รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1073 หลี่จิ่วเต้ารักษาตนเป็นกลางหรือ?

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1073 หลี่จิ่วเต้ารักษาตนเป็นกลางหรือ?

เพียงแค่การดื่มชา นับเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง ยามได้เห็นว่าจั่วเหยียนริษยาเพียงใด มู่อวี่พลันไม่เข้าใจเสียจริง

‘บางทีอาจเป็นเรื่องเข้าใจได้’

มู่อวี่คิดในใจ ‘อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เป็นบ่าวรับใช้ เมื่อเห็นว่าข้าได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ส่วนตนเองยังคงมีฐานะเป็นบ่าวรับใช้ จะรู้สึกริษยาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้’

จั่วเหยียนกลับเข้าไปในรถม้า จากนั้นก็นำอุปกรณ์ชงชาครบชุดออกมา

หลังจากที่จั่วเหยียนนำชุดชงชาออกมา มู่อวี่ก็รู้ว่าตนเองคิดผิด เป้าหมายความริษยาของจั่วเหยียนที่มีต่อนางอยู่ตรงเรื่องอื่น!

ชุดชงชาน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้นางตื่นตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง

นางคิดว่าเพียงแค่ดื่มชา เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เห็นได้ชัดว่านางคิดผิด ชานี่ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย!

เครื่องชาครบชุด ตั้งแต่กาน้ำไปจนถึงถ้วยชา กระทั่งถาดรองด้านใต้ ล้วนแล้วแต่มีความพิเศษเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่งโดยไร้ข้อยกเว้น!

ด้านบนไหลเวียนด้วยเต๋าอันสูงสุด กระทั่งนางยังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้ ภายในเต๋าเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งเกินไป!

น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!

ตัวตนในขอบเขตแสวงวิถีอย่างนาง เต๋านับหมื่นสยบใต้ฝ่าเท้าพร้อมให้นางใช้งาน ทว่ายามนี้นางกลับไม่อาจเข้าใจได้ นี่จะไม่ทำให้นางตกตะลึงได้อย่างไร!

‘ชุดน้ำชานี่กับฉินเป็นสมบัติระดับเดียวกัน!’

นางเอ่ยในใจ นางมีความสามารถพิเศษในการแยกแยะ ชุดน้ำชานี่พิเศษอย่างมาก ไม่ต่างอันใดกับฉิน

‘นี่เป็นคนที่สองต่อจากพี่ใหญ่หรือ?’

หัวใจของนางเต้นแรง ดินแดนเก่าช่างทรงพลังนัก ไม่เพียงให้กำเนิดพี่ใหญ่ออกมา ตอนนี้ยังมีหลี่จิ่วเต้าอีกผู้หนึ่ง!

ขุดชงชานั้นน่าอัศจรรย์อย่างถึงที่สุด เทียบแล้วหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ดูด้อยไปกว่าพี่ใหญ่ของนางเลย!

บางทีเขาอาจแข็งแกร่งกว่าพี่ใหญ่ของนางเสียด้วยซ้ำ!

‘ไม่มีทาง! ในใจของข้าอย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็แข็งแกร่งสุดตลอดกาล!’

เมื่อเกิดความคิดที่ว่าหลี่จิ่วเต้าอาจแข็งแกร่งกว่าพี่ใหญ่ขึ้น นางก็รีบปฏิเสธในใจทันที

“มาเถิด ลองชาที่ข้าปลูกด้วยตัวเอง”

จั่วเหยียนวางชุดน้ำชาลงบนโต๊ะ หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มระหว่างเปิดกระปุกชาเตรียมชงให้กับมู่อวี่

ชาที่เขากล่าวว่าปลูกขึ้นเองนั้นไม่ใช่ชาอื่นใด

นี่เป็นชาที่เขาปลูกขึ้นเองโดยใช้ดินและของเหลวที่เป็นสมบัติซึ่งแลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู

หลัง ๆ มาคนที่เขาติดต่อด้วยล้วนมีแต่ผู้ฝึกตน การใช้ชาธรรมดามาต้อนรับเช่นก่อนหน้า เขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมเล็กน้อย

ดังนั้นจึงตั้งใจปลูกชาวิญญาณขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อต้อนรับผู้ฝึกตน

ทว่าสำหรับเขาแล้ว ยังคงชื่นชอบการดื่มชาเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาจากกระปุกที่ระบบมอบให้เป็นรางวัล นั่นคือชาอันดับหนึ่งในใจของเขาแล้ว

‘น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่มีของรางวัลจากระบบอีกแล้ว หากได้ใบชานั่นอีกครั้งคงจะดียิ่ง ไม่ต้องเสียดายที่จะดื่ม และสามารถดื่มได้ทุกวัน’

เขาถอนหายใจอยู่ในใจ

อย่าว่าแต่รางวัลใบชาเลย ทักษะทุกด้านของเขาถึงระดับสูงสุดแล้ว รางวัลจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก

“ยอดเยี่ยม!”

มู่อวี่ตื่นเต้นขึ้นมา นางมองออกชัดเจนว่าใบชาที่หลี่จิ่วเต้านำออกมาจากกระปุกน่าอัศจรรย์เพียงใด!

ด้วยใบชาและชุดชงชาที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้ น้ำชาที่ชงออกมาจะพิเศษเพียงใด?!

‘ชาไม่ด้อยไปกว่าของพี่ใหญ่เลย!’

นางเอ่ยในใจ รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น

พี่ใหญ่เองก็ชื่นชอบการดื่มชา มักจะร่วมดื่มชากับนา ชาที่พี่ใหญ่ชงนั้น เพียงแค่หยดเดียวก็เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึง ช่วยเหลือในด้านการฝึกฝนเป็นอย่างมาก!

ยามนี้นางได้เกิดใหม่แล้ว ความแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด ทุกสิ่งจำต้องได้รับการฟื้นฟู ของจำเป็นมากสุดคือพลังและวาสนาการเปลี่ยนแปลงทุกประเภท

และยามที่นางต้องการมากสุด หลี่จิ่วเต้าก็ชวนนางดื่มชา อีกทั้งชาที่เขาชงก็พิเศษไม่แพ้ชาที่พี่ใหญ่ของนางชง เช่นนี้จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร มุมปากมู่อวี่พลันยกขึ้นเองอย่างอดไม่ได้

หากดื่มชานี่ลงไป นางจะต้องได้รับผลประโยชน์อย่างมากแน่นอน ทุกด้านฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถส่งนางกลับไปสู่ความแข็งแกร่งยามจุดสูงสุดโดยตรง!

สำหรับนางในตอนนี้แล้ว นับเป็นเรื่องยอดเยี่ยมมาก อย่างไรเสียยามนี้ก็ต้องการฟื้นฟูตนเองอย่างเร่งด่วนด้วย ก่อนเริ่มลงมือฟื้นคืนพี่ใหญ่กลับมา

‘เป็นผู้รู้จักแยกแยะวินิจฉัย…’

อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าเห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจควบคุมได้ของมู่อวี่พลันแย้มยิ้มตามในใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่อวี่มองความพิเศษของใบชาออก เป็นเหตุให้แสดงท่าทางตื่นเต้นขึ้นมา

แน่นอนว่าใบชาย่อมต้องพิเศษ สิ่งนี้ถูกปลูกขึ้นจากดินและของเหลวที่แลกเปลี่ยนสมบัติมาจากบรรพจารย์ฝู ใบชาที่ออกผลมาย่อมช่วยเหลือด้านการฝึกฝนได้เป็นอย่างมาก

น่าเสียดายที่ไร้ผลใดสำหรับเขา ดื่มไปแล้วสัมผัสได้เพียงร่างกายที่สบายขึ้น ไม่มีพลังฝึกตนปรากฏออกมาแต่อย่างใด

‘มีประโยชน์ต่อผู้ฝึกตน แต่สำหรับผู้ไม่ได้ฝึกตน ก็ไม่อาจกล่าวว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แม้ไม่อาจให้ประโยชน์ด้านการฝึกตน แต่มันยังมอบอายุขัยให้’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ สัมผัสได้ว่าถึงตนเองจะไม่ได้รับพลังฝึกตน แต่อายุขัยก็น่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเขารู้สึกว่าร่างกายล่วงผ่านเวลา แต่กลับไม่ถูกเวลารบกวนในสักด้าน

อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าร่างกายเยาว์วัยลงอีกด้วย!

‘แน่นอน นี่อาจเป็นเพียงการคิดไปเองของข้า แต่เรื่องทั้งหมดจะจริงหรือเท็จ กาลเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์’

หากผ่านไปสิบปียี่สิบปี เขายังคงเยาว์วัยอยู่เหมือนเดิม เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคิดอันใดมากมาย ทุกเรื่องเป็นของจริงอย่างแน่นอน

ด้วยฝีมือการชงชาของเขา ไม่มีอันใดต้องเอ่ยถึง เพียงไม่นานกลิ่นหอมของชาพลันลอยละล่อง มู่อวี่อดแสดงท่าทางเคลิบเคลิ้มออกมาไม่ได้

‘นานมากแล้วจริง ๆ ที่ไม่ได้กลิ่นชาหอมเช่นนี้!’

มู่อวี่กล่าวในใจ หวนคิดถึงวันคืนที่พี่ใหญ่ชงชาให้นางจริง ๆ

นางอยากจะสนทนากับหลี่จิ่วเต้าเรื่องพี่ใหญ่ของตน ทว่ายามคำพูดมาถึงริมฝีปาก นางก็พลันหยุดไว้

ตัวตนสูงสุดเช่นหลี่จิ่วเต้าย่อมไม่มีทางถูกการปิดผนึกโลกเก่าสกัดกั้น และน่าจะรู้ว่ามีโลกใหม่ดำรงอยู่

ขณะเดียวกันเรื่องความเป็นมาของนาง หลี่จิ่วเต้าเองก็น่าจะรู้แจ้ง

รวมทั้งการกำราบจั่วเหยียนให้กลายเป็นบ่าวรับใช้ก็ควรเป็นเช่นเดียวกัน

ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า พวกเขาไม่มีสิ่งใดเก็บเป็นความลับได้

‘เขารู้ความเป็นมาของข้า เช่นนั้นสมควรรู้เกี่ยวกับเรื่องพี่ใหญ่ด้วย ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้กลับไม่เคยพูดเรื่องของพี่ใหญ่เลย…’

นางกล่าวในใจ ‘ไหนจะเรียกสมบัติฉินว่าเป็นฉินธรรมดาเมื่อก่อนหน้านี้อีก ทั้งหมดล้วนเป็นการบอกว่าเขาไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงเรื่องของพี่ใหญ่’

ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้ากล่าวว่าฉินอันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างถึงที่สุดเป็นเพียงฉินธรรมดา ทำให้นางยามนั้นนิ่งค้าง ไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสมบัติอันหาที่เปรียบมิได้ หลี่จิ่วเต้าเองก็ควรกระจ่างชัดว่านางมองออก เหตุใดจึงยืนกรานว่าเป็นเพียงฉินธรรมดากัน?

มาคิดตอนนี้ นางก็เข้าใจแล้ว

เอ่ยว่าเป็นฉินธรรมดา นี่ไม่ใช่เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น? อย่าได้มีความคิดอันใดมากเกินไป!

‘เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพี่ใหญ่จริง ๆ ดังนั้นจึงส่งสัญญาณดังกล่าวมาให้ข้า บอกว่าอย่าได้ตั้งความหวังนัก’

นางคิดต่อในใจ ‘มอบชาให้กับข้า ก็เพื่อต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดี นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย เพียงแค่มีความรู้สึกเป็นกลาง’

จากความคิดของนางแล้ว นี่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

ไม่ใช่ว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ต้องการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย หากเขาไม่ต้องการเช่นนั้นจริง คงไม่พบนางแล้วยังชงชาให้อีกด้วย

หากตัวตนสูงส่งเช่นหลี่จิ่วเต้าไม่ต้องการจะพบนาง เกรงว่าต่อให้อยู่เบื้องหน้า นางก็ไม่อาจเห็นได้

เป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการพบนาง

นอกจากนี้หลี่จิ่วเต้ายังช่วยเหลือนางโดยการมอบชาให้ดื่มด้วย

ดังนั้นแล้ว เขาไม่ได้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวแม้สักนิด

‘เขารักษาตัวเป็นกลาง!’

มู่อวี่ถอนหายใจภายในใจ คิดเรื่องราวทั้งหมดออก

แม้นางจะไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ต่อกรกับสิ่งใด แต่นางกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดีว่าบนโลกใบนี้จะต้องมีศัตรูของพี่ใหญ่ดำรงอยู่!

เพราะศัตรูผู้นี้เอง พี่ใหญ่จึงได้สูญสิ้นสลายไป

หลี่จิ่วเต้าล่วงรู้เรื่องนี้ อาจไม่ต้องการเผชิญหน้ากับศัตรูของพี่ใหญ่ ดังนั้นจึงรักษาความเป็นกลาง ไม่ลงมือกับศัตรูของพี่ใหญ่ แต่ยังเต็มใจมอบความช่วยเหลือบางส่วนให้นาง

‘เขาทำเช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดอันใด ศัตรูของพี่ใหญ่น่าหวาดกลัวเกินไป กระทั่งพี่ใหญ่เองยังเผชิญหายนะ ผู้ใดกันจะต้องการต่อกรด้วย?’

นางไม่ได้โกรธเคืองอันใดกับการวางตัวเป็นกลางจองหลี่จิ่วเต้า

นางไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น

ทุกคนต่างมีความคิดเหตุผลเป็นของตัวเอง นางไม่สามารถนำความคิดของนางไปยัดเหยียดผู้อื่นเพื่อให้ความช่วยเหลือกับนางได้

สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ถือเป็นการใช้ศีลธรรมมาบังคับสนองความต้องการของตน

นางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลี่จิ่วเต้าที่แสดงจุดยืนออกมาให้เห็นชัด

ดังนั้นนางจึงกลืนเรื่องเกี่ยวกับพี่ใหญ่ที่ต้องการสนทนากับหลี่จิ่วเต้ากลับลงไป

‘ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มอบความช่วยเหลือให้ข้า ความปรารถนาดีในครั้งนี้ข้าควรจดทำเอาไว้และรู้สึกขอบคุณ วันข้างหน้าหากมีกำลังเพียงพอย่อมต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้!’

นางเอ่ยในใจ

“มาเถิด ชาพร้อมแล้ว ลองชิมดูเสีย”

ขณะนั้นเอง หลี่จิ่วเต้ารินชาถ้วยหนึ่งส่งให้มู่อวี่

“ตกลง”

มู่อวี่รับถ้วยชามาดม ก่อนจะจิบเข้าปาก

หลี่จิ่วเต้าที่เห็นมั่นใจทันทีว่ามู่อวี่นั้นดื่มชาเป็น มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับชา ก่อนหน้านี้สมควรดื่มมาบ่อยครั้ง

ชาหนึ่งจิบเล็กไหลผ่านริมฝีปากสีแดงเข้าสู่ร่าง เป็นดังที่มู่อวี่คาดเอาไว้ก่อนหน้า ใบชาพิเศษชงด้วยชุดชงชาน่าอัศจรยย์ ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!

นางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองในชั่วพริบตา พลังทั้งหมดของนางฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว!

‘มารดาเจ้าเถิด ช่างน่าริษยาเสียจริง!’

จั่วเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างคร่ำครวญอยู่ในใจด้วยความริษยาอย่างถึงที่สุด

เขามองการเปลี่ยนแปลงในร่างของมู่อวี่ออกในพริบตา การฟื้นฟูเร็วเกินไปนี้ทำให้เขาแทบร่ำไห้ออกมาด้วยความอิจฉาริษยา!

นี่เป็นเพียงแค่ชาหนึ่งจิบเล็ก มู่อวี่กลับสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เร็วถึงเพียงนี้ หลังจากดื่มหมดถ้วย นับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งในการกลับไปยังจุดสูงสุด

อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับสูงขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ!

‘เมื่อใดข้าจะได้ดื่มชาเช่นนี้บ้าง!’

เขาร้องไห้อยู่ในใจ ต้องการดื่มชาเช่นนี้บ้าง

น่าเวทนานัก เขากระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นเพียงแค่ความฝันเลื่อนลอย

ในฐานะบ่าวรับใช้ อย่าว่าแต่ชาหนึ่งถ้วยเลย กระทั่งเลียก้นถ้วยเขายังไม่มีคุณสมบัติเสียด้วยซ้ำ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท