บทที่ 562 ข้อเสนอและคำขอโทษ
“อืม” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเผยสีหน้าไม่สู้ดี ประการแรกเพราะพวกพ่อของหลี่ปิงปรากฏตัวเพื่อบีบบังคับกันอีกครั้ง ส่วนประการที่สองเพราะข่าวคราวทางด้านอู๋ฝาน
เขาเองก็ได้ทราบเรื่องที่อู๋ฝานเดินทางไปยังที่ตั้งสำนักของวังเมฆาสีชาด แม้ไม่ทราบว่าชายหนุ่มไปทำอะไรที่นั่น ทว่าไปเพียงคนเดียว เป็นไปได้ว่าชายหนุ่มอาจจะคิดว่าคนของวังเมฆาสีชาดสามารถพูดคุยเจรจาได้ง่าย ๆ? แบบนั้นมันจะคลี่คลายวิกฤติได้ยังไง?
นับตั้งแต่อู๋ฝานออกเดินทางจากร้านคัลเลอร์แมน พ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็กังวลมาโดยตลอด กังวลทั้งเรื่องของอู๋ฝานและเรื่องของตระกูลเกิ่ง จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมงยังไม่มีข่าวคราวของอีกฝ่ายกลับมา มันยิ่งทำให้เขาไม่อาจวางใจ
“ลูกพี่เกิ่ง ทั้งผมและลูกพี่ต่างก็รู้ดีว่าวังเมฆาสีชาดเป็นยังไง พวกเรารู้ดีว่าลำพังแค่อู๋ฝานไม่มีทางสะสางเรื่องราวนี้ได้ แต่ลูกพี่ก็ยังฝากความหวังเอาไว้กับเขา ถ้าพวกเรายังถ่วงเวลากันต่อไป ไม่เพียงบริษัทจะตกอยู่ในอันตราย แต่ทั้งตระกูลเกิ่งของลูกพี่ก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วยนะครับ” พ่อของหลี่ปิงเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วเหล่าเกิ่ง เวลาไม่คอยท่า ถ้าอู๋ฝานโดนวังเมฆาสีชาดจัดการเมื่อไหร่ ตอนนั้นคิดเสียใจก็สายเกินไปแล้ว”
“เหล่าเกิ่ง ในฐานะหุ้นส่วนที่ร่วมงานกันมาหลายปี พวกเราไม่ได้อยากเห็นคุณกับตระกูลของคุณตกอยู่ในอันตรายหรอกนะ ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว”
หุ้นส่วนทั้งหลายพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อของเกิ่งหย่าเฟย เหมือนตอนที่พวกเขามาบีบบังคับกันในครั้งแรกไม่มีผิด
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยไม่ตอบ ขณะเวลาผ่านไปใจของเขาก็ยิ่งว้าวุ่น เพราะมันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของทั้งตระกูล
“หนูเชื่อในตัวอู๋ฝานค่ะ!” เกิ่งหย่าเฟยเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่ง
“หลานอย่าสับสนไป อาเองก็ยอมรับว่าอู๋ฝานแข็งแกร่ง เขาสามารถเปิดร้านอาหารที่ใหญ่โตขนาดนั้นในเจียงโจวได้ในเวลาสั้น ๆ เรื่องฝีมือและความสามารถไม่มีอะไรให้สงสัย แต่เขาเป็นแค่คนเพียงคนเดียว เขาจะเอาอะไรไปชนะวังเมฆาสีชาด? โชคชะตาของเขาจบสิ้นไปนานแล้ว ถ้าหลานยังดื้อรั้นแบบนี้ก็มีแต่จะเป็นการทำร้ายตระกูลเกิ่งนะ” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับ
“หย่าเฟย เธอควรตื่นได้แล้ว อู๋ฝานมันกำลังทำร้ายทั้งเธอและตระกูลของเธออยู่นะ!” หลี่ปิงพูดขึ้นมา
เกิ่งหย่าเฟยเมินเฉยหลี่ปิงและพ่อของเขา ก่อนจะหันกลับไปมองพ่อของเธอและเอ่ยคำ “พ่อคะ หนูเชื่อในตัวอู๋ฝานค่ะ เขาไม่ใช่คนที่จะพูดจาไร้สาระ ในเมื่อเขาบอกว่าจะคลี่คลายปัญหานี้ภายในหนึ่งวัน หนูก็เชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ค่ะ!”
“ภายในหนึ่งวัน? หนึ่งวันถือว่าเกินพอให้มันไปตายด้วยมือของวังเมฆาสีชาดน่ะสิ!” พ่อของหลี่ปิงหัวเราะดังขึ้น
“ถ้าอู๋ฝานคลี่คลายปัญหานี้ได้ ฉันจะยอมทำหกสูงใช้หัวตัวเองเป็นลูกบอลให้มันเล่นเลย!” หลี่ปิงเอ่ยอย่างเหยียดหยัน
เวลานี้เองที่โทรศัพท์ของเกิ่งหย่าเฟยดังขึ้น เธอมองชื่อผู้โทรและพบว่าเป็นอู๋ฝาน
เกิ่งหย่าเฟยรีบรับสาย “อู๋ฝาน คุณอยู่ที่ไหนคะ? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
คำพูดของเกิ่งหย่าเฟยทำให้ความสนใจของกลุ่มคนมองมาเป็นตาเดียว
“ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอกครับ เรื่องตระกูลของคุณผมจัดการให้แล้ว ไม่ต้องกังวลนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับมา
“จัดการแล้ว?” เกิ่งหย่าเฟยเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
รวดเร็วขนาดนี้?
“ใช่ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “สัญญาณแถวนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมขอวางสายก่อน แต่เรื่องของตระกูลเกิ่งไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้วครับ บอกพ่อของคุณได้เลย”
“อู๋ฝาน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่ เดี๋ยวสิ…” อู๋ฝานวางสายไปเรียบร้อยแล้ว
“หย่าเฟย อู๋ฝานโทรมางั้นเหรอ? เขาบอกว่ายังไง?” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยรีบเอ่ยถาม
“อู๋ฝานโทรมาค่ะ เขาบอกว่าจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ทางเราไม่ต้องกังวลอะไรแล้วค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ
“จัดการ? ฮ่า ฮ่า อู๋ฝานคนนี้ฝีปากดีจริง ๆ อาจจะเก่งกว่าตอนทำธุรกิจอีกละมั้ง” เมื่อพ่อของหลี่ปิงที่ได้ยินคำพูดของเกิ่งหย่าเฟยถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา
กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างก็ร่วมเผยสีหน้าเย้ยหยันออกมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อเรื่องที่อู๋ฝานสามารถคลี่คลายปัญหาได้
กระทั่งพ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็รู้สึกว่ายากจะทำใจเชื่อได้
แต่ขณะนี้เองที่ในห้องปรากฏเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นโทรศัพท์ของพ่อเกิ่งหย่าเฟย เขาคว้ามันขึ้นมาและจ้องมอง ไม่ช้าก็เผยคิ้วขมวด
พ่อของหลี่ปิงยื่นหน้าไปร่วมรับชม เมื่อเห็นผู้โทรถึงกับเผยสีหน้ายินดีออกมา “ลูกพี่เกิ่งไม่รับสายเหรอครับ? ลูกสาวของลูกพี่เพิ่งบอกไม่ใช่เหรอว่าอู๋ฝานจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว? ในเมื่อเป็นแบบนั้นจะรับก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่นา”
บุคคลที่โทรหาพ่อของเกิ่งหย่าเฟยในเวลานี้คือลูกค้ารายใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้โทรมาแจ้งยกเลิกความร่วมมือในอนาคตกับบริษัทของตระกูลเกิ่ง
เหตุผลที่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยไม่กล้ารับโทรศัพท์ ก็เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะนำข่าวร้ายมาให้ฟังเพิ่มเติม
หลังเห็นพ่อของเกิ่งหย่าเฟยไม่ยอมรับสายสักที หลี่ปิงที่รับชมอยู่จึงเริ่มหมดความอดทน เขาพุ่งตรงเข้าไปคว้าโทรศัพท์พ่อของเกิ่งหย่าเฟยมาเพื่อรับสาย พร้อมทั้งเปิดลำโพง
ก่อนหน้านี้หลี่ปิงมักจะถ่อมตัวและสุภาพต่อหน้าพ่อของเกิ่งหย่าเฟยมาโดยตลอด เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจอันดีกับอีกฝ่าย เพราะมันถือเป็นการปูทางในการตามจีบเกิ่งหย่าเฟย แต่เวลานี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปแล้ว นับจากวันนี้ไปตระกูลเกิ่งต้องจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่พ่อของเขาได้ซื้อหุ้นมาในราคาถูก หรือบริษัทล้มละลายเพราะวังเมฆาสีชาด สถานะของตระกูลเกิ่งจะไม่สูงส่งเท่าเดิมอีกต่อไป ดังนั้นหลี่ปิงจึงแสดงความก้าวร้าวและหยาบคายออกมา ถึงขนาดชิงเอาโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมารับสายอย่างมั่นใจ เพื่อทำให้อีกฝ่ายต้องยอมจำนน
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยแทบจะถลึงตามอง แต่หลี่ปิงไม่คิดใส่ใจ กระทั่งว่าดูภูมิอกภูมิใจซะด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับคุณเกิ่ง นี่ผมเสี่ยวหลี่เอง ต้องขออภัยด้วยที่ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันขึ้น ผมสับสนไปชั่วครู่จนตัดสินใจผิดพลาดไป ดังนั้นผมขอถือโอกาสนี้ขอโทษอย่างเป็นทางการ หวังว่าคุณจะไม่ถือสาผมนะครับ และหวังว่าอนาคตบริษัทของพวกเราทั้งสองจะร่วมมือกันเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา” ประโยคขอโทษจากปลายสายดังออกมา
เนื้อหาที่ได้ฟังทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างต้องชะงักงัน
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยดึงสติกลับคืนมาได้เป็นคนแรกจึงรีบถาม “คุณหลี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”
มันเป็นคำถามเดียวกับที่ทุกคนในที่นี้สงสัยอยู่พอดี
“อย่าเรียกผมว่าคุณหลี่เลย แค่เสี่ยวหลี่ก็พอแล้วครับ” อีกฝ่ายถ่อมตัวตอบกลับมา “เรื่องครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง ถ้าคุณเกิ่งยินดีจะร่วมมือกันต่อไป พวกเราพร้อมจะปรับเปลี่ยนสัญญาเพื่อมอบผลประโยชน์ให้ทางคุณมากขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นการขออภัยครับ”
เพิ่มขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์หมายความถึงได้รับเงินมากขึ้น เพียงแค่นี้ก็มากพอถึงการแสดงความจริงใจของอีกฝ่ายแล้ว
เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้จำเป็นต้องแสดงความจริงใจ ทางวังเมฆาสีชาดได้ยุติเรื่องราวแล้ว และยังบอกให้ทางเขาต้องร่วมมือกับตระกูลเกิ่งต่อไปโดยไม่สนว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง ไม่เช่นนั้นแล้วบริษัทของเขาจะไม่อาจดำรงอยู่ต่อ
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยและคณะที่ไม่ทราบเรื่องราว ตอนนี้กำลังตะลึงกับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกับพวกพ่อของหลี่ปิง หากพวกเขาไม่รู้จักเจ้าของเสียงปลายสายก็คงมองเป็นอีกเรื่อง เช่นการมองว่าตระกูลเกิ่งได้จัดหานักแสดงมาเล่นละครฉากหนึ่ง
“คุณเกิ่ง คุณเกิ่ง? ยังอยู่รึเปล่าครับ? หรือว่าเงื่อนไขยังไม่น่าพึงพอใจ? ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราหารือกันได้นะครับ” หลังเห็นพ่อของเกิ่งหย่าเฟยเงียบไปนาน อีกฝ่ายจึงเอ่ยถามราวกับร้อนรนและกังวล
“อ๋า พอใจแล้วครับ พอใจมากแล้วครับ” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงสับสนกับเรื่องราว แต่ข้อเสนอของอีกฝ่ายก็ดึงดูดเขาจริง ๆ ดังนั้นความพึงพอใจนี้จึงเป็นของจริง
“ได้ยินว่าคุณเกิ่งพอใจก็ยินดีแล้วครับ ส่วนเรื่องทำสัญญากันใหม่ไว้ผมจะติดต่อไปในเร็ว ๆ นี้ครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมา
อีกฝ่ายยอมละทิ้งผลกำไรก้อนหนึ่ง แต่ก็ยังมีท่าทียินดีออกมาให้เห็น หากไม่ทราบเรื่องราวคงมองว่าอีกฝ่ายเป็นลูกค้าหน้าโง่อย่างแน่นอน