บทที่ 561 บีบบังคับให้สละตำแหน่งอีกครั้ง
ความมุ่งมั่นของสวีอี้ซานทำให้อู๋ฝานพึงพอใจ ขณะนี้จึงพยักหน้าตอบ “ผมยอมรับความภักดีจากวังเมฆาสีชาด ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว”
“ขอบคุณอู๋เซียนเซิง!” สวีอี้ซานเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณอู๋เซียนเซิง!” เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
ไม่ว่าทุกคนจะยินดีหรือไม่ก็ตาม วังเมฆาสีชาดก็สาบานจะภักดีกับอู๋ฝานไปแล้ว และตัวตนเจ้าวังเช่นสวีอี้ซาน เมื่อครู่พวกเขาก็คำนับและยอมรับกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าวังเมฆาสีชาดภักดีต่อชายหนุ่มจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก
อย่างน้อยก็ในช่วงที่สวีอี้ซานเป็นเจ้าวังเมฆาสีชาด มันจะยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง
หลังเรื่องราวได้รับการสะสาง เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดจึงกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บ และนำร่างผู้เสียชีวิตไปจัดการ พวกเขาทุกคนต่างมีเรื่องต้องทำเต็มไปหมด ทว่าสวีอี้ซานไม่ได้ไปรักษาตัวในทันที แต่ยังโค้งกายและติดตามอู๋ฝานด้านหลังอยู่ครึ่งก้าว เพื่อคอยรับฟังคำชี้แนะ
ผู้ใดจะคาดคิดว่าผ่านพ้นเพียงไม่ถึงครึ่งวัน สวีอี้ซานที่เคยจะฆ่าแกงอู๋ฝานกลับเปลี่ยนท่าทีได้อย่างพลิกกลับถึงขนาดนี้ ทั้งยังแสดงออกซึ่งความนอบน้อมอย่างถึงที่สุด กระทั่งสาบานความภักดีแก่ชายหนุ่มต่อหน้าคนทั้งสำนัก มันเป็นดังคำกล่าวที่ว่าสรรพสิ่งไม่อาจคาดเดา
“แม้ตอนนี้คุณจะได้เป็นเจ้าวังเมฆาสีชาดแล้ว แต่ศิษย์ในสำนักยังไม่ได้ยอมรับคุณเต็มร้อย หวังว่าจะเข้าใจประเด็นในเรื่องนี้ดี” อู๋ฝานเอ่ยกับสวีอี้ซาน
อู๋ฝานยังคงเป็นภัยคุกคามทางทั้งกายและทางใจของเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาด เหตุผลว่าทำไมพวกเขายอมรับสวีอี้ซานเป็นเจ้าวังคนใหม่ มันไม่ใช่เพราะสวีอี้ซานทรงอำนาจล้นพ้น แต่เป็นเพราะเหล่าสิ่งอัญเชิญที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ข่มขวัญพวกเขาจนหวาดกลัว สถานการณ์บีบบังคับให้พวกเขาต้องยอมรับตัวตนเจ้าวังของสวีอี้ซานอย่างไม่มีทางเลือก
เพราะไม่ได้ยอมรับจากใจ จึงไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครคิดเห็นเป็นอื่นจนสร้างเรื่องราวขึ้นมา
“นายน้อย ผมทราบดีครับ และจะระมัดระวังให้ดี หลังอยู่ที่นี่มานานหลายปี แม้สถานะจะต่ำต้อยที่สุดในบรรดาห้าผู้อาวุโสสำนักใน แต่ก็ไม่ได้อยู่โดยเปล่าประโยชน์ ผมจะจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยครับ” สวีอี้ซานเผยความนอบน้อมอย่างสูงสุด กระทั่งเกิดประกายในดวงตาอย่างที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้เมิ่งข่ายไม่ได้มีท่าทีที่ดีอันใดต่อสวีอี้ซาน หม่าฉางหมิงที่ได้รับความโปรดปรานจึงสวมบทแทนเจ้าวังอย่างเมิ่งข่าย ทำให้สถานะของสวีอี้ซานในวังเมฆาสีชาดต่ำต้อย สิทธิ์และเสียงในการตัดสินใจมีน้อยนิด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเป้า เขาจึงเลือกถ่อมตัวมาโดยตลอด อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องยากลำบากขึ้น รวมถึงเป็นการไม่เปิดช่องให้ผู้อื่นเข้ามารุกราน
แต่ในความเป็นจริง สวีอี้ซานคอยลับคมตนเองอยู่เสมอ เพราะทราบดีถึงสถานการณ์ที่ตกเป็นรอง หากตนเองเผยคมมากจนเกินไป มันไม่ใช่เรื่องที่จะนำพาผลประโยชน์มาใหม่ ทว่าเป็นการนำพาหายนะมาเยือน ทั้งยังจะถูกเมิ่งข่ายและเหล่าผู้อาวุโสตำหนิติเตียน
ทว่าตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว เขาได้เป็นเจ้าวังเมฆาสีชาดโดยความช่วยเหลือของอู๋ฝาน ขณะนี้เขาไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บอีกต่อไป เพราะหากยังเก็บงำเอาไว้ ก็คงทำให้เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดมองว่าไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเจ้าวัง ดังนั้นออร่าจากทั้งร่างในปัจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปราวกับเป็นคนละคน
แน่นอนว่าเมื่อยังอยู่ข้างกายอู๋ฝานเขายังคงแสดงความนอบน้อมและนับถือออกมา เพราะทราบดีว่าทุกสิ่งที่ได้มาตอนนี้นั้นมีสาเหตุจากอะไร กระทั่งกลัวเกรงต่อพลังอำนาจที่อีกฝ่ายเคยแสดงให้เห็น
ส่วนคำเรียกหา ‘นายน้อย’ ที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นคำขอของอู๋ฝานเอง เพื่อจะได้เหมือนดังที่พวกเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยเรียกหา
“เข้าใจก็ดีแล้วครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ติดต่อหาผมได้”
ไม่ว่าจะอู๋ฝานหรือสวีอี้ซานต่างก็เข้าใจดี ว่าบางครั้งก็จำเป็นต้องสะสางคราบสกปรกภายในวังเมฆาสีชาดให้เรียบร้อยก่อน มีแต่ทำเช่นนั้นสวีอี้ซานจึงจะสามารถควบคุมวังเมฆาสีชาดได้อย่างแท้จริง แม้หลังทำความสะอาดครั้งใหญ่อาจทำให้อำนาจของสำนักลดเลือนลงไปบ้าง แต่มันก็แค่ชั่วคราว เมื่อใดสวีอี้ซานมีอำนาจเต็มที่ ด้วยการสนับสนุนจากอู๋ฝาน วังเมฆาสีชาดจะสามารถฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว
“ครับนายน้อย” สวีอี้ซานตอบรับอย่างนอบน้อม
แท้จริงแล้วสวีอี้ซานตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ว่าหากไม่จำเป็นจนถึงที่สุดจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากอู๋ฝาน เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายสามารถช่วยให้ตนขึ้นสู่จุดที่สูงขึ้นไปได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นการทำให้ตนต่ำลงไปด้วย ยามรับการสนับสนุนจากคนอื่น คนเช่นอู๋ฝานย่อมไม่ต้องการสนับสนุนคนไร้ค่า เขาจึงต้องการพิสูจน์ความสามารถให้อีกฝ่ายได้เห็น ดังนั้นจึงต้องพึ่งพากำลังและสติปัญญาของตัวเองเพื่อสะสางคราบสกปรกภายในวังเมฆาสีชาด
แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งที่อู๋ฝานได้แสดงให้เห็น และด้วยการสนับสนุนที่อีกฝ่ายมีให้ในฉากหน้า สิ่งเหล่านั้นจะยังคงเป็นหนามทิ่มใจคนในสำนัก สวีอี้ซานสามารถใช้เรื่องราวดังกล่าวออกอุบายจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ ก่อนจะเอามือป้องกระเป๋าของตนเองและนำเอาขวดยาสมานแผลจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหลัง และส่งพวกมันให้กับสวีอี้ซาน “รับยาสมานแผลเหล่านี้เอาไว้ มันช่วยห้ามเลือดได้”
“ขอบคุณนายน้อยครับ” สวีอี้ซานรับมาด้วยสองมือ
แม้วังเมฆาสีชาดจะมียาที่ใช้ห้ามเลือด แต่ในเมื่ออู๋ฝานมอบให้ เขาย่อมไม่ปฏิเสธและยินดีรับเอาไว้
“เอาละ ฝากเรื่องที่นี่ด้วย ผมคงต้องขอตัวก่อน” อู๋ฝานบอกกับสวีอี้ซาน
“คำนับนายน้อย” สวีอี้ซานโค้งกายให้
อู๋ฝานพยักหน้าตอบก่อนจะมุ่งหน้าออกไปจากที่ตั้งสำนักของวังเมฆาสีชาด ตลอดทางมีสวีอี้ซานคอยคุ้มกัน แม้จะมีสายตาอันซับซ้อนของเหล่าศิษย์มองมาก็ตาม
“จริงสิ พวกคุณจัดการส่งคนไปสะสางเรื่องที่โลกเบื้องหน้าให้เร็วที่สุด เสร็จแล้วโทรแจ้งด้วย” อู๋ฝานยังจำเรื่องของตระกูลเกิ่งได้จึงหันไปบอกกับสวีอี้ซาน
“ครับนายน้อย ผมจะจัดการให้เป็นอย่างดี” สวีอี้ซานเป็นคนฉลาด ก่อนหน้านี้เขาเคยมีสถานะต่ำต้อยในวังเมฆาสีชาด แม้ได้รับเกียรติเป็นผู้อาวุโสสำนักใน แต่เมิ่งข่ายแทบไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวภายในเลย กระทั่งผลักให้เขาไปดูแลเรื่องราวของโลกเบื้องหน้ากับจานเฮ่อเสียด้วยซ้ำ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่จานเฮ่อถูกฆ่า สวีอี้ซานจึงเป็นคนมารับช่วงจัดการเรื่องราวต่อ ทั้ง ๆ เขาเป็นคนที่อยู่ในสำนัก แต่กลับต้องมาจัดการเรื่องราวนอกสำนัก
อู๋ฝานพยักหน้าตอบก่อนจะหันกลับและจากไป
สวีอี้ซานยืนส่งอู๋ฝานด้วยท่าทีนอบน้อมจนกระทั่งร่างของชายหนุ่มเลือนหายไป จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หันกลับและเดินเข้าสำนักไป
การได้เป็นเจ้าวังทำให้เขามีเรื่องราวต้องสะสางอีกมากมาย
“ลูกพี่เกิ่ง ตอนนี้น่าจะได้ยินเรื่องที่อู๋ฝานไปทำร้ายคนของวังเมฆาสีชาดและเดินทางไปที่ตั้งสำนักเพียงคนเดียวแล้วใช่ไหม?” พ่อของหลี่ปิงเผยสีหน้ายิ้มแย้มเอ่ย ขณะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อของเกิ่งหย่าเฟย
เดิมนั้นพ่อของหลี่ปิงเตรียมรอจนกว่าจะทราบแน่ชัดว่าเรื่องราวระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาดจะจบลงอย่างไร เพราะเมื่อใดที่ชายหนุ่มถูกสังหาร เมื่อนั้นเขาก็พร้อมที่จะมากดดันพ่อของเกิ่งหย่าเฟย
ทว่านับตั้งแต่อู๋ฝานออกจากร้านคัลเลอร์แมนพร้อมสวีอี้ซานจนถึงตอนนี้ พ่อของหลี่ปิงและเหล่าผู้ถือหุ้นใหญ่ต่างก็คิดว่าชายหนุ่มจะต้องตายอยู่ที่วังเมฆาสีชาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วังเมฆาสีชาดเล่นงานตระกูลเกิ่งจนทำบริษัทล้มละลาย และสุดท้ายพวกเขาไม่ได้รับอะไร พ่อของหลี่ปิงกับพรรคพวกจึงรวมตัวกันมาพบพ่อของเกิ่งหย่าเฟยอีกครั้ง เพื่อบีบคั้นให้อีกฝ่ายโอนถ่ายหุ้นมาให้พวกตนโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้พวกตนเองต้องล่มจมไปกับตระกูลเกิ่ง