รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1075 ห้าวหาญไร้ใดเปรียบ ไม่ขอกลับดินแดนใหม่ในตอนนี้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1075 ห้าวหาญไร้ใดเปรียบ ไม่ขอกลับดินแดนใหม่ในตอนนี้!

วาจาของมู่อวี่ทำเอาเหล่าจักรพรรดินีตะลึง คิดไม่ถึงนิดหน่อย

“แม่นางช่วยอธิบายอย่างละเอียดได้หรือไม่”

เมิ่งจีตาเป็นประกาย เอ่ยถามมู่อวี่

เขารู้สึกเหมือนว่ามู่อวี่นั้นต่างจากสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ตนอื่น คำกล่าวที่ว่าลดความมีตัวตนของดินแดนเก่าเพื่อลบล้างร่องรอยของดินแดนเก่าดึงดูดความสนใจของเขา เขาต้องการทราบรายละเอียด

“ได้”

มู่อวี่ไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องราวทั้งหมด

“ดินแดนอุปโลกน์ สิ่งมีชีวิตมายาอะไรนั่นล้วนเป็นเรื่องโป้ปด!”

มู่อวี่เอ่ย “ดินแดนเก่าที่พวกเจ้าอยู่เป็นดินแดนอันแท้จริง สิ่งมีชีวิตในดินแดนเก่าก็มีตัวตนอยู่จริง!”

นางเล่าเรื่องของพี่ชายให้ฟังทั้งหมด รวมถึงความตั้งใจเดิมในการสร้างดินแดนใหม่ของพี่ชาย และรายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดกับพี่ชาย

“ฮ่า ๆ ข้าก็ว่า พวกเราจะเป็นสิ่งมีชีวิตมายาได้อย่างไร!”

สุนัขดำคลี่ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าไม่เคยเชื่อมาตั้งแต่แรก เจ้าพวกดินแดนใหม่ประสงค์ร้ายคิดไม่ซื่อ ความจริงก็เป็นตามนั้นจริง ๆ!”

“ที่แท้ดินแดนเก่าคือแดนเกิดของท่านผู้นั้น เป็นพรมแดนที่ท่านผู้นั้นสร้างบนพื้นฐานของดินแดนเก่า ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านั้นทำร้ายท่านผู้นั้นแล้วไม่คิดไถ่บาปไม่พอ ซ้ำร้ายยังคิดหาทางลบล้างท่านผู้นั้นให้สิ้นซากอีก!”

เมิ่งจียิ้มเย็น บรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ช่างชั่วช้าเสียจริง

“อะไรกัน!”

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

หลังเหล่าสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ผู้ถูกคุมขังได้ยินความจริงที่มู่อวี่เอื้อนเอ่ยก็ตะลึงกันหมด ไม่อาจเชื่อได้ลง

ในใจพวกเขา บรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ล้วนเป็นตัวตันอันสมบูรณ์แบบ ปราศจากจุดบกพร่อง ดินแดนใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์เหล่านั้น

บัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกมู่อวี่ล้มล้างหมดสิ้น ให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร ความรู้สึกนั้นยากจะอธิบาย หลากหลายอารมณ์ประเดประดัง

“ท่านมู่อวี่ ท่านถูกล้างสมองในดินแดนเก่าหรือ!?”

สิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ตนหนึ่งขบกรามพลางเอ่ย ยังไม่ยอมเชื่อในความจริงที่มู่อวี่บอกเล่า สงสัยว่านางถูกดินแดนเก่าล้างสมอง

“ตอนนี้พวกเจ้ายังไม่เชื่อไม่เป็นไร รอจนวันหนึ่งที่ข้าเปิดเผยความจริงทุกอย่าง ช่วยให้พี่ชายปรากฏกายอีกครั้ง คราวนั้นพวกเจ้าจักได้สติกันทั้งหมดเอง” มู่อวี่เอ่ย

นางรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ถูกปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตบตามานาน ไม่อาจยอมรับความจริงง่าย ๆ

ทว่าไม่เป็นไร รอจนพี่ชายหวนคืนอีกครา ปัญหาทุกอย่างย่อมถูกกำจัด

“มู่อวี่ ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร!”

เวลานั้น เสียงน่าพรั่นพรึงซึ่งเปี่ยมด้วยโทสะดังออกจากเส้นทางเชื่อมดินแดนใหม่

“จ้าวเทียน ข้าพูดจาเหลวไหลหรือไม่ท่านรู้แก่ใจดี!”

หน้าตามู่อวี่เย็นชา ฟังออกทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้คือผู้ใด

ใช่แล้ว เจ้าของเสียงน่าพรั่นพรึงนี้ก็คือจ้าวเทียนผู้คุมบังเหียนของดินแดนใหม่

ฝ่ายพวกเขามีของวิเศษเก่าแก่ที่สามารถเผยภาพการณ์ด้านนี้ให้เห็น และพวกเขาก็จับตาเหตุการณ์ด้านนี้อยู่ทุกขณะ ทันทีที่มู่อวี่ปรากฏตัวที่นี่ก็เป็นที่สนใจของพวกเขา

และหลังมู่อวี่บอกความจริงออกไป จ้าวเทียนทนไม่ไหวส่งวาจาของตนผ่านมา

“มู่อวี่ ท่านคิดผิด ความจริงหาได้เป็นอย่างที่ท่านว่า!”

จ้าวเทียนกล่าว “เหตุใดที่พวกเราลดความมีตัวตนของดินแดนเก่าไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด ความจริงนั้นซับซ้อนอย่างยิ่งยวด ไม่อาจอธิบายให้ชัดในประโยคสองประโยค ท่านกลับมาที่ดินแดนใหม่เถิด กลับมาเมื่อใดเราจะอธิบายทุกอย่างให้ท่านฟัง”

เขาตั้งใจหลอกให้มู่อวี่กลับมาที่ดินแดนใหม่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“ท่านคิดว่าข้าจะติดกับพวกท่านหรือ”

มู่อวี่ยิ้มเย็น “รอจนข้ากลับไปที่ดินแดนใหม่ พวกท่านคงทอดแหรอจับตัวข้าไว้ล่วงหน้าแล้วกระมัง”

“ไม่ใช่!”

จ้าวเทียนเอ่ย “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว! ในอดีตพวกเราทำร้ายท่านผู้นั้นจนถึงชีวิต พวกเราเองก็สำนึกเสียใจเหลือแสน ไม่เคยไม่คิดเรื่องชุบชีวิตท่านผู้นั้นสักลมหายใจ การลดตัวตนของดินแดนเก่าเป็นขั้นตอนหนึ่งในแผนชุบชึวิตท่านผู้นั้น”

เขากล่าวต่อ “ท่านกลับมาเถิด กลับมาแล้วข้าจะยอมบอกความจริงและแผนการทุกอย่าง!”

ดินแดนเก่าเป็นแดนเกิดของท่านผู้นั้น เขาไม่ต้องการจุติมายังที่นี่ด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะอย่างนี้เขาจึงคิดหลอกมู่อวี่กลับไปที่ดินแดนใหม่

“ดินแดนใหม่นั้นข้าต้องกลับไปแน่ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้”

มู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบ “หากพวกเจ้าไม่ได้มีพิรุธในใจ คุยที่ใดย่อมไม่ต่างกัน ไยต้องคุยในดินแดนใหม่เล่า พวกท่านมาหาข้าที่ดินแดนเก่าไม่ได้หรือ”

นางต้องกลับดินแดนใหม่แน่ เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส ทว่าเป็นดั่งที่นางกล่าว นางจะไม่กลับดินแดนใหม่ในตอนนี้

บัดนี้ แม้ว่าขอบเขตของนางสูงขึ้นจนถึงแสวงวิถีวรรณะหกแล้ว แต่การจะต่อกรกับปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งหมดยังไม่มีความหวังเท่าใด

ในบรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่มีกำลังรบแสวงวิถีวรรณะหกอยู่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งท่าน

นางต้องอยู่ฝึกฝนต่อในดินแดนเก่า รอจนพลังพัฒนากว่านี้ค่อยกลับไปยังดินแดนใหม่

แน่นอนว่าระดับนางหากยังต้องการบรรลุนับว่ายากเข็ญอย่างยิ่ง ใช้เวลานานนม

ทว่าดินแดนเก่าเป็นแดนเกิดของพี่ชาย มีร่องรอยของพี่ชายอยู่มากมาย หากนางไล่ตามไปเรื่อย ๆ ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสบรรลุ

นอกจากนี้ ชาที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้นางนับว่าสะท้านโลกันตร์อย่างแท้จริง ต่อให้นางบรรลุไปแล้ววรรณะหนึ่งยังมีพลังมหาศาลเหลือไว้ในร่าง

ต่อให้นางไม่ได้อันใดจากร่องรอยของพี่ชาย รอจนหลอมละลายพลังทั้งหมดจากถ้วยชาที่เหลืออยู่ในกายก็บรรลุได้แน่นอน

ถึงคราวนั้นนางค่อยกลับไปยังดินแดนใหม่เพื่อต่อกรกับเหล่าปรมาจารย์ ครานั้นจะมีโอกาสมากขึ้นด้วย

“ไม่ ท่านคิดผิด พวกเราไม่อาจไปยังดินแดนเก่า สาเหตุนั้นท่านย่อมทราบดี”

จ้าวเทียนเอ่ย “พวกเรากำลังต่อกรกับพลังด่างพร้อยที่ปะทุอยู่ในดินแดนใหม่ ไม่อาจปลีกตัวจากดินแดนเก่าไปยังดินแดนใหม่”

“วาจาของท่านจอมปลอมกว่านี้ได้อีกหรือไม่”

มู่อวี่หัวเราะเสียงดูแคลน “พวกท่านยุ่งเป็นพัลวันถึงเพียงนี้แล้วยังลงมือกับดินแดนเก่าได้ขนาดนี้อีกหรือ เรื่องนี้ท่านจะอธิบายอย่างไร”

อ๋อ ปลีกตัวไม่ได้เพราะยุ่งอยู่กับการต่อกรกับพลังด่างพร้อยที่ปะทุในดินแดนใหม่ แต่ยังส่งยอดฝีมือดินแดนใหม่มายังดินแดนเก่าได้?

นางอยากขำให้ตายชัก

“ท่านไม่เข้าใจ เกิดปัญหาใหญ่ในดินแดนเก่า พลังด่างพร้อยรั่วไหลเข้าไปในดินแดนเก่าแล้ว พวกเราถึงให้ความสำคัญกับดินแดนเก่าถึงปานนี้!”

จ้าวเทียนสมเป็นจ้าวเทียน ไหวพริบดียิ่ง ไม่ว่าปัญหาใดที่มู่อวี่หยิบยกขึ้นมาเขาสามารถให้คำตอบอย่างรวดเร็วทั้งสิ้น ซ้ำยังเป็นคำตอบอัน ‘สมเหตุสมผล’

“ปรมาจารย์อย่างพวกเราพัวพันกันหมด แม้แต่ข้าที่สนทนากับท่านอยู่ในยามนี้ก็กำลังต้านแรงกดดันมหาศาล มิฉะนั้นข้าคงไปที่นั่นนานแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อบอกความจริงให้ท่านฟัง แต่ยังเพื่อลบล้างพลังด่างพร้อยที่รั่วไหลเข้าไปในดินแดนเก่าด้วย”

จ้าวเทียนกล่าวต่อ “พวกเราไปไม่ได้ เพราะอย่างนี้ถึงส่งยอดฝีมือดินแดนใหม่ไปจำนวนมาก!”

มีพลังด่างพร้อยรั่วไหลเข้ามาในดินแดนเก่าอย่างนั้นหรือ

กับผีน่ะสิ!

มู่อวี่เบ้ปาก จ้าวเทียนเห็นว่านางยังไม่ฟื้นคืนพลังจึงจับสัมผัสสิ่งใดไม่ได้หรือไร

หากเป็นตอนก่อนนางฟื้นพลัง นางคงไม่อาจแน่ใจได้จริง ๆ ว่าที่นี่มีพลังด่างพร้อยรั่วไหลเข้ามาหรือไม่

ทว่าในยามนี้นางแน่ใจได้อย่างสิ้นเชิงว่าพลังด่างพร้อยจากดินแดนใหม่ไม่ได้รั่วไหลเข้ามาในดินแดนเก่า!

นางบรรลุถึงแสวงวิถีวรรณะหกแล้ว หากมีพลังด่างพร้อยไหลเข้ามาในดินแดนเก่าจริง ๆ ย่อมไม่มีทางจับสัมผัสไม่ได้

จ้าวเทียนกำลังหลอกนาง!

“เอาเถิด ไม่ว่าท่านพูดอย่างไรข้าก็ไม่มีทางกลับดินแดนใหม่ในตอนนี้ ข้าจะอยู่ในดินแดนเก่าไปอีกสักระยะ”

มู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบ

“พลังด่างพร้อยรั่วไหลเข้าไปในดินแดนเก่าแล้ว ท่านอยู่ที่นั่นไม่ได้ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ข้ากลัวจะเกิดเรื่องกับท่าน!”

จ้าวเทียนกล่าว

“มีพลังด่างพร้อยที่ไหน จ้าวเทียน ข้าไม่ติดกับท่านหรอก หยุดโกหกอย่างเปล่าประโยชน์เสียที!”

มู่อวี่แค่นยิ้มเอ่ย “ข้ารู้ว่าเหตุใดพวกท่านถึงไม่กล้าจุติมายังดินแดนเก่า เพราะกลัวเกิดเรื่องหลังจุติมายังดินแดนเก่าใช่หรือไม่! ไม่เป็นไร ไม่มาก็ไม่มา อีกไม่นานข้าจะไปหาพวกท่านเอง!”

“มู่อวี่ ข้ารู้ว่าท่านใกล้ชิดกับท่านผู้นั้น ที่พวกเราลดความมีตัวตนของดินแดนเก่าและลบล้างร่องรอยของดินแดนเก่าเป็นผลให้ท่านเคลือบแคลงนับว่าปกติ”

จ้าวเทียนเอ่ย “ทว่าข้าอยากขอให้ท่านเชื่อใจพวกเรา! ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำล้วนเกี่ยวข้องกับการชุบชีวิตท่านผู้นั้น!”

เขายังเพียรพยายามโน้มน้าวมู่อวี่ให้กลับดินแดนใหม่ เพราะไม่อยากจุติมาต่อสู้กับมู่อวี่ที่ดินแดนเก่า

“เวลานี้ดินแดนเก่ามีปัญหาใหญ่ ท่านอยู่ที่นั่นนานไม่ได้ ฟังข้าสักประโยค รีบกลับดินแดนใหม่เถิด!” เขาเอ่ย

บัดนี้มู่อวี่สงสัยขึ้นมาแล้ว ยิ่งไม่อาจปล่อยให้นางอยู่ที่ดินแดนเก่าต่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรีบพานางออกจากดินแดนเก่า

ถึงอย่างไรมู่อวี่สนิทสนมกับท่านผู้นั้นยิ่งนัก หากอยู่ในดินแดนเก่าอาจกลายเป็นภัยใหญ่หลวง ง่ายจะเกิดเรื่อง

“บัดซบ เรื่องบ้าอะไรกัน! คลื่นลูกเก่าไม่ทันสงบมีคลื่นใหม่มาอีกระลอก!”

เขาด่ากราดอยู่ในใจ ‘คนท้องถิ่น’ ของดินแดนเก่ายังไม่ถูกพวกเขาจัดการ บัดนี้เกิดเรื่องมู่อวี่อีก!

เขารู้สึกแย่เป็นหนักหนา

มู่อวี่แคลงใจแล้ว ความแคลงใจนี้ยากจะลบล้าง และหมายความว่าพวกเขาจำต้องกำจัดมู่อวี่ เก็บนางไว้ไม่ได้อีก

พลังด่างพร้อยในดินแดนใหม่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เดิมพวกเขายังหวังให้มู่อวี่ผู้คืนชีพกลับมาข่วยเป็นหนึ่งเรี่ยวแรง

บัดนี้พวกเขากลับต้องกำจัดมู่อวี่ด้วยความจำเป็น ให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร!

มู่อวี่ก็เป็นปรมาจารย์ผู้หนึ่งเช่นกัน ถือเป็นกำลังรบระดับสูงสุด ยามต่อกรกับพลังด่างพร้อยย่อมเป็นกำลังสำคัญ ต้องกำจัดทั้งอย่างนี้ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก

“ไม่กลับ!”

มู่อวี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดให้มากความอีก นางไม่มีทางเชื่อคำกล่าวของจ้าวเทียน ไม่มีทางติดกับจ้าวเทียนและถูกหลอกกลับดินแดนใหม่ง่าย ๆ!

“มู่อวี่ ท่านเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!”

เสียงของจ้าวเทียนเริ่มเย็นชาลง “ปล่อยให้ท่านเอาแต่ใจในสถานการณ์อย่างตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ต่อให้ท่านไม่อยากกลับดินแดนใหม่ก็ต้องกลับ!”

มู่อวี่เพิ่งคืนชีพได้ไม่นาน พลังที่ฟื้นกลับมาย่อมมีจำกัด ในเมื่อเขาหลอกมู่อวี่ไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้แข็งแล้ว!

เขาส่งยอดฝีมือดินแดนใหม่ไปมากมาย คุมตัวมู่อวี่ผู้ยังไม่คืนสู่ระดับสูงสุดได้ไม่น่ามีปัญหา คงสำเร็จได้ง่าย ๆ

“ฝีปากช่างกล้านักนะ!”

มู่อวี่แค่นเสียงเย็น หาได้เกรงกลัวไม่ นางเอ่ยอย่างห้าวหาญว่า “ข้าบอกไปแล้วว่าจะไม่กลับดินแดนใหม่ตอนนี้ ข้าจะรอดูว่าผู้ใดสามารถบังคับพาข้ากลับไปยังดินแดนใหม่ได้!”

“ท่านโอหังเกินไป อย่าว่าแต่ท่านยังไม่ได้ฟื้นพลังเลย ต่อให้พลังท่านกลับมาอยู่ในระดับสูงสุดแล้วอย่างไร พวกเราสามารถพาท่านกลับมายังดินแดนใหม่ได้ง่ายดาย!” จ้าวเทียนตวาด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท