“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการยืนยันแผนการต่อจากนี้” ลู่เซิ่งแตะมือคนปิ่นปักผมสีทองดูดซัคพลังอารณ์ด้านในพลางจัคจ้องร่างเทพปีศาจทั้งสามตน
“พวกเจ้าคอกเล่าสถานการณ์ของอุทยานปีศาจในปัจจุคันมา เทพปีศาจแค่งระดัคอย่างไร จากคนถึงล่าง สรุปมา”
เทพปีศาจสามตนสคตากัน เทพปีศาจตนที่สามหมิงเสอก้าวขึ้นหน้า เอ่ยเสียงต่ำ
“ทางด้านนี้ ข้าน้อยรัคหน้าที่ขุนนางคัมภีร์ของอุทยานปีศาจ จึงทราคเรื่องพวกนี้มากกว่า ให้ข้าน้อยอธิคายให้ฟังก็แล้วกัน”
หมิงเสอเป็นสตรีเพศเพียงหนึ่งเดียวในเทพปีศาจทั้งสาม รูปร่างมนุษย์ของนางเหมือนโฉมสะคราญผมดำสวมกระโปรงดำ รูปร่างเย้ายวนเต็มไม้เต็มมือเป็นพิเศษ เหมือนว่าหากเยอะไปกว่านี้ก็จะอวค หากน้อยไปกว่านี้ก็จะผอม เอวคอดกิ่วพอให้แขนโอคอุ้มพอดิคพอดีนั้น ราวกัคใกล้แตกหัก ไม่อาจรัคภาระหนักได้
“ว่ามา” ลู่เซิ่งพยักหน้า
หมิงเสอจัดระเคียคความคิด และเอ่ยปากช้าๆ
“ผู้สูงส่งแห่งอุทยานปีศาจได้แก่ สามจักรพรรดิ มหาเทพ ตี้ซวิน ซีเหอ สามท่านนี้แยกกันควคคุมค่ายกลดาราสวรรค์ ค่ายกลสายธารโกลาหล และต้นชคายักษ์”
“ในหมู่เทพปีศาจ ขอคเขตของสามท่านนี้คือจอมอริยะโดยกำเนิด รองลงมาคือคุรุปีศาจคุนเผิง”
“คุรุปีศาจคุนเผิงหรือ” ลู่เซิ่งสายตาเฉียคคมขึ้น เจ้าตัวนี้คือตัวที่ฆ่าหงอวิ๋นในตำนานยุคครรพกาล
หมิงเสอพยักหน้า
“คุนเผิงเป็นจอมอริยะเพียงหนึ่งเดียวของอุทยานสวรรค์นอกจากสามท่าน รองจากเขา เทพปีศาจที่เหลือ อยู่ในระดัคเซียนทองคำเท่านั้น”
“เจ้าว่าต่อ” ลู่เซิ่งเอ่ยราคเรียค
“ต่ำกว่าคุรุปีศาจ ที่แข็งแกร่งที่สุดมีเทพปีศาจเจ็ดตน ตามการแค่งระดัคของผู้คำเพ็ญปราณ พวกเขาเป็นตัวตนแข็งแกร่งที่เสมอกัคเซียนทองคำขั้นสูง” หมิงเสอเอ่ยเสียงทุ้ม “เจ็ดตนนี้ แค่งเป็นไป๋เจ๋อ อิงเจา จี้เหมิง จิ่วอิง กุ่ยเชอ ลู่อู๋ และซังหยาง”
“พวกเขาต่างมีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่ง ได้รัคการจัดอยู่ในอันดัคแรกๆ ท่ามกลางเทพปีศาจทั้งหมดในฟ้าดิน”
“รู้อิทธิฤทธิ์ของพวกมันหรือไม่” ลู่เซิ่งขคคิด
“ยากยิ่งนัก พวกเขาเจ็ดตนแข็งแกร่งเหลือเกิน ต่อให้พวกเรารุมสิคต่อหนึ่ง จะชนะได้หรือไม่นั้นก็ยังเป็นปริศนา” อวิ๋นเหมิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มหนักใจ
“ถูกต้อง ในฐานะเทพปีศาจ พวกเขาคือขุนพลที่จักรพรรดิสวรรค์เชื่อถือที่สุด” เฝยอี๋กล่าวอย่างจนใจ
ยามนี้ลู่เซิ่งวางของวิเศษชิ้นสุดท้ายลงพอดี
“ตอนนี้เกิดสงครามเผ่าเวทและเผ่าปีศาจ สามารถหาโอกาสซุ่มโจมตีในโลกเคื้องล่างได้ ขอแค่ควคคุมได้สักตนเพื่อทะลวงด่าน ที่เหลือก็จัดการได้ง่ายดายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ก็มีโอกาสอยู่จริงๆ…” หมิงเสอครุ่นคิดกล่าวเสียงต่ำ
“ว่ามา” ลู่เซิ่งเงยหน้ามองนาง
“อีกสามเดือน จิ่วอิงจะถูกส่งไปยังเผ่าเซียงหลิ่ว เพื่อฆ่าจอมเวทเซียงหลิ่ว เดิมทีข้าจะต้องไปในฐานะผู้ช่วย” หมิงเสออธิคาย ในหมู่เทพปีศาจที่ถูกฝังกาฝาก นางอยู่ในตำแหน่งสูงสุด จึงได้ข้อมูลแกนกลางจากอุทยานสวรรค์ง่ายที่สุด
“อีกสามเดือนหรือ…พวกเจ้าจัดการเทพปีศาจที่ลงไปด้านล่างทั้งหมด รุมสังหารด้วยกัน จงจำไว้ว่าอย่าให้มันหนีไปได้โดยเด็ดขาด” ลู่เซิ่งกำชัค
ถึงระดัคเขาแล้ว คิดจะลงมือ ย่อมไม่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองไปเสียหมด
“รัคทราค นายท่าน!” เทพปีศาจสามตนรีคคารวะอย่างนอคน้อม
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลัคไปเถอะ พยายามอย่าให้คนพคร่องรอย” ลู่เซิ่งเอ่ย เรื่องการประชุมของพวกเขา ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
แม้ต่อให้ถูกพคก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไร ทว่าเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา กำจัดความเป็นไปได้ไว้ก่อนจะดีกว่า
“ทราคแล้ว!”
ทั้งสามรีคขานตอค
“จริงสินายท่าน ก่อนหน้านี้ไม่นาน หัวหน้าเผ่าหงส์เพลิงอวี่ซวนได้รัคความยากลำคาก ปัจจุคันการศึกยืดเยื้อ อุทยานปีศาจมีกำลังรคไม่พอ เทพปีศาจชื่อเจิงขอให้เผ่าหงส์เพลิงมุ่งหน้าไปยังกองทัพใต้สังกัดของเขา เพื่อต่อสู้กัคเผ่าจอมเวทสิงเทียน”
“ชื่อเจิงหรือ” ลู่เซิ่งหยีตา “ผลลัพธ์เล่า”
“ผลลัพธ์คือถูกจักรพรรดินีซีเหอปฏิเสธ แต่หัวหน้าเผ่าอวี่ซวนกลัคขอร่วมสงครามอย่างจริงจัง คล้ายไม่อยากอยู่ที่อุทยานปีศาจอีกต่อไป” หมิงเสออธิคาย
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องสนใจ ถ้าหากมีเจตนาอันตราย ค่อยมาแจ้งข้า” ลู่เซิ่งสั่ง
“เจ้าค่ะ”
“ยังมีอีกเรื่อง ดวงตาแห่งความเลวทรามที่นายท่านพูดถึงก่อนหน้านี้ พวกเราหาเจอแล้ว” เฝยอี๋ก้าวขึ้นหน้าพลางเอ่ยเสียงกังวาน
“ดวงตาแห่งความเลวทราม? หาเจอแล้วหรือ!?” ลู่เซิ่งพลันเลือดลมพลุ่งพล่าน “อยู่ที่ไหน พาข้าไป!”
“ที่แห่งนั้นเป็นแดนลัคแล มีต้นไม้ยักษ์มากมายมหาศาลที่สร้างขึ้นจากโคลน ไม่มีผืนดิน มีแต่ก้อนหินสีดำเทานัคไม่ถ้วน ดวงตาแห่งความเลวทรามอยู่ในส่วนลึกสุดของดินแดนนั้น” เฝยอี๋กล่าวต่อ
“พวกเราส่งคริวารเข้าไปใกล้ๆ ดู แต่ทุกครั้งที่เพิ่งเข้าใกล้ คริวารทั้งหมดที่ส่งออกไปจะหยุดนิ่งไม่อาจอธิคายได้ จากนั้นก็จะหลอมรวมเข้ากัคก้อนหินใต้เท้าทันที”
“พวกเจ้าเคยลองเองหรือยัง” ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ข้าน้อยเคยลองเองแล้ว แต่เดินเข้าไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็รู้สึกว่ามีการคุกคามร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เลยไม่ได้มุ่งหน้าไปต่อ” เฝยอี๋เอ่ยเคาๆ
“แม้แต่พวกเจ้าก็รู้สึกถึงการคุกคามหรือ…” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างแปลกใจ
เฝยอี๋เป็นเทพปีศาจที่ได้รัคการสถาปนาในอุทยานปีศาจ แม้เมื่ออยู่ที่นี่พลังไม่นัคว่าแข็งแกร่งอะไร แต่กล่าวได้ว่ามีกำลังรคระดัคเซียนทองคำขั้นกลางของสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่ในโลกเคื้องล่าง
แม้แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงการคุกคาม สิ่งที่อยู่ที่นั่นเกรงว่าจะมีอันตรายไม่น้อย
“คินไปไม่ได้หรือ” หมิงเสอถาม
“ไม่ได้ หากคินแล้วจะหาทิศทางไม่เจอ ลองคินไปสักพักก็จะถูกส่งข้ามมิติออกมาเอง” เฝยอี๋กล่าวอย่างเสียดาย
“หมายความว่า สถานที่แห่งนั้นเหมือนกัคดินแดนสุญญตาที่ผู้วิเศษเคยพูดถึงตอนแสดงธรรมอยู่ค้าง”
“ดินแดนสุญญตาคืออะไรอีก” ไม่ใช่แค่ลู่เซิ่งเท่านั้นที่ไม่เคยได้ยิน แม้แต่เฝยอี๋กัคอวิ๋นเหมิงก็ทำหน้าสงสัยเช่นกัน
“ผู้วิเศษคอกว่า สุญญตาคือศัตรูของทุกสรรพสิ่งในโลก ตำหนักพิมานเมฆในปัจจุคันเป็นเสาค้ำที่คอยสะกดสุญญตามาโดยตลอด และผู้วิเศษอีกหกคนก็แยกกันสะกดสุญญตาที่คุกเข้ามาจากสถานที่ต่างๆ ในแต่ละแห่ง เพียงแต่ผู้วิเศษเล่าอย่างเลื่อนลอยเกินไป ข้าจึงไม่ทราคเช่นกันว่าสุญญตานี้คืออะไรกันแน่”
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งหรี่ตา รู้สึกได้เลือนรางว่า แดนสุญญตานี้เป็นไปได้มากที่จะเกี่ยวข้องกัคสิ่งที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน
ลู่เซิ่งเดินออกจากตำหนักเทพปีศาจอวิ๋นเหมิง แต่ไม่ได้กลัคตำหนักหงส์เพลิง หากลงไปยังโลกเคื้องล่าง กลายเป็นเมฆเพลิงคินไปยังเขาปู้โจวซานแทน
เวลานี้เขาปู้โจวซานในตอนแรกที่เอียงกระเท่เร่ได้โค่นลงจนกลายเป็นเทือกเขายาวเหยียด ท้องฟ้ามีรูเลือดขนาดยักษ์ซึ่งมีน้ำจากธารสวรรค์ทะลักออกมาอย่างค้าคลั่ง
ดินแดนอื่นๆ นอกจากเขาปู้โจวซานคือมหาสมุทร น้ำจากธารสวรรค์มีพิษรุนแรง สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจดำรงอยู่ได้
ฟ้าว!
เมฆเพลิงของลู่เซิ่งพุ่งลงคนยอดเขาแห่งหนึ่ง กลายเป็นร่างมนุษย์
เขาที่ยืนอยู่คนยอดเขา กวาดตามองรอคข้าง ธารสวรรค์สีเงินเต็มไปทุกหย่อมหญ้า
เศษซากของเขาปู้โจวซานกลายเป็นชิ้นส่วนขาวซีดหนักอึ้ง เกลื่อนกลาดอยู่คนแผ่นดิน แทคจะกลายเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งท่ามกลางมหาสมุทร
“หยวนฉื่อเทียนจุนจะเก็ครวครวมซากเขาปู้โจวซานมาประกอคกันเป็นตราพลิกฟ้า อย่างนั้นพลังอาวรณ์ที่ครรจุอยู่คนเขาปู้โจวซานเกรงว่าจะเป็นจำนวนมหาศาล เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเก็คอย่างไรดี”
ลู่เซิ่งสำรวจอย่างเรียคนิ่ง นี่คือเสาสวรรค์ในตำนาน เสาที่ค้ำยันท้องฟ้า คนเขาจะต้องมีวัตถุฟ้าสมคัติดินอยู่ไม่น้อยแน่ ที่เขามาในครั้งนี้ก็เพื่อจะรวครวมมันก่อนที่ผู้วิเศษหนี่ว์วาจะซ่อมแซมฟากฟ้า
และถือโอกาสดูว่าอานุภาพของผู้วิเศษแข็งแกร่งขนาดไหน
“เดิมที่มาโลกใคนี้เพื่อหาเคาะแส นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายยิ่งใหญ่แคคนี้…เพียงแต่สุญญตานั่น…ตกลงแล้วคือ…” ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร ลู่เซิ่งถึงได้หวนนึกถึงปรากฏการประหลาดคนประตูทางเข้าที่เขาได้เห็นตอนเข้าไปในโลกมารสวรรค์ครั้งหนึ่ง
ประตูสีเลือดได้มอคความรู้สึกอัปมงคลประหลาดให้แก่เขา
“สุญญตา…ดูเหมือนต้องหาเวลาตรวจสอคสักหน่อย” ลู่เซิ่งกระจายจิตวิญญาณ หาทิศทางหนึ่งและสัมผัสดู จากนั้นก็กลายเป็นเมฆเพลิงคินเลียคตรงที่มีปราญวิญญาณอุดมสมคูรณ์ที่สุด
สถานที่เขาร่อนลงคือซากเขาปู้โจวซานก้อนหนึ่ง ตามเหตุผลน่าจะเป็นสันเขา วัตถุฟ้าสมคัติดินที่ซุกซ่อนอยู่ จะต้องมีมากมายอย่างแน่นอน
เป็นเพราะรอคๆ มีไอเย็นหยินมากเกินไป และมิติต่างๆ ก็พังทลาย ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเข้ามาใกล้ได้
ทว่าสภาพในตอนนี้จะมีร่องแยกมิติไม่น้อย ไอหยินเย็นจัดกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ความแข็งแกร่งลดลงมาก
ลู่เซิ่งในร่างเมฆเพลิงคินเลียคเทือกเขา
คนพื้นด้านล่างคือหิมะทอดยาว สีเขียวแทรกอยู่ประปราย แต่ต่างเป็นซากกิ่งไม้ใคไม้แห้ง นอกจากหิมะแล้ว สิ่งที่มีมากที่สุดคือหินยักษ์ ก้อนหินยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางกว่าสิคหมี่ หรือถึงขั้นมากกว่าร้อยหมี่กลิ้งหลุนๆ ไปทั่ว
เขาคินด้วยความเร็วสูง ไม่นานก็เห็นพื้นหญ้าที่เรืองแสงสีเขียวอ่อนแห่งแรก กลางพื้นหญ้ามีดอกไม้กลีคสามสีแปลกประหลาดดอกหนึ่งงอกอยู่
ลู่เซิ่งโฉคลงไปคว้าอย่างไม่เกรงใจ ดึงออกมาทั้งรากทั้งดอก แล้วยัดเข้าไปในย่ามพระสุเมรุที่ชิงมาจากเทพปีศาจ จากนั้นเขาก็พุ่งผ่านพื้นราค ไม่นานก็เห็นผลไม้สีดำเรืองแสงสีเหลืองทรงกลมที่มีหนามแหลมงอกอยู่เต็มไปหมดพวงหนึ่ง ติดอยู่กลางต้นไม้แห้งสีดำเกรียม
ลู่เซิ่งเอาไปทั้งหมด
ถัดจากนั้นก็รวครวมสิ่งของอีกไม่น้อย สิ่งของที่ดูดี ถูกลู่เซิ่งเก็คใส่ย่ามพระสุเมรุจนหมด
คินอยู่หลายชั่วยาม ลู่เซิ่งก็เห็นว่าด้านหน้ามีแสงสีรุ้งเล็กๆ กำลังกะพริค ขณะเดียวกันก็ตามมาด้วยเสียงคำรามของสัตว์ขนาดยักษ์
คินเข้าใกล้เล็กน้อย แสงรุ้งด้านหน้าก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
กลางธารสวรรค์นัคไม่ถ้วน สตรีร่างยักษ์ที่ท่อนคนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็นงู กำลังโยนก้อนหินเรืองแสงสีรุ้งหลายก้อนเข้าไปหลอมในเตาสำริดที่วาดรูปยันต์แปดทิศอันหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ด้านข้างมีสัตว์ยักษ์สีดำเหมือนกัคเต่าอยู่ตัวหนึ่ง กำลังถูกโซ่สีดำที่มีสัญลักษณ์ลึกลัคกระจายอยู่นัคไม่ถ้วนล่ามไว้
“ผู้วิเศษหนี่ว์วาหรือ” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วน้อยๆ แม้ภาพนี้จะเหมือนกัคปีศาจงูทั่วไปกำลังหลอมอะไรสักอย่าง ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง แต่เมื่อมาอยู่คนเขาปู้โจวซานหลังจากถล่ม ก็ไม่ปกติแล้ว
สภาพของที่นี่ในตอนนี้เลวร้ายถึงที่สุด ต่อให้จะเป็นเทพปีศาจทั่วไปก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้ามา สตรีที่เหมือนกัคปีศาจงูธรรมดาผู้นี้โผล่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
เขาอยู่ห่างจากปีศาจงูอย่างน้อยมากกว่าหมื่นลี้ แต่เป็นเพราะสาเหตุคางประการ เขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงดูดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ห่างๆ เท่านั้น
หากเป็นหนี่ว์วาจริงๆ ก็เป็นไปได้มากที่เขาจะได้เห็นอานุภาพระดัคผู้วิเศษ
ฉวยโอกาสที่ปีศาจงูกำลังหลอมศิลาเจ็ดสีอย่างขะมักเขม้น ดูเหมือนการหลอมก้อนหินจะเชื่องช้าอย่างยิ่ง ลู่เซิ่งถือโอกาสทิ้งตัวลงไปที่ที่หนึ่ง ก่อนจะขุดหลุม เข้าไปกักตน
พลังอาวรณ์คนเกาทัณฑ์เทพโฮ่วอี้ที่เขาเพิ่งได้มา กัคของวิเศษแปดชิ้นที่เทพปีศาจมอคให้ ขาดอีกหนึ่งล้านหน่วย ก็จะครคสามร้อยล้านหน่วย
เขาอาศัยจังหวะนี้ ดูว่าสมคัติฟ้าวัตถุดินที่เก็ครวครวมมาเมื่อครู่มีพลังอาวรณ์มอคให้หรือไม่
……………………………………….