ตอนที่ 400 รัชศกราชาปีศาจ เขตแดนเจ็ดทางใต้ (2)
……………………………………………………………………..
ไม่เอ่ยถึงเรื่องฉินเฟิ่งชิงจะคิดยังไงอีก ถังเฟิงไม่ได้มองเขาต่อ แต่ยังคงเดินไปข้างโซฟา ใช้ก้นชนฉินเฟิ่งชิงจนตัวลอยแล้ว เวลานี้ค่อยนั่งลงว่า “มาดูข้อมูลสิ ตอนที่คนของหน่วยทหารมาส่งบอกว่าครั้งนี้ได้รับอะไรกลับมาไม่น้อย ถ้าฉันดูด้วย พวกเธอจะว่าอะไรหรือเปล่า?”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่ใช่ความลับสักหน่อย หน่วยทหารยังรู้แล้ว ยังจะปกปิดคนกันเองทำไม ฉินเฟิ่งชิง นายก็ไม่เห็นต่างสินะ?”
ฉินเฟิ่งชิงที่ถูกชนจนตัวลอย ตอนนี้นั่งยองๆ อยู่ที่พื้น เผยใบหน้าเศร้าซึม ฉันยังจะเห็นต่างได้หรือไง?
ฉันจะกล้าว่าอะไรได้?
ระหว่างที่กำลังคิด ฟางผิงก็เอ่ยต่อ “นั่งยองตรงนั้นทำไม มาดูด้วยกันสิ!”
ฉินเฟิ่งชิงอยากอัดคนจริงๆ!
ฉันอยากเป็นแบบนี้ที่ไหนกัน?
หัวสิงโตชนฉันมาอยู่ที่นี่ต่างหาก!
‘มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ยังไงก็ไม่อยู่แล้ว ตีให้ตายยังไงก็ไม่อยู่! อยู่ไม่ได้เด็ดขาด! ถึงฟางผิงจะคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็ไม่อยู่!’
คำรามอย่างโมโหในใจหลายครั้ง ฉินเฟิ่งชิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่รั้งตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เด็ดขาด!
ชำเลืองมองฟางผิงแวบหนึ่ง ก่อนจะมองถังเฟิง รอดูเถอะ ตอนที่จากไปแล้วจะทำให้พวกนายได้เห็นดีกัน!
สู้หัวสิงโตไม่ได้ไม่เป็นไร งั้นก็สู้กับถังเหวินแทน!
ส่วนฟางผิง…เขาก็มีน้องสาวไม่ใช่หรือไง?
ฉินเฟิ่งชิงเริ่มครุ่นคิดแล้วว่าจะไปรับตำแหน่งที่หนานเจียงดีหรือเปล่า ไปเป็นผู้บัญชาการของหนานเจียง อันที่จริงก็ไม่เลวเหมือนกัน ยังถือโอกาสกดขี่ครอบครัวของฟางผิงได้ด้วย
ทั้งน้องสาวฟางผิง ตัวเองควรจะไปรังแกสักหน่อยดีหรือเปล่า?
ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฉินเฟิ่งชิงก็เผยรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ใช่แล้ว สู้พวกเขาไม่ไหวไม่เป็นไร ล้างแค้นไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าตัวเสมอไป
ฟางผิงชำเลืองมองเขา เห็นเขายิ้มอย่างต่ำทราม รู้ว่าหมอนี้คงเริ่มคิดฟุ้งซ่านในใจเพื่อปลอบใจตัวเอง ก็คร้านจะสนใจเขาอีก
รอฉินเฟิ่งชิงเดินเข้ามา ฟางผิงก็หยิบหนังสือที่ถอดความแล้วเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน
ฉินเฟิ่งชิงและถังเฟิงต่างหยิบมาคนละเล่มเช่นกัน
ครั้งนี้ข้อมูลที่แปลส่งกลับมามีแค่หกเจ็ดเล่ม แต่ตอนแรกที่พวกฟางผิงมอบให้นั้นเกือบร้อยเล่ม ส่วนหนึ่งยังไม่ได้แปลออกมา
แน่นอนว่าอาจไม่ใช่สาเหตุนั้นเสมอไปเช่นกัน
ฟางผิงสงสัยว่าข้อมูลบางส่วน รัฐบาลและหน่วยทหารแปลออกมาแล้ว อาจจะไม่นำมามอบให้พวกเขา
ไม่คิดเรื่องพวกนี้มากอีก ฟางผิงเปิดพลิกหน้าหนังสือ เริ่มต้นอ่านขึ้นมา
—
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 3882 สงครามใหญ่ปะทุ แผ่นดินแตกแยก! ทะเลต้องห้ามปรากฏขึ้น…สองราชานำผู้ที่เหลือรอดหนีตายมายังพื้นที่รกร้างว่างเปล่า…”
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4105 ทะเลต้องห้ามไม่เกิดความโกลาหลอีก ดินแดนเทพสูญหาย สองราชาร่ำไห้ ใต้หล้าโศกเศร้า…”
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4137 สองราชาความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต่างนำผู้ที่เหลือรอดก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมา…”
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4185 ทะเลต้องห้ามปะทุอีกครั้ง สองราชาร่วมมือกันสร้างดินแดนแห่งปราการ…”
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4307 สองราชาขัดแย้งกัน ระเบิดสงครามใหญ่…”
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4312 สองราชาบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ยุติสงคราม…”
ในมือของฟางผิงเป็นหนังสือประเภทบันทึกประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง
ฟางผิงยิ่งอ่านก็ยิ่งขมวดคิ้ว บางสถานที่ไม่ได้แปลออกมา ไม่รู้ว่าไม่สามารถแปลออกมาได้จริงๆ หรือว่าจงใจลบออกไป
สรุปแล้วบันทึกอย่างไม่ปะติดปะต่อทั้งหมด
อย่ามองว่าหนังสือเล่มหนา ในความเป็นจริงแม่งมีแต่จุดไข่ปลา!
ฟางผิงเผยสีหน้าหมดคำพูด เขียนออกมาบนกระดาษแผ่นเดียวตรงๆ เลยไม่ได้หรือไง จำเป็นต้องทำหนังสือออกมาหนาขนาดนี้ด้วย?
“รัชศกราชาปีศาจ?”
จากปี 3882 จนถึงปี 4312 สองราชาปรากฏอยู่ในบันทึกมาโดยตลอด
ระยะเวลานี้ผ่านไปสี่ร้อยกว่าปี!
สี่ร้อยกว่าปี สองคนนี้ยังตีกันไม่รู้แพ้รู้ชนะ…ยอดฝีมือมนุษย์ ปัจจุบันนี้อายุยืนมากที่สุดเท่าไหร่?
“เป็นอมตะอย่างนั้นเหรอ?”
อันที่จริงฟางผิงสงสัยอย่างมาก ตกลงยอดฝีมือมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่กัน?
ปรมาจารย์ในอดีตถูกเรียกว่าเทพเซียนบนดิน สามารถเป็นอมตะหรือเปล่า?
น่าจะไม่ได้ แต่ร่างทองขั้นแปด เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานทีเดียว
น่าเสียดายที่ตอนนี้ขั้นแปดที่เขารู้จัก แทบจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในสมัยนี้ทั้งหมด ยังไม่เคยเจอประเภทตาเฒ่าหงำเหงือก
“ทะเลต้องห้ามคือพื้นที่ทะเลทางใต้นั้น?”
“ดินแดนเทพสูญหาย…ดินแดนเทพคือเขตหวงห้ามหรืออะไร?”
“รัชศกราชาปีศาจ…ราชาปีศาจเป็นแค่คำเรียกหรือเป็นคนอื่น ไม่ใช่มนุษย์ถ้ำ? เป็นสัตว์ปีศาจ?”
“ทะเลต้องห้ามปะทุ…ปะทุยังไง?”
ในหัวของฟางผิงผุดความคิดขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ผ่านไปพักใหญ่ เพราะขาดแคลนข้อมูลที่สำคัญบางส่วนจึงไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้
ข้างหลังยังมีบันทึกอีกบางส่วน
บันทึกสุดท้ายมีถึงรัชศกราชาปีศาจ ปี 4895!
“รัชศกราชาปีศาจ ปี 4895 เขตหวงห้ามส่งคนมา บุกเบิกเส้นทางเกิดใหม่ เข้าสู่ดินแดนแห่งการเกิดใหม่!”
ฟางผิงม่านตาหดเกร็ง ดินแดนแห่งการเกิดใหม่!
“ดินแดนแห่งการเกิดใหม่…ดินแดนแห่งการเกิดใหม่คือโลกงั้นเหรอ?”
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก รีบมองไปทางถังเฟิง “อาจารย์ถัง ทางเดินของเซี่ยงไฮ้เกิดขึ้นปีไหน ปี 1949 หรือเปล่าครับ?”
“ใช่ เกิดเมื่อปี 1949”
ถังเฟิงพยักหน้า
ฟางผิงคำนวณเล็กน้อย พึมพำว่า “หกสิบปีก่อน ถ้าหกสิบปีก่อนเป็นรัชศกราชาปีศาจปี 4895…ประเด็นอยู่ที่ทางเดินที่บันทึกอยู่ในหนังสือเล่มนี้หมายถึงทางเดินของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้อย่างนั้นเหรอ?”
“ระยะห่างจากสงครามใหญ่ที่บันทึกตอนเริ่มต้นก็ประมาณหนึ่งพันกว่าปี ถ้าปี 4895 คือปี 1949 งั้นพันกว่าปีก่อนก็เป็นปีคริสต์ศักราชที่เก้าร้อยกว่า?”
“ช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรและราชวงศ์ซ่ง?”
ฟางผิงสะบัดหัวเล็กน้อย คิดเรื่องพวกนี้ไปทำไม
“ใช่สิ จากการอธิบายในคาบเรียนก่อนหน้านี้ ทางเข้าถ้ำใต้ดินแห่งแรกปรากฏในปี 1303 ห่างจากตอนนี้เจ็ดร้อยกว่าปีแล้ว…ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเส้นเวลา งั้นก็จะประมาณรัชศกราชาปีศาจที่ 4190 ไม่ใช่สิ ทางเดินของดินแดนแห่งการเกิดใหม่ปรากฏ…บางทีอาจเป็นทางเดินแห่งแรก?”
ฟางผิงคิดลอยไปไกล ช่วงเวลาสั้นๆ ก็นึกไปหลายเรื่อง
“ราชาปีศาจ ดินแดนเทพ ทะเลต้องห้าม เขตหวงห้าม สองราชา ดินแดนแห่งการเกิดใหม่…”
ฟางผิงยังกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น “โอ้โห จริงๆ ด้วย ใต้เมืองราชามีแหล่งแร่ขนาดใหญ่!”
ฟางผิงทำหน้าหมดคำพูด นายจะตื่นเต้นขนาดนั้นไปทำไม เรื่องนี้รู้ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าดีใจ เงยหน้าว่า “ฟางผิง นายไม่ได้หลอกฉันจริงๆ ด้วย ฉันยังคิดว่า…”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ!
ไอ้เวรนี้คิดอะไรอยู่กัน?
ฉันจำเป็นต้องหลอกนายด้วย?
สรุปแล้วนายสงสัยว่าฉันพูดโกหกมาโดยตลอด?
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเขา เอ่ยต่อว่า “เล่มนี้เป็นการแนะนำเมืองของเขตแดนเจ็ดทางใต้…ฟางผิง อันที่จริงถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าเขตแดนเจ็ดทางใต้…”
ฟางผิงแววตาวูบไหว “พูดแบบนี้ ในนั้นยังมีเขตแดนแปดทางใต้อีกงั้นสิ ถ้ำใต้ดินสามแห่งนี้น่าจะอยู่ติดกัน?”
ถังเฟิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “เขตแดนแปดทางใต้…ระหว่างเซี่ยงไฮ้และหนานเจียง มีถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งอยู่จริงๆ…”
“ถ้ำใต้ดินตงหลิน!”
ฟางผิงโพล่งออกมา ก่อนจะเอ่ยว่า “หรือถ้ำใต้ดินตงหลินคือเขตแดนแปดทางใต้?”
ถังเฟิงส่ายหัว “เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของถ้ำใต้ดินตงหลินเท่าไหร่ แม้แต่เขตแดนเจ็ดทางใต้ของพวกเรา ฉันก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก”
“เจ็ดแปดเก้าสามเขตแดน…” ฟางผิงพึมพำ “พูดแบบนี้ บางทีพวกเราอาจจะทะลุจากถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไปถึงถ้ำใต้ดินตงหลิน แล้วก็ไปถึงถ้ำใต้ดินหนานเจียงอีกทีได้?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “จะสนใจทำไม ถ้ำใต้ดินเดียวยังวิ่งไม่ทั่วด้วยซ้ำ ยังคิดจะวิ่งหลายที่อีก? ฟางผิง รีบมาดูนี่ เล่มนี้แนะนำชื่อเมืองแต่ละเมืองและพืชปีศาจผู้พิทักษ์ ทั้งยังมีข้อมูลสัตว์ปีศาจด้วย เมืองตงขุย…ไม่ได้เรียกว่าเมืองตงขุย เรียกว่าเมืองเยาขุยเถอะ เรียกมั่วซั่ว! เอ๋ พืชปีศาจผู้พิทักษ์ของเมืองเยาขุยเป็นดอกทานตะวันจริงๆ…แม่งเอ้ย ยังให้ผลเป็นเมล็ดทานตะวัน!”
ฉินเฟิ่งชิงอ่านอยู่สักพัก จู่ๆ ก็กลืนน้ำลาย พึมพำว่า “กินเมล็ดทานตะวันแล้ว…เหมือนจะสามารถบ่มเพาะพลังจิตใจได้!”
ฟางผิงรีบเข้ามาแย่งหนังสือไปทันที กวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วว่า “อยู่ไหน?”
“โง่!”
ฉินเฟิ่งชิงก่นด่า “นายดูสิ นี่ไม่ได้เขียนไว้หรือไง เมล็ดสามารถบ่มเพาะพลังจิตใจได้?”
ฟางผิงรีบกวาดสายตาดู มีจริงๆ ด้วย!
“พะ…พลังเป็นพลังจิตใจ?”
“ไร้สาระ ต้องใช่อยู่แล้ว!”
ฟางผิงพึมพำว่า “งั้นแสดงว่า…เอาชนะเมืองตงขุยได้ ฆ่าปีศาจทานตะวัน บางทีอาจสามารถบ่มเพาะปรมาจารย์เป็นจำนวนมากได้?”
ฉินเฟิ่งชิงพึมพำเช่นกัน “ฉันอยากกินเมล็ดทานตะวัน กินแล้วฉันก็จะกลายเป็นปรมาจารย์…”
เห็นใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวังของทั้งสองคน ถังเฟิงก็เอ่ยอย่างปวดหัวว่า “พวกเธอ นั่นเป็นพืชปีศาจขั้นเก้า ยังไม่พูดถึงจะให้ผลลัพธ์นี้หรือเปล่า ถึงจะใช่ พวกเธอมั่นใจนะว่าสามารถฆ่ามันได้?”
ทั้งสองคนคิดอะไรอยู่!
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าไม่ยอมแพ้ว่า “นั่นพูดยาก ใช่สิ…”
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็มองไปทางฟางผิง “ฟางผิง นายปะปนเข้าไปได้ไม่ใช่หรือไง? นายปะปนเข้าไปแล้วก็ขโมยกลับมานิดหน่อย!”
“ไสหัวไปเลย!”
ฟางผิงด่าออกไป เมืองของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้รบรากับมนุษย์มาหลายปี ค่อนข้างคุ้นเคยกับมนุษย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เมืองจู้หลิวสามารถเทียบได้ จะไม่มีการป้องกันอะไรเลยหรือไง
อยากปะปนเข้าไปในเมืองตงขุย ความยากและอันตรายต้องมากกว่าอยู่แล้ว
ฉินเฟิ่งชิงเป่าหูว่า “กลัวอะไร ฟางผิง นายลองคิดดู นายขโมยเมล็ดทานตะวันกลับมาขาย จะขายได้เท่าไหร่กัน?”
“อย่ามาไร้สาระ!”
ฟางผิงไม่สนใจเขา คว้าหนังสือในมือเขามาอ่าน
หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นการแนะนำธรรมเนียมของเขตแดนเจ็ดทางใต้
นอกจากเมืองตงขุย ยังแนะนำเมืองอื่นๆ อีก
หลังจากที่ฟางผิงได้อ่านก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าใจสถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้อย่างชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“กวาดรังครั้งก่อนไม่เสียเปล่าจริงๆ!”
นี่เป็นความคิดอย่างเดียวที่ฟางผิงมีในตอนนี้ หนังสือพวกนี้สำคัญมากจริงๆ อย่างน้อยสำหรับเขาก็เป็นอย่างนั้น