หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 191 เผยธาตุแท้

บทที่ 191 เผยธาตุแท้

บทที่ 191 เผยธาตุแท้

กลับพบว่า หานแสก้มหน้าลงเล็กน้อย และอยู่ในระยะที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับนาง เขาจ้องมองอยู่เช่นนั้น ดวงตาที่ดูสงบและมัวหมองนั้นกลับทำให้นางรู้สึกถึงความคุ้นเคย

คุณพระ!

นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?

เจอกันแทบจะทุกวัน ก็ต้องคุ้นเคยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“มีเรื่อง?”

เห็นเพียงหานแสยิ้มเล็กน้อย ขยับตัวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นพูดน้ำเสียงที่ดูสนิทสนมว่า : “ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหน แต่ทางที่เขาเดินไปก็คือทางนั้น”

ขณะพูด เขาก็ยื่นมือชี้ไปทางหนึ่ง

“ข้ารู้แล้ว ขอบใจ!”

รู้ว่าคนเดินไปทางแล้วยังไม่ง่ายอีกหรือไง?

นางเพียงแค่เดินหาไปตามทางก็ได้แล้ว ยังไงซะดวงอาทิตย์ก็เพิ่งลับขอบฟ้า ท้องถนนในยามค่ำคืนน่าจะคึกคักมาก หาคนไม่เจอก็ไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืน ไม่ว่าอย่างไรตลาดกลางคืนก็มีของกินมากมาย

“จะให้ข้าไปหาพร้อมกับท่านหรือไม่ ยังไงข้าก็ต้องออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย”

“ก็ดี!”

ไม่ว่าอย่างไร คิดจะตามหาเย่แจ๋หยิ่งส่วนใหญ่ก็ตามหาไม่พบ อาหารรสเลิศอยู่ไม่ไกล กำลังรอนางลิ้มรสอยู่!

ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้ออกเดินไปตามท้องถนนด้วยกัน

ถนนยามค่ำคืน ลมโชยเบาๆ โคมไฟห้อยระย้า คึกคักเป็นที่สุด แม้แต่คนเดินถนนก็ยังคงหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง เสียงเจี๊ยวจ๊าวของการกินดื่มก็มีให้ได้ยินอย่างไม่สิ้นสุด

สถานการณ์ที่คึกครื้นเช่นนี้ ปกติแล้วควรจะเป็นสิ่งที่นางชอบ

แต่ว่า นางกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเลยสักนิด

เดินไปสักพัก แม้แต่เงาของเย่แจ๋หยิ่งก็หาไม่พบ แต่กลับเป็นกลิ่นหอมของเนื้อย่างที่โชยมายั่วให้นางสนใจเป็นระยะ

“โครกคราก……”

ทั้งๆที่เพิ่งจะกินอาหารเย็นมาไม่นาน ตอนนี้ท้องกลับทนไม่ไหวร้องขึ้นมา

“อยากกิน?”

น้ำเสียงราบเรียบของหานแสดังมาข้างหู

ขณะที่หลานเยาเยามองไปทางหานแสด้วยความเคอะเขิน กลับพบว่าเขาไม่ได้มองมาที่นาง แต่กลับจ้องตรงไปยังร้านเนื้อย่าง ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหาย

เอ่อ……

สรุปว่าใครกันแน่ที่อยากกิน?

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเอามือกุมหน้าผาก มองหานแสอย่างไม่มีทางเลือก : “เจ้ามีเหรียญเงินหรือไม่?”

“ไม่มี!” หานแสตอบด้วยท่าทีจริงจัง อย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม พูดจบรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างแตกต่างไป จึงถามไปอีกประโยค : “แต่ว่าเนื้อย่างเหล่านั้นกลิ่นหอมมาก”

“……”

คิดไม่ถึงว่าหานแสเจ้าจะเป็นเช่นนี้

ช่างเถอะ ยังไงซะเขาก็เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเย่แจ๋หยิ่งไว้ นางล้วงเงินในกระเป๋าตัวเองจ่ายก็ให้ก็ได้?

“ไป พวกเราไปชิมกัน”

“ดี!”

มีลูกมาอุดหนุน เจ้าของร้านเนื้อย่างก็รีบเชิญให้พวกเขาเข้าไปในซุ้มที่ทำไว้ชั่วคราว

ไม่นานนัก อาหารทะเลย่างจานใหญ่ก็ถูกนำมาวางไว้ต่อหน้าพวกเขา

เมื่ออยู่ต่อหน้าความยั่วยวนของอาหารเลิศรสชุดใหญ่ หลานเยาเยาจึงได้ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วลงมือกิน โดยไม่คำนึงถึงภาพพจน์เลยสักนิด

นี่ทำให้หานแสรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขาก็กินไปหลายคำ ด้วยท่าทางสุภาพ แต่รวดเร็ว

ทันใดนั้น!

“ปัง” เสียงหนึ่ง

หานแสขมวดคิ้วเข้าหากันสุดๆ มือสองข้างค้ำยันอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองมือสั่นเล็กน้อย เขาก้มหัวต่ำลง จนมองไม่เห็นใบหน้าของเขา เห็นเพียงเส้นเลือดดำแตกตัวที่คอของเขา เหมือนกับว่ากำลังรับมือกับความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวง

“เจ้าเป็นอะไร?”

คงจะไม่ใช่โรคกำเริบตอนนี้หรอกนะ? ไม่มีลางบอกเหตุเลยสักนิด

จึงได้บอกนางไปว่า เขาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะโรคกำเริบ เพราะว่าก่อนหน้านี้นางเคยเห็นท่าทางตอนที่เขามีอาการโรคกำเริบ แม้ว่าจะเจ็บปวดอย่างน่าสังเวช เลือดไหลออกมาทั้งตัว เฉกเช่นมนุษย์เลือดก็ไม่ปาน

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่!

หรือว่าโดนยาพิษ?

แต่ว่าพวกเขาก็กินของเหมือนกัน ทำไมนางไม่เป็นอะไร?

หรือเพราะแพ้อาหารทะเล?

“ไม่เป็นไร!”

เสียงต่ำที่ฟังดูคลุมเครือไม่ชัดเจนของเขา ในน้ำเสียงนั้นราวกับกำลังควบคุมกับอะไรบางอย่างอยู่

“ข้าดูให้เจ้า”

หลานเยาเยาลุกขึ้นและเดินไปทางเขา

ใครจะรู้……

หานแสตะโกนใส่นางทันที : “ไม่ต้อง” จากนั้นก็หมุนตัวไป หันหลังให้นาง เหมือนกับกำลังสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เปลี่ยนเป็นกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า : “รอข้าอยู่ตรงนี้”

พูดจบเขาก็หายไปจากตรงหน้านางทันที

“น่าแปลก?”

วันนี้ทุกคนเป็นอะไรไปหมด?

นางคิดว่าวิชาการรักษาของตัวเองนั้นเก่งมาก แล้วอาการป่วยของพวกเขาก็ปกติ ยาที่นางฉีดและจ่ายให้ก็ไม่ได้มีปัญหา ทำไมพวกเขากลับยิ่งมีอาการแปลกไปเรื่อยๆ?

และที่สำคัญที่สุดคือ เหมือนกับพวกเขาจะไม่อยากให้นางรู้

นี่มันทำไมกันนะ?

หลานเยาเยากลับไปที่ที่นั่งอีกครั้ง ในสมองนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้อย่างรวดเร็ว นางอยากทำความเข้าใจกับเรื่องของพวกเขาจากความทรงจำเหล่านี้

และหานแสที่หายไปจากตรงหน้าของหลานเยาเยา ในเวลานี้ได้มาถึงในซอยที่เงียบสงบ

เขาพิงกำแพง ลำตัวหดงอลงเล็กน้อย ทั้งร่างกายสั่นเทา

ผ่านไปสักพัก

เขาที่ก้มหัวอยู่ก่อนหน้านี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ดูมีเสน่ห์อันแสนร้ายกาจ เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่สุด หน้าทั้งหน้าปรากฏถึงความดุดันมากขึ้น

ทั้งๆที่เป็นหน้าเดิม แต่ไม่ได้ดูปกติธรรมดาอีกต่อไป

นี่ก็คือโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา

แต่ว่า!

เมื่อเขาเอามือยกช่อผมที่ห้อยอยู่ตรงหน้าหน้าอกขึ้นมา กลับพบว่าช่อผมนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีขาวเงินแล้ว……

“ใครกัน?”

“ค่ำคืนดึกดื่น ทำอะไรลับๆล่อๆอยู่ตรงนั้น?”

เสียงห้าวหาญสองเสียงดังขึ้นจากในซอย พวกเขาใส่ชุดเครื่องแบบของนักการศาลาว่าการ กลับมีดวงตาที่ออกแววดุดัน ทั้งสองคนกำลังแบกกระสอบใบใหญ่ ซึ่งปลายกระสอบด้านหนึ่งมัดไม่แน่น ทำให้เห็นใบหน้าที่ดูดีของหญิงผู้หนึ่ง พร้อมแขนสองข้างที่ขาวราวหิมะ

ตาสองข้างของหญิงผู้นั้นปิดสนิท เหมือนกับว่าสลบไป

หานแสเอียงไปมองพวกเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขา แล้วก็หันกลับมามองที่เส้มผมของตัวเองอีกครั้ง

“พูดถึงเจ้านั่นแหละ หูหนวกรึไง? กล้าไม่ตอบคำถามข้า อยากตายงั้นหรือ?”

“ไปเสียเวลาพูดอะไรกับเขา เขาเห็นเรื่องดีๆที่พวกเราทำแล้ว ฆ่าให้ตายไปเลยก็จบเรื่อง”

คำว่าเรื่องดีๆที่ออกจากปากพวกเขา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมจะต้องคิดฆ่าคนปิดปากด้วย?

พูดจบ พวกเขาทั้งสองก็วางกระสอบใบใหญ่ที่แบกอยู่บนบ่าลง จากนั้นก็ชักดาบพกออกมาจากเอว แล้วพุ่งมาทางหานแสทันที

ใครจะรู้……

หานแสยกมุมปากขึ้นปรากฏถึงรอยยิ้มที่กระหายเลือด

“มาตรงเวลาพอดี!”

นักการยังไม่ทันจะพุ่งมาถึงด้านหน้าเขา เขากลับแวบมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกเขาภายในพริบตา ความเร็วราวกับลม นักการยังไม่ทันรู้ตัว คอก็ถูกมือที่เยือกเย็นบีบเอาไว้แล้ว

“เจ้าเจ้าเจ้า……เจ้ารู้รึไม่ว่าพวกข้าเป็นใคร? พวกข้าเป็นถึงนักการของกรมปกครองเมืองเชียวนะ ล่วงเกินพวกข้า ท่านผู้ปกครองเมืองจะไม่……ปล่อยเจ้าไว้แน่”

“ก็คือ พวกข้าเป็นคนของราชสำนัก หากทำร้ายพวกข้าเพียงปลายเล็บ เจ้า เจ้าจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพ”

แม้ว่านักการสองคนนั้นจะปากเก่ง แต่ว่าร่างกายเกิดสั่นเทาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ทว่า!

เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ได้ลบล้างความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาไป

เห็นเพียงรอยยิ้มมุมปากของหานแส จากนั้นก็ก้มหัวลงมา หันไปทางคอของนักการหนึ่งในนั้นแล้วกัดลงไป……

“อ้า……”

คนเปล่งเสียงร้องที่น่าสังเวชนั้นออกมาไม่ใช่คนที่โดนกัด แต่กลับเป็นอีกคนที่ถูกบีบคอซึ่งรอการโดนกัดนั้นอยู่ เพราะว่าคนที่โดนกัดสีหน้าขาวซีดไปตั้งนานแล้ว เลือดโดนดูดออกมาจนหมดเกลี้ยง

“เจ้าคือ……คนหรือผี……”

นักการที่โดนทำให้ตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกแค่เพียงความร้อนที่เป้ากางเกง จากนั้นกลิ่นเหม็นฉองของฉี่ก็เริ่มกระจายออกมา

เส้มผมของหานแสเริ่มกลับมาดำดั่งสีหมึก แล้วโยนนักการที่ตายแล้วทิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็ยื่นมือมาลูบที่ใบหน้าของตัวเอง ที่เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าตาปกติธรรมดา แล้วก็ยิ้มอ่อนๆ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท