ตอนที่ 824 เทศกาลโคมไฟ
……….
เมื่อโจวเจ๋อเปิดประตูและเข้ามาก็บังเอิญได้ยินคำพูดนักพรตเฒ่า หมอนี่ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ถอนใจอย่างปลงอนิจจังอีกต่างหาก
“วันนี้เป็นเทศกาลโคมไฟ” โจวเจ๋อพูด
“เถ้าแก่สุขสันต์เทศกาลโคมไฟ!” นักพรตเฒ่าโบกไม้โบกมือพลันตะโกนขึ้น
“อืม ผมก็เพิ่งนึกได้ มิน่าล่ะ วันนี้พาจุดประทัดกันข้างนอกเยอะแยะเชียว” โจวเจ๋อถอดเสื้อคลุมตัวเองออกและยื่นไปคลุมให้อิงอิง จากนั้นก็พูดต่อ “เอางี้แล้วกัน นักพรตเฒ่า ตอนนี้คุณออกไปกวาดเศษขี้เถ้าและกระดาษประทัดข้างนอกพวกนั้นที สุขาภิบาลจะได้ไม่เสียเวลาตอนทำงานพรุ่งนี้ ถ้าทำความสะอาดไม่ทันมันจะส่งผลต่อรูปลักษณ์ของเมือง”
“…” นักพรตเฒ่า
สร่างเมาในทันที!
ไม่นานนัก นักพรตเฒ่าหยิบไม้กวาดและที่ตักผงโดยมีเจ้าลิงเกาะบ่าพากันออกไปอุทิศตัวช่วยรักษารูปลักษณ์ของเมือง แผ่นหลังช่างดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
ไม่ใช่ว่าโจวเจ๋อใจร้าย แต่แท้ที่จริงเป็นเพราะบางครั้งนักพรตเฒ่าก็ชอบเสี่ยงอันตรายเพื่อทดสอบความบ้าระห่ำจริงๆ
ผ่านไปไม่เท่าไรก็ดื้อดึง อีกหน่อยเขาคงซนจนขึ้นไปรื้อกระเบื้องหลังคาเป็นแน่ คนอื่นพระอาทิตย์ขึ้นตอนหนุ่มสาว พระอาทิตย์ตกตอนวัยชรา แต่นักพรตเฒ่าดันกลับกัน อายุยิ่งมากก็ยิ่งออกนอกกรอบมากขึ้น
สายตาเถ้าแก่โจวมองไปรอบๆ ปรบมือแล้วพูด “รวมกันหน่อย มีเรื่องจะปรึกษา”
…
โต๊ะกลมใหญ่พร้อมกลุ่มคนนั่งล้อมรอบ
นอกจากหนึ่งคนและลิงหนึ่งตัวที่ไปกวาดถนนแล้ว ตามลำดับจากซ้ายไปขวา ได้แก่ เจิ้งเฉียง หลิวฉู่อวี่ เยว่หยา เหล่าจางสาวน้อยโลลิ เด็กชาย จิ้งจอกขาว ทนายอัน สวี่ชิงหล่าง สาวน้อยผิวเข้ม เดดพูล อิงอิง และเถ้าแก่โจวนั่งตรงกลาง
สวี่ชิงหล่างยกขนมบัวลอยจีนออกมาจากห้องครัว เขาทำเองทั้งหมด แค่มองการนำเสนอขนมบัวลอยจีนแล้วช่างประณีตพิถีพิถันเหมือนกับเจ้าของ!
“ทั้งหมดนี้มีรสชาติอะไรบ้าง” เยว่หยาถาม
ทุกคนหยิบคนละชาม นั่งที่โต๊ะและกินช้าๆ
“เจ้าจะเอาหน่อยไหม”
ทนายอันเอาชามมาตรงหน้าทารกพร้อมกับยื่นน้ำพลับพลึงแดงสกัดให้หนึ่งขวด
“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะปลูกดอกพลับพลึงแดงบนโลกมนุษย์ พวกเจ้านี่มะ…”
“เอาเถอะ ไม่กินก็ช่าง เจ้าแลดูว่างๆ น่ะ” ทนายอันหยิบชามและตะเกียบกลับมากินเสียเองอย่างอารมณ์เสีย
อิงอิงนั่งข้างโจวเจ๋อ นางช่วยตักให้เถ้าแก่ก่อนแล้วก็ตักให้ตัวเองพลางนั่งลงและจิบช้าๆ คำเล็กๆ
สวี่ชิงหล่างเห็นฉากนี้ก็ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้โพล่งถามอะไร
หลังจากทุกคนกินเสร็จแล้ว ทนายอันผุดลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้นเคาะโต๊ะและมองโจวเจ๋อก่อน เมื่อเห็นโจวเจ๋อพยักหน้าให้เขาจึงเอ่ยพูดทันที
“ครั้งนี้ที่เรียกทุกคนมา เริ่มแรกเดิมทีไม่ได้คิดจะให้พวกคุณทำอะไร แค่อยากจะให้ที่หลบภัยให้กับพวกคุณ
ระยะนี้ มีเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งเดิมนั้นเฝ้าอารักขาสุดตะวันออกแห่งแดนนรกแต่ได้ก่อกบฏในยมโลก ได้ฆ่าทำลายเพื่อให้ได้ออกจากเส้นทางสู่นรกหวนคืนสู่แดนมนุษย์ เพื่อหนีการตรวจสอบองยมโลกในระยะนี้ พวกเขาจะเลือกไล่ล่ายมทูตในแดนมนุษย์เพื่อชิงใบรับรองยมทูตก่อนอย่างแน่นอน เถ้าแก่จึงคิดถึงความปลอดภัยของทุกคนถึงได้รวมพวกคุณทั้งหมดไว้ที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกคุณได้รับผลกระทบและตกเป็นเป้าของการตามล่า”
เยว่หยา เจิ้งเฉียงและยมทูตคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นโค้งคำนับแสดงความขอบคุณโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อยื่นมือปัดๆ บอกเป็นนัยๆ ว่าให้ฟังทนายอันต่อ
ต่างก็ตายกันหมดแล้ว ไม่สนใจมารยาทเล็กๆ น้อยๆ นี่หรอก ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็บอกว่าสิ่งนี้ลำบาก ตายไปแล้วก็ยังต้องทนทุกข์กับสิ่งนี้นี่มันน่าอึดอัดแค่ไหนกันละเนี่ย
“แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนไปในทิศทางอื่น เดิมทีพวกเราเพียงแค่อยากจะหนีจากควันหลงของการแปรพักตร์ครั้งนี้ ขอแค่พวกเราอยู่อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมเสนอเถ้าแก่ในตอนแรก แต่เถ้าแก่เพิ่งจะเรียกผมมาอบรมสั่งสอนไปหนึ่งยก บอกว่าตอนนี้นรกกำลังวุ่นวาย ยมโลกสั่นสะเทือน ในเมื่อผมเป็นเจ้าหน้าที่ทางการยมโลกควรรับใช้ยมโลกจนชั่วชีวิต อุทิศตนเพื่อความกลมเกลียวหยินหยางและทุ่มเทสติปัญญาความสามารถตราบจนชีวิตจะหาไม่!
อย่าเอาแต่สนใจผลประโยชน์และความปลอดภัยของตัวเองจนเพิกเฉยต่อสถานการณ์โดยรวม! ไม่มียมโลก ไหนเลยจะมีพวกเรา! คำพูดของเถ้าแก่ยังก้องอยู่ในหูของผม คำสอนของเถ้าแก่ยังก้องอยู่ในก้นบึ้งในใจผม! ด้วยเหตุนี้ผมจึงตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดอุดมการณ์ก่อนหน้านี้ของผมอย่างลึกซึ้ง ขณะ…”
ทนายอันสูดลมหายใจแล้วกลืนคำนั้นลงไปทันที
เยว่หยา เจิ้งเฉิง หลิวฉู่อวี่ สาวน้อยผิวเข้ม เดดพูลพวกเขาต่างพากันตั้งอกตั้งใจฟังที่โต๊ะกลม ราวกับนี่เป็นพิธีล้างบาปด้วยคำพูดแสนประเสริฐได้จุดประกายลึกลงไปในหัวใจของพวกเขา!
หากพวกเขามีกระดาษและปากกาในมือในเวลานี้ เดาว่าคงตั้งหน้าตั้งตาจดบันทึกลงไปอย่างจริงจังและนำกลับไปทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า
คนหนึ่งแสร้งทำเป็นจริงจังแต่ประจบสอพลอ ส่วนคนกลุ่มข้างล่างแสร้งทำเป็นตั้งใจฟังเพื่อเอาใจ ฉากนี้ตลกพอๆ กับนักแสดงละครลิงเลย และคนที่โดนหลอกก็นั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางซะด้วย
โจวเจ๋อหาวหวอดๆ และพูดขึ้น “เหล่าอัน”
“ครับเถ้าแก่” ทนายอันหันหน้ามองโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ คุณยังมีอะไรจะเสริมทับอีกไหมครับ”
“ผมคิดว่านักพรตเฒ่ากวาดถนนคนเดียวดูเหมือนจะไม่ค่อยมีกำลังวังชา”
“แค่ก…กลับเข้าประเด็น!” สีหน้าทนายอันพลันเปลี่ยนไปและพูดต่อ “ตอนนี้เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักท่านนี้”
ทนายอันชี้ทารกข้างตัว “เขาชื่อเกิงเฉิน ในอดีตก็เป็นผู้ตรวจสอบเช่นกัน เนื่องจากเคยกระทำผิดจึงถูกลดตำแหน่งไปยังดินแดนผนึกสุดตะวันตก คนผู้นี้นิสัยดีมาก ผมขอรับรองเป็นการส่วนตัว! แต่ดินแดนถูกปิดผนึกสุดตะวันตก เป็นสถานที่ที่ไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกปราบสยบปีศาจอสูรยักษ์ที่สร้างหายนะในนรกในขณะนั้นก่อนจะหลอมรวมยมโลกเข้าด้วยกัน
สิ่งมีชีวิตที่ถูกสยบอยู่ที่นั่นแอบย่องเงียบออกไปตามอำเภอใจ ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ ผมไม่รู้ว่าผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว และถูกกวาดล้างไปตามกาลเวลาเท่าไรแล้วที่ยังเหลือลมหายใจอีกเท่าไร แต่สาเหตุของเรื่องในคราวนี้ก็คือ กลุ่มทหารยมทูตที่เดิมทีเฝ้าอารักขาดินแดนผนึกนั้น พวกเขาดันทำข้อตกลงกับยักษ์ที่ถูกสยบเข้านะสิ
อย่าถามผมว่ายักษ์ตัวนั้นคืออะไร ผมรู้แค่ว่าเจ้านั่นมีขนตามร่างกายค่อนข้างมากทีเดียว เจ้ายักษ์แยกส่วนต้นกำเนิดตัวเองออกจากกัน แต่ถึงอย่างนี้ ลำพังพวกเขาแต่ละคนก็แบกรับไม่ไหว ทำได้เพียงตัดส่วนต้นกำเนิดนี้ออกและผนึกส่วนหนึ่งไว้ในร่างกายแต่ละคน จากนั้นฆ่าทำลายเส้นทางสู่นรกและหวนคืนสู่แดนมนุษย์
ยกตัวอย่างละกัน นี่เปรียบเสมือนกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งแต่ละคนหนีออกมาพร้อมกับอาวุธชีวภาพ สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคืออาศัยคำแนะนำของคนข้างๆ เพื่อค้นหากลุ่มคนเหล่านั้นทีละคน จะจับเป็นหรือจะจับตายก็ได้ สำหรับอาวุธชีวภาพนั้นก็ส่งมอบให้เถ้าแก่ของเราเป็นคนจัดการ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะอาศัยเถ้าแก่เพียงลำพังไม่ได้ เถ้าแก่เขาจะเหนื่อย จะเมื่อยล้าเอาได้ อีกทั้งเป้าหมายในครั้งนี้ยังมีเยอะอีกต่างหาก นอกจากกลุ่มคนมารวมตัวกันแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ที่หวนคืนสู่แดนมนุษย์แล้วแยกย้ายกันไป แต่ตำแหน่งคร่าวๆ ก็ยังอยู่ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
เรื่องราวก็เป็นประมาณนี้แหละ สำหรับกลยุทธ์การต่อสู้จริงๆ จังๆ นั้น หลังจากเราตั้งเป้าหมายแรกแน่ชัดแล้วค่อยมาคุยเรื่องรายละเอียดกัน”
หลังจากพล่ามจนจบ ทนายอันปากคอแห้งไปพักหนึ่งจึงหยิบกาแฟซูเปอร์คัพบนโต๊ะขึ้นมากระดกดื่ม
ที่จริง ยังมีรายละเอียดอีกเยอะที่ยังไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของอิ๋งโกว แม้ว่าหลายคนในร้านหนังสือจะรู้ความลับนี้ดี แต่ก็ยังมีคนรอบข้างบางคนที่ยังไม่รู้
คนที่รู้ก็ล้วนเป็นคนของตัวเองไม่เอาไปพูดไร้สาระแน่นอน คนที่ไม่รู้ก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกิงเฉินคนนี้ ทนายอันเชื่อในนิสัยใจคอของเขา แถมเขายังแสดงความจริงใจของเขาออกมาด้วย แต่เพียงเพราะเขายึดมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเอง ทนายอันจึงกลัวจริงๆ ว่าหลังจากที่เขารู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของอิ๋งโกว แล้วจะรายงานโดยตรงกับยมโลก!
“จัดการกับผู้ตรวจสอบเหรอ” เจิ้งเฉียงหรี่ตาลงแล้วพูดต่อ “หรือว่าเป็นกลุ่ม”
ยมทูตสองสามตนข้างๆ แสดงสีหน้าคล้ายกัน
จงรู้ไว้ว่า โดยปกติแล้วหากมีโอกาสได้เจอกับผู้ตรวจสอบ ยมทูตเหล่านี้จะต้องคุกเข่าลงคำนับทักทาย ตอนนี้จะให้พวกเขาปักมีดกับผู้ตรวจสอบเหล่านี้ จุ๊ๆ แรงกระแทกโจมตีมันกว้างใหญ่เหลือเกิน
ทนายอันเม้มปาก เขากลับไม่รู้สึกว่ามันไม่คณามือเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของร้านหนังสือตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงตัวเถ้าแก่ที่กำลังนั่งบัญชาการ ผีดิบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองตัว ต่อกรกับผู้ตรวจสอบอื่นๆ ที่เพิ่งขึ้นมาจากนรกแน่นอนว่า ด้วยร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ ก็ไม่แย่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในร่างอิงอิงยังหลงเหลือมรดกตกทอดของฮั่นป๋าอยู่ ส่วนตอนนี้เจ้าผีดิบน้อยยังมีแมวการ์ฟิลด์พันห้อยอยู่รอบคอของ บวกกับเซี่ยจื้อในร่างทนายอัน ยังมีจิ้งจอกห้าหาง เดดพูลที่หลอมรวมเข้ากับอักขระบางส่วน เจ้าปีศาจวานรของนักพรตเฒ่า
เฮอะ ต่อสู้แบบทีมก็ถมเถแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทนายอันเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในกลุ่มอิสระของเรามีคนมากมายขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวเลยเหรอเนี่ย
“แต่ละคนมีการแบ่งงานแตกต่างกันออกไป แต่เราต้องเชื่อในความแข็งแกร่งของเราเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเชื่อว่าเรากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่ ข้างหลังเราสิ่งมีชีวิตทั้งมวลนับไม่ถ้วนปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป อีกอย่าง พูดจากใจเลยว่า กะอีแค่ผู้ตรวจสอบเอง ถูกไหม”
ทนายอันกำลังเย้ยหยันตัวเองแล้ว
“เวลาไม่คอยท่า ฝ่ายยมโลกจะส่งกองหนุนไปตามล่าจับกุมพวกมันแน่นอน ขณะที่พวกเราไล่ล่าเป้าหมายของเราเองก็ยังต้องวิ่งแข่งกับคนของยมโลกด้วย ฉะนั้นทุกคนต้องเคลื่อนไหวกันเร็วหน่อย เราจะออกเดินทางคืนนี้ไปตามล่าเป้าหมายแรกของพวกเรากัน”
โจวเจ๋อเอ่ยยืนกรานเสียงแข็งและเร่งกระบวนการ ช่วยไม่ได้ เขาสัมผัสได้ถึงความกระหายของเจ้าโง่ที่มีต่ออาหาร ประเด็นสำคัญที่สุดคือการให้อาหารเจ้าโง่และเร่งการฟื้นตัวของเขา เป็นสิ่งสำคัญในการรับประกันว่าตัวเถ้าแก่โจวเองจะสามารถใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ ต่อไปได้!
เพื่อสิ่งนี้ เถ้าแก่โจวมีเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก
ทนายอันเอื้อมมือไปจิ้มศีรษะทารกและพูด “คนที่อยู่คนเดียวแถมยังใกล้ที่สุดอยู่ตำแหน่งไหน”
“เจ้าพล่ามเยอะเสียจริง สมัยก่อนไม่เคยคิดว่าเจ้าอันปู้ฉีเป็นคนชอบพูดพล่ามไร้สาระมาก่อน” ทารกพูดตรงๆ
“ตอนนี้เจ้ากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระอยู่ไม่ใช่หรือ”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากพูดอยู่หรอก แต่เมื่อครู่นี้เจ้าเอาแต่พูดไม่หยุดและไม่เปิดโอกาสให้ข้าได้พูดเลย”
“ได้ๆๆ ตอนนี้ให้โอกาสเจ้าพูดแล้ว คนที่อยู่คนเดียวแถมยังใกล้ที่สุดอยู่ตำแหน่งไหน เจ้าบอกมาสิ!”
ทารกเอียงศีรษะจากนั้นชี้มือตัวเองไปทางด้านหน้า
“ฝั่งตะวันตกหรือ” ทนายอันถาม “ให้ตายเถอะ เจ้าบอกชัดกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ”
“ได้”
“งั้นก็รีบบอกเร็วเข้า มัวไร้สาระอยู่ได้ ทำเวลาหน่อย!”
“ข้างบ้าน”