หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 200 ไฟเผาเด็กชายเด็กหญิง

บทที่ 200 ไฟเผาเด็กชายเด็กหญิง

บทที่ 200 ไฟเผาเด็กชายเด็กหญิง

ใช่สิ!

นางมีอะไรคุ้มค่าพอที่จะต้องภาคภูมิใจกัน

นางก็เป็นเพียงหัวแก้วหัวแหวนในชนเผ่าชนเผ่าหนึ่งเท่านั้น! คนอื่นนั้นคนหนึ่งเป็นท่านอ๋อง คนหนึ่งเป็นพระชายา ยังมีอีกคนที่ตัวตนลึกลับ แล้วก็ไม่ใช้เจ้านายที่จะไปหาเรื่องได้ง่ายๆ

“พ่อใหญ่พ่อรองพ่อสามล่ะ?”

“พวกท่านผู้อาวุโสกำลังปรึกษาเรื่องต่างๆอยู่ขอรับ”

“งั้นพวกข้าเข้าไปก่อนนะ พวกเจ้าให้คนไปบอกพวกเขาสักคำ มีแขกสำคัญมาถึง การต้อนรับจะขาดตกบกพร่องไม่ได้

“ขอรับ!”

จากนั้นฮัวหยู่อันก็เดินพาพวกเขาเข้าไป

หลานเยาเยาที่เดินอยู่ด้านหลังกับเย่แจ๋หยิ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปชิดๆกับเย่แจ๋หยิ่ง ถามด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า : “เสี่ยวฮัวฮัวมีพ่อตั้งมากมาย แล้วคนไหนเป็นพ่อแท้ๆกันแน่?”

“ล้วนไม่ใช่”

“หากว่าไม่ใช้ งั้นทำไมต้องเรียกพวกเขาว่าพ่อด้วยล่ะ? แล้วยังจะเรียกตามลำดับด้วย” และจากในน้ำเสียงของเสี่ยวฮัวฮัวฟังออกว่า พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นเหมือนจะดีกับนางมาก

หานแสที่เดิมทีเดินอยู่ด้านหน้าพวกเขา ก็ก้าวเท้าช้าลงทันใด ได้ยินข้อสงสัยของหลานเยาเยาจึงพูดขึ้นว่า :

“เพราะว่าพ่อแท้ๆของฮัวหยู่อันคือหัวหน้าชนเผ่า แม่ก็เป็นฮูหยินหัวหน้าเผ่า หลังจากที่นางเกิด พ่อแม่ก็ตายทั้งคู่ ดังนั้นผู้อาวุโสสามคนนั้นจึงช่วยกันเลี้ยงนางมาจนโต กล่าวกันว่าอนาคตของนางคือผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าชนเผ่า”

น้ำเสียงของหานแสแผ่วเบา แต่ในน้ำเสียงกลับเผยถึงการเหน็บแนมและไม่ใยดี

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

เพียงแต่……

“ทำไมเจ้าถึงรู้อย่างแจ่มแจ้งขนาดนี้? ราวกับว่าเจ้าก็เคยเป็นคนในชนเผ่านี้ด้วย”

“ไม่อยากเป็น!”

เพียงได้ยินคำพูดของหลานเยาเยา หานแสก็หรี่ตาลงอย่างเกรี้ยวกราด พูดออกไปสามคำด้วยความโมโห แล้วก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“คนคนนี้……จริงๆเลย พวกเราคุยกันอยู่ดีๆ ก็จะเข้ามาพูดแทรกให้ได้ พูดแทรกจบยังจะโกรธอีก แปลกประหลาด”

เพียงแค่……อยู่ดีๆ ทำไมเขาจึงโกรธ?

หลานเยาเยาหันหน้าไปคิดจะปรึกษาเย่แจ๋หยิ่งต่อ แต่กลับเห็นเย่แจ๋หยิ่งมองไปที่แผ่นหลังของหานแสเหมือนกำลังวิเคราะห์อยู่ หลานเยายจึงรู้สึกหมดความสนใจขึ้นมาทันที

ได้ เช่นนั้นก็เดินทางของตัวเองดีดีเถอะ?

ฮัวหยู่อันพาพวกเขากลับมาถึงบ้านที่เป็นของนางเอง นั้นเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสามสั่งให้คนช่วยกันสร้าง เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดงดงามที่สุดในชนเผ่าหยินไห่

“คุณหนู ดูนี่สิ ที่นี่คือที่ที่ข้าอาศัยอยู่เมื่อก่อน กว้างขวางพอหรือไม่?”

“ดีมากจริงๆ!”

แม้ว่าจะใหญ่โตไม่ได้ครึ่งหนึ่งของจวนอ๋องเย่ และไม่ได้อลังการโอ่อ่าเหมือนจวนอ๋องเย่ แต่กลับมองออกได้ว่า ที่นี่ถูกสร้างด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้รู้จากโม่ซางมาว่าพวกผู้อาวุโสนั้นมีความรักความเอ็นดูเสี่ยวฮัวฮัวเป็นพิเศษ ยังพูดอีกว่าเมื่อนางอายุครบสิบแปดปีก็จะสนับสนุนให้นางเป็นหัวหน้าชนเผ่า

คิดไม่ถึงว่าพวกผู้อาวุโสจะเอ็นดูนางถึงขั้นที่แม้แต่บ้านที่ให้อยู่ก็เป็นหลังที่ดีที่สุด

ขณะที่นางกำลังดีใจแทนฮัวหยู่อันอยู่นั้น ข้างหูก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาของหานแสแว่วมา

“คิดว่าอยู่มาสิบกว่าปีก็จะกลายเป็นของเจ้าแล้วงั้นหรือ? ไร้เดียงสา”

น้ำเสียงที่ฟังดูถากถางนั้นออกมาจากปากของหานแส ทำให้ฮัวหยู่อันจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ดุดัน

“เจ้า……เจ้าอิจฉาละสิ!”

บ้านทำไมจะไม่เป็นของนางแล้ว?

ไม่รู้อะไรสักอย่าง ยังกล้าพูดมั่วซั่วอีก

อารมณ์ดีๆโดนทำลายแล้ว ฮัวหยู่อันรีบลากหลานเยาเยาไปชมบ้านของตัวเอง เหนื่อยจะสนใจกับคนไม่ดีอย่างหานแสที่พูดจาดีดีออกมาไม่เป็น

เย่แจ๋หยิ่งและหานแสไม่ได้เข้ามาด้วย แต่ยืนอยู่ที่ประตู

หลานเยาเยาที่เข้าไปด้านในแล้ว มองไปที่ประตูด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะถามฮัวหยู่อันว่า : “เจ้ามีความแค้นกับหานแสหรือ?”

ตั้งแต่เข้ามาถึงในชนเผ่า หานแสก็ดูแปลกไปกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าดวงตาแสดงออกว่าเกลียดทุกอย่างที่เป็นที่นี่ แต่กลับยังมองดูไปรอบๆ

“ไม่มีนะ!”

ฮัวหยู่อันก็สงสัย

“ที่จวนอ๋องเย่ก็เพิ่งได้พบเขาครั้งแรก ครั้งต่อมาที่พบกันก็ที่โรงเตี๊ยมเมื่อวาน ข้าก็ไม่เคยพูดคุยกับเขา แล้วจะมีความแค้นได้เช่นไร”

ฮัวหยู่อันก็อึดอัดใจ

ดูท่าทางเงียบสงบของเขา ทั้งยังมีโรคร้ายติดตัว การพูดจาก็ควรจะอ่อนโยนหน่อยจึงจะถูกต้อง ทำไมถึงพูดจาให้คนเกลียดเช่นนั้นนะ?

“อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ถูกชะตากับที่นี่ละมั้ง!”

เดิมทีหานแสก็แปลกประหลาดพออยู่แล้ว หลังจากที่เข้ามาในชนเผ่าก็ยิ่งประหลาดขึ้นไปอีก”

คาดว่านานไปคงจะเข้าใจคนได้มาขึ้น!

โฉมหน้าที่แท้จริงของหานแสค่อยๆเปิดเผยออกมาทีละหน่อยแล้ว

ในไม่ช้า ก็มีคนรับรองยกน้ำชามาให้ ฮัวหยู่อันรอทางซ้ายทางขวา ก็ยังไม่เห็นพวกผู้อาวุโสเข้ามา

รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อย จึงจับคนหนึ่งคนมาถาม :

“พ่อใหญ่พวกเขาทำไมถึงยังไม่มา?” ถกปัญหากัน ถกกันครึ่งวันแล้วยังไม่เสร็จอีกหรือนี่?

“นี่……ข้าก็ไม่รู้ อาจใกล้จะเสร็จแล้ว คุณหนูรออีกนิดนะเจ้าคะ!” คนที่โดนถามพูดแบบไม่แน่ใจ เหมือนว่าฮัวหยู่อันจะไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรไม่ปกติ

แต่หลานเยาเยากลับเลิกคิ้วขึ้นมา พูดกับตัวเองว่า :

ได้ยินว่าเด็กชายเด็กหญิงที่จะโดนเซ่นไหว้หนีไปแล้ว พวกเขาคงไม่ได้กำลังคุยกันเรื่องนี้หรอกมั้ง?”

เมื่อหลานเยาเยาพูดถึงเรื่องนี้ ฮัวหยู่อันก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที

“ข้าจะไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”

เรื่องขออาฝูและอาโม่ นางจะต้องถามให้ชัดเจน

ทั้งๆที่การเลือกเด็กชายเด็กหญิงจะมีการเลือกไว้ล่วงหน้าหนึ่งปี อาฝูและโม่ซางก็ถูกบันทึกในรายชื่อว่าจะไม่ต้องเป็นเด็กชายเด็กหญิงแล้ว แต่ว่าในระยะเวลาอันสั้นที่นางออกไป ทำไมพวกเขาถึงได้กลายเป็นเครื่องเซ่นไหว้ไปได้?

ในนั้นต้องมีเรื่องอะไรที่นางไม่รู้เป็นแน่

“คุณหนู ท่านออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ” คนผู้นั้นรีบร้อนสกัดกั้นไว้

“ทำไม?” ฮัวหยู่อันไม่เข้าใจ

กลับเป็นหลานเยาเยาที่อธิบายคำถามแทนนาง

“ยังต้องถามอีกหรือ? พ่อของเจ้าสองสามคนนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้กำลังพูดคุยกัน แต่กำลังทำเรื่องอื่นอยู่ และยังไม่สามารถให้เจ้ารู้ได้ด้วย”

คาดว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่ชนเผ่า ผู้อาวุโสพวกนั้นได้รู้เบาะแสมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงสมรู้ร่วมคิด คิดจะถ่วงเวลาฮัวหยู่อันไว้

“อะไร?”

คราวนี้ ฮัวหยู่อันรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อขึ้นมาทันที เรื่องอะไรที่ถึงขั้นต้องปิดบังนางไว้?

ดังนั้นนางจึงรีบหันไปถามคนผู้นั้นทันที : “รีบพูดมา ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

“คุณ คุณหนู……”

“เจ้าจะพูดรือไม่พูด? ไม่พูดข้าจะตีจนกว่าเข้าจะพูด” เมื่อคำพูดนั้นหลุดไป ฮัวหยู่อันก็กำหมัดขึ้นและตีไปทันที

“คุณหนู อย่า อย่าตีเลย พวกผู้อาวุโสอยู่ที่แท่นบูชา”

“แท่นบูชา? พวกเขาทำอะไรอยู่ที่แท่นบูชา?”

จะไปอยู่ที่แท่นบูชาได้เช่นไร?

มีเพียงตอนที่จะเซ่นไหว้เท่านั้น พ่อใหญ่พวกเขาถึงไปที่นั่น

อีกทั้ง อาฝูและโม่ซางพวกเขาก็หนีไปแล้ว พวกเขาเอาอะไรมาเซ่นไหว้?

“เสี่ยวฮัวฮัว เจ้าไม่ต้องถามแล้ว ไปเลยแล้วจะได้รู้?”

หลานเยาเยาเริ่มรู้สึกว่าไม่รู้จะพูดไงดีแล้ว ไปที่แท่นบูชาหากไม่ไปทำการเซ่นไหว้จะไปทำอะไรได้อีก? หรือจะให้ไปที่นั้นเพื่อกินเลี้ยงดื่มเหล้าฉลองหรือไง?

“อ่ออ่อ พวกเรารีบไป”

……

แท่นบูชาของชนเผ่าหยินไห่ตั้งอยู่ที่ปากทางเข้าของหุบเขาจิ้น และทางเข้าหุบเขาจิ้นที่ใหญ่โตนี้กลับมีหินงอกซ้อนเรียงรายกันอยู่ เหลือเพียงทางเข้าเป็นทางโค้งเล็กๆเท่านั้น

แท่นบูชาทำด้วยการตีโคลน เป็นลักษณะกลมๆ ด้านหน้าสุดของแท่นบูชาจะวางโต๊ะไว้ตัวหนึ่ง ด้านบนให้ผ้าสีขาวคลุมแท่นเซ่นไหว้ บนโต๊ะมีเทียนที่ถูกจุด ผลไม้และหัวหมู

ระหว่างการเซ่นไหว้ กองฟืนที่วางไว้ ด้านบนกองฟื้นจะมีไม้อยู่สองอัน มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งถูกมัดไว้ที่ท่อนไม้ และใช้ผ้าขาวคลุมหัวพวกเขาไว้

และตรงหน้าแท่นบูชา คนในชนเผ่ากำลังร้องเพลงที่เศร้าโศก เล่นดนตรีที่โศกเศร้า เต้นระบำเซ่นไหว้ด้วยระบำที่แสนเศร้า ในมือผู้อาวุโสทั้งสามท่านถือไม้เท้าเซ่นไหว้แล้วก็ท่องงึมงำด้วยภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง

ในไม่ช้า

เพลงจบ การเต้นหยุด เสียงสิ้นสุดลง

บทเซ่นไหว้ที่พวกผู้อาวุโสท่องงึมงำก็จบลงแล้ว หลังจากนั้นผู้อาวุโสที่สุดก็โบกไม้เท้าเซ่นไหว้ ตะโกนด้วยเสียงสูงและยาวว่า :

“การเซ่นไหว่เริ่มขึ้น จุดไฟ”

คบเพลิงสำหรับจุดไฟได้เตรียมไว้นานแล้ว รอเพียงแค่คำสั่งจากผู้อาวุโสที่สุด คนที่มีหน้าที่จุดไฟโดยเฉพาะหยิบเอาคบเพลิงเดินไปทางเด็กชายเด็กหญิงที่โดนมัดไว้

ขณะที่คบเพลิงกำลังจะถูกโยนเข้าไปที่กองฟืน ฮัวหยู่อันก็มาทันเวลาพอดีพร้อมตะโกนเสียงดัง :

“เดี๋ยวก่อน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท