สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 340 กลับสำนักฮั่นหลินย่วน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 340 กลับสำนักฮั่นหลินย่วน

……….

ซินโย่วชะโงกมาด้านหน้าเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใต้เท้าเฮ่อ ข้าอยากออกมาเริ่มโจมตีก่อน ล่องูออกจากถ้ำ”

“คุณหนูซินมีแผนการอย่างไร” เฮ่อชิงเซียวอารมณ์สงบนิ่ง ถึงกับคิดว่ากำลังชื่นชม

อย่างน้อยครั้งนี้อาโย่วก็รู้จักหารือกับเขาแล้ว

“ในปีนั้นท่านแม่ข้าเพิ่งเอ่ยถึงปฏิรูป พวกเขาก็หวาดกลัวดังเผชิญพยัคฆา แอบลอบวางแผนการไม่เลิกรา หากข้าเอ่ยถึงเรื่องเดิมขึ้นมาอีก พวกเขาจะต้องทนไม่ไหว…”

เฮ่อชิงเซียวได้ฟังซินโย่วพูดจบก็ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อหรือ อันตรายเกินไป”

“ดังนั้นจึงได้เชิญใต้เท้าเฮ่อมาช่วย ข้าอยู่ที่แจ้ง ท่านอยู่ที่ลับ จึงจะมีความเป็นไปได้มากว่าจะกระชากตัวคนบงการเบื้องหลังออกมาได้”

“แต่ทว่าคนบงการเบื้องหลังอาจเป็นกลุ่มอิทธิพลทั้งกลุ่ม” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยเตือน

“อย่างไรก็ต้องมีหัวหน้า ต้องมีคนที่อย่างไรก็ไม่อาจยอมรับการปฏิรูปได้”

ตั้งแต่คิดแผนอาศัยพระสนมซูเฟยทำให้ท่านแม่ต้องออกจากวัง อีกสิบกว่าปีต่อมาก็ยืมมือกู้ชางป๋อสังหารท่านแม่ แต่ละก้าวล้วนมีการจัดการ มีการแผนการ ไม่ได้ลงมืออย่างวู่วาม ฝ่ายตรงข้ามเช่นนั้นย่อมจับตาดูข่าวสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับท่านแม่ พอนางปล่อยเหยื่อล่อออกไป ผู้บงการนั่นไม่มีทางนิ่งดูเฉยอยู่ได้

ฝ่ายตรงข้ามมีการเคลื่อนไหว นางจึงจะมีโอกาสกระชากคนผู้นี้ออกมา

เฮ่อชิงเซียวครุ่นคิดครู่หนึ่ง ได้แต่พยักหน้า ยามสบกับสายตาคาดหวังของสาวน้อย “ลองดูได้ แต่ต้องระวังความปลอดภัยตนเองเป็นอันดับแรก อย่าได้เสี่ยงภัย”

ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อวางใจ ข้าจะทะนุถนอมชีวิต”

แววตาเฮ่อชิงเซียวเผยรอยยิ้ม “อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าข้าช่วยคุณหนูซิน”

ซินโย่วมองเขาเงียบๆ

“แต่คือผู้ร่วมงาน ฝ่าบาทเองก็ทรงเร่งถามความคืบหน้าเรื่องตราประทับอักษรจวิน หาตัวผู้บงการเบื้องหลังออกมา มิใช่เรื่องของคุณหนูซินเพียงผู้เดียว แต่เป็นภารกิจของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน”

ฮองเฮาซินต้องตายเพราะการปฏิรูปเพื่อราษฎร การยืนหยัดของอาโย่วตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นความแค้นส่วนตัว แต่เพื่อเดินไปบนเส้นทางที่ฮองเฮาซินเดินไปไม่จบ

เส้นทางลำบากเต็มไปด้วยขวากหนามนี้ ย่อมมิได้มีอาโย่วเพียงผู้เดียว และก็มิควรมีอาโย่วเพียงผู้เดียว

“ขอให้ร่วมมือกันราบรื่น” ซินโย่วยกจอกชาขึ้น

เฮ่อชิงเซียวเองก็ยกจอกชาขึ้น “อืม ร่วมมือกันราบรื่น”

“คนมากหูตามาก ข้าไม่ไปส่งใต้เท้าเฮ่อแล้ว” ซินโย่วมองส่งเฮ่อชิงเซียวจากไปก่อนจะกระดกยิ้มมุมปาก

ท่านแม่ ท่านดูสิ ผู้ที่เดินร่วมทางไปกับข้าก็คือคนที่ข้ามีใจปฏิพัทธ์ โชควาสนาบุตรสาวก็มิได้ย่ำแย่นักใช่ไหม

ตำหนักกันเฉวียนกง

ขันทีประคองกล่องเดินเข้ามา “พระสนม คนของคุณหนูซินส่งหนังสือมาพ่ะย่ะค่ะ”

พระสนมเสียนเฟยแสดงท่าทีให้ขันทีเปิดออก ในกล่องมีนิยายหลายเล่ม หน้าปกเขียนไว้ชัดเจนว่า ‘หก’

พระสนมเสียนเฟยอดเผยรอยยิ้มไม่ได้ รับสั่งขันทีว่า “ไปเชิญองค์ชายสามมา”

องค์ชายอายุน้อยเดิมทุกวันก็ต้องเรียนหนังสือ เมื่อวานองค์ชายสามเกือบเกิดเรื่อง ดังนั้นจึงได้หยุดหนึ่งวัน

ไม่นานองค์ชายสามก็รีบเร่งเดินเข้ามา “เสด็จแม่ ได้ยินว่าพี่หญิงซินให้คนนำ ‘บันทึกตะวันตก’ มามอบให้แล้ว”

“เดินดูทางหน่อย” ความหวาดกลัวที่เกือบเสียบุตรชายไปยังคงไม่จางหาย พระสนมเสียนเฟยมองดูองค์ชายสามที่เดินเข้ามาด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างที่สุด

เมื่อก่อนมาพระสนมเสียนเฟยตำหนิและอบรมบุตรชายอยู่เสมอ แต่หลังผ่านเหตุการณ์เมื่อวานมาก็พลันรู้สึกตัวว่าไม่มีอันใดสำคัญไปกว่าสุขภาพและความปลอดภัยของบุตรชาย

ขอบคุณฟ้าดิน บุตรชายยังเรียกนางว่าเสด็จแม่ได้ และได้อ่านนิยายเบิกบานใจได้

“เล่มหกจริงด้วย!” องค์ชายสามหยิบนิยายขึ้นมาเผยรอยยิ้มกว้าง

หากเป็นยามปกติ พระสนมเสียนเฟยก็จะเตือนองค์ชายสามว่าอย่าได้แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า ตอนนี้กลับยิ้มตบหลังมือเขา “ไปอ่านเถอะ อ่านได้แต่ตอนกลางวัน ห้ามจุดตะเกียงอ่านกลางคืน และห้ามทำให้การเรียนเสีย”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” องค์ชายสามกวาดสายตามองนิยายที่เหลือทีหนึ่ง “พี่หญิงซินมอบมาให้หลายเล่มเลย”

“ก็มิใช่ของกิน หนึ่งเล่มไม่พออ่านหรือ”

“หม่อมฉันทูลลา” องค์ชายสามกอดนิยายเดินไปอย่างดีใจ

พระสนมเสียนเฟยมุมปากเผยรอยยิ้ม คิดแล้วก็รับสั่งขันที “ส่งสองเล่มไปตำหนักเฉียนชิงกง”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังพิจารณาฎีกา ลุกขึ้นเสด็จวนไปหลายรอบ ในพระทัยมักรู้สึกโหวงเหวงไม่มั่นใจ

ตอนอาโย่วยังเป็นไต้จ้าว ให้ขันทีไปตามตัวมาได้ตลอดเวลา แต่พอเป็นบุตรสาว ได้ฟังรายงานจากผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนก็คิดว่ายังดี

ที่ไหนได้ เฝิงเหนียนช่างไม่ได้ความ ตอนนี้อาโย่วมีความเคลื่อนไหวเช่นไร เขาไม่รู้แม้แต่น้อย

หรือว่าจะให้เฮ่อชิงเซียวคอยรายงานต่อดี

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่ายพระพักตร์

ไม่ได้ เจ้าตัวบัดซบนั่นกล้าปิดบังเขาที่เป็นถึงฮ่องเต้ เขาไม่เชื่อใจ

พูดไปพูดมา อย่างไรเฝิงเหนียนก็ไม่ได้

ยามนี้เองซุนเหยียนก็เดินเข้ามา “ฝ่าบาท คนตำหนักพระสนมเสียนเฟยส่งนิยายมา ทูลว่าองค์หญิงอาโย่วเพิ่งให้คนนำมามอบให้องค์ชายสาม”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดแย้มสรวลไม่ได้ “อาโย่วรักษาคำพูดกับเด็กน้อย ไม่เลว”

ซุนเหยียนกระตุกมุมปาก

พระสนมเสียนเฟยแสดงน้ำใจเสียเปล่าแล้ว

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับถึงที่ประทับมังกร ประทับลงนั่งเปิดนิยายอ่าน

วันต่อมาราชสำนักก็เป็นปกติดีทุกอย่าง เรื่องซินโย่วช่วยองค์ชายสามไว้ค่อยๆ แพร่ออกไป ทำให้บรรดาขุนนางมีเรื่องให้พูดคุยในที่ทำการที่ปกติน่าเบื่อไร้รสชาติ

ตอนหัวหน้าเซี่ยเห็นซินโย่วมารายงานตัวทำงาน ก็นิ่งอึ้งไปเป็นนานทันที

“ซิน…ซินไต้จ้าว ยังมาทำงานที่สำนักฮั่นหลินย่วนต่อหรือ”

ซินโย่วพยักหน้าอย่างรู้สึกสมเหตุผล “ฝ่าบาทไม่ได้ยกเลิกตำแหน่งงานข้าน้อย ข้าน้อยย่อมต้องมาทำงาน หลายวันก่อนต้องการเวลาปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ จึงได้เสียเวลาไปหลายวัน ขอหัวหน้าเซี่ยอย่าได้ตำหนิ”

“มิกล้าอย่างแน่นอน” หัวหน้าเซี่ยมองดูสาวน้อยในชุดกระโปรงหลัวฉวิน ก็มิรู้ควรเอ่ยอันใด ได้แต่เอ่ยวาจาตามมารยาท

“เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวไปทำงานที่ห้องโถงทำงานไต้จ้าวก่อน” ซินโย่วเม้มปากยิ้ม หันหลังจากไป

หัวหน้าเซี่ยคิดไปคิดมาก็รีบเข้าไปในวัง

วันนี้มิใช่เวรของหัวหน้าเซี่ย เห็นเขาเข้าวังมาขอเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็นึกอยากรู้ “หัวหน้าเซี่ย มีเรื่องอันใดหรือ”

“ฝ่าบาท ซินไต้จ้าวมาสำนักฮั่นหลินย่วน”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งอึ้งไปทันที “เมื่อใด”

“เมื่อครู่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าเซี่ยแอบมองสีพระพักตร์ฮ่องเต้ก็พอเข้าใจแล้ว

ที่แท้ฮ่องเต้ไม่รู้ว่าซินไต้จ้าวจะมาทำงานที่สำนักฮั่นหลินย่วนอีกหรือไม่

“ฝ่าบาท วันหน้าซินไต้จ้าว…”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ไม่นานก็ยอมรับเรื่องประหลาดในสายตาคนหมู่มากได้รวดเร็ว “เดิมก็เป็นตำแหน่งที่มิได้ต้องทำอันใด ในเมื่อนางอยากไปก็ตามใจนาง”

อยู่สำนักฮั่นหลินย่วนก็ดี วันหน้าเขาอยากพบอาโย่วก็เรียกตัวมาพบได้ตลอดเวลา

ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ทรงคัดค้าน ในใจหัวหน้าเซี่ยก็สงบลง “กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”

ห้องโถงทำงานไต้จ้าว

ฉือไต้จ้าวกำลังเล่าเรื่องซุบซิบที่ได้ฟังมาใหม่ “ได้ยินว่างานเลี้ยงในวังหลายวันก่อน องค์ชายสามเกือบเกิดเรื่อง โชคดีที่ซินไต้จ้าวช่วยไว้…”

“ก็บอกนานแล้วว่าซินไต้จ้าวเป็นคนมีความสามารถมาก” ฮว่าไต้จ้าวรับคำต่อ ปกติในใจมีแต่เรื่องภาพวาด แต่พอเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับซินโย่ว แววตาก็จะส่องประกาย

ฉีไต้จ้าวยิ้ม “พวกเจ้าเอาแต่เรียกซินไต้จ้าวๆ คนเขามีสถานะคุณหนูซินแล้ว เป็นกิ่งทองสูงศักดิ์ ตำแหน่งไต้จ้าวเชยไปนานแล้ว…”

เสียงฉีไต้จ้าวติดอยู่ในลำคอ เบิกตากว้างมองไปยังสาวน้อยเดินลอยชายเข้ามา

อีกสามคนมองตามสายตาฉีไต้จ้าวไปก็พลันนิ่งอึ้งไปทันทีเช่นกัน

ซินโย่วยิ้มให้ทั้งสี่ยิ้ม กล่าวว่า “ไม่ได้พบกันนาน ”

ฉือไต้จ้าวตั้งสติได้ก่อน “คุณ คุณหนูซิน ท่านกลับมาเยี่ยมเยือนหรือ”

เป็นถึงกิ่งทอง ถึงกับยังคิดถึงพวกเขาสี่คนตัวเล็กๆ น่าสงสารนี่ได้

“ไม่ใช่ ข้ามาทำงาน”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท