท่าน”
“ท่านให้ข้าจริง ๆ หรือ” เมื่อซูหมิ่นได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง และมองไปที่ซูจือเยว่ด้วยความไม่เชื่อ
ครั้งหนึ่งนางเคยขอร้องให้ซูเยว่จือมอบชาดสีแดงให้นาง แต่เบญจมาศเหล่านี้ที่เป็นชีวิตจิตใจของเขา พูดอย่างไรก็ไม่ยอมให้ แต่มาวันนี้…
กลับมอบให้นาง
ในใจของซูหมิ่นนั้นรู้สึกดีใจมากและกำลังจะตอบรับ แต่ว่าภายในใจกลับมีเสียงเตือนบางอย่าง
ทำไมต้องมอบให้นาง
นางเคยขอร้องทุกวิถีทาง ทว่าเขาไม่เคยมอบให้เลย
วันนี้เขาเอาแต่มองหญิงสาวบ้าน ๆ คนนั้น แต่มอบมันให้ซูหมิ่น
ทำไมกัน
ซูหมิ่นเป็นคนที่มีความเจ้าเลห์ ตั้งแต่เด็กนางก็โตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวย ล้วนย่อมต้องเคยเห็นกลอุบายหลอกลวงมามาก เรื่องเล็กเช่นนี้ มีหรือนางจะไม่เข้าใจ
“แต่ว่า… พี่จือเยว่ หมิ่นเอ๋อร์ยังชอบดอกนั้น แล้วก็ดอกนั้นด้วย ดอกไม้พวกนี้ช่างสวยจริง ๆ แต่ไหนแต่ไรมาหมินเอ๋อร์ก็ไม่เคยเห็น หมินเอ๋อร์ล้วนอยากได้เช่นกันนะ” ใบหน้าของซูหมิ่นเต็มไปด้วยความรัก
เกิดความลังเลขึ้นบนใบหน้าของซูจือเยว่ แต่แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “จวิ้นจู่ก็เป็นหนึ่งในคนที่รักดอกไม้ ย่อมต้องดูแลดอกไม้ได้ดีกว่าจือเยว่ ถ้าหากอยู่ในความดูแลของท่านก็ต้องยิ่งออกดอกงดงามขึ้นเรื่อย ๆ แน่”
พูดจบ เขาก็โค้งคำนับให้จวิ้นจู่และเดินออกไปจากลาน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้หันกลับมามองกู้เสี่ยวหวานอีกเลย
สายตาของซูหมิ่นในยามที่เฝ้าดูจนซูจือเยว่เดินจากไป บนใบหน้าซูหมิ่นก็มีรอยยิ้มที่งดงามอยู่ตลอด “ขอบคุณพี่จือเยว่มาก”
หลังจากที่ซูเยว่จือเดินจากไป หญิงสาวที่ก้มหน้าอยู่เหล่านั้นก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา คุณชายซูช่างใจกว้างกับหมิงตูจวิ้นจูจริง ๆ ดอกเบญจมาศที่งดงามเช่นนี้ ความใจกว้างเช่นนี้ก็ให้มอบให้หมิงตูจวิ้นจู่จนหมด คุณชายซูดีกับนางจริง ๆ
“ใช่แล้ว ๆ” คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างรู้สึกอิจฉาไปด้วย บนใบหน้าของหมิงตูจวิ้นจูมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา และมีความสุขกับคำพูดของคนเหล่านี้
เพียงแต่ใบหน้าที่ดูมีความสุขของนาง ใครเล่าจะรู้ว่าแต่ในใจนั้นกลับมีแต่ความเคียดแค้น
ยิ่งเขาให้มาก ใจนางก็ยิ่งเกลียดมาก