ตอนที่ 344 ไปเยี่ยมต้วนอวิ๋นหลาง
……….
“ข้าควรรู้อันใด” ซินโย่วจ้องตาเมิ่งเฝ่ย
ชายหนุ่มมีดวงตาเรียวหงส์ สีดำขลับ แววตาคล้ายมีแสงทอประกาย
แม้ว่าได้ยินมาว่าหลานชายจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมักจะสอบได้ลำดับท้าย แต่ทว่าแววตาฉายความฉลาดมีไหวพริบ
“หลังจากปิดภาคเรียน พี่ต้วนก็ไม่ได้กลับมาอีก บอกว่าขอลาป่วย หลายวันก่อนข้าไปเยี่ยม จึงได้รู้ว่าบาดเจ็บ”
“บาดเจ็บได้อย่างไร” ซินโย่วคำนวณเวลา ก็น่าจะหลายวันก่อนนั้น
เมิ่งเฝ่ยเผยแววตาแฝงความนัยประหลาด “เขาบอกว่าลื่นล้ม”
ซินโย่วกระตุกวาบในใจ
ได้ยินความนัยแฝงจากจากเมิ่งเฝ่ย เขาไม่เชื่อว่าหกล้มเอง
“คุณหนูซินมีเวลาว่างก็ไปเยี่ยมได้…” เมิ่งเฝ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “คุณหนูซินไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับจวนรองเจ้ากรม ในใจพี่ต้วนก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก”
“ขอบคุณคุณชายเมิ่งที่บอกล่าว ข้าทราบแล้ว”
เมิ่งเฝ่ยยิ้มชี้ไปที่ร้านหนังสือชิงซง “ข้ากำลังจะไปซื้อหนังสือ คุณหนูซินมาดูแลร้านหนังสือหรือ”
“อืม คุณชายเมิ่งไปก่อนเถอะ ฟ้ายังไม่มืด ข้าไปจวนรองเจ้ากรมก่อน”
เมิ่งเฝ่ยหัวเราะเบาๆ เอ่ยเตือน “คุณหนูซินอย่าได้บอกว่าข้าพูดล่ะ ไม่เช่นนั้นพี่ต้วนคงโกรธ”
ซินโย่วยิ้ม กลับขึ้นรถ “ไปจวนรองเจ้ากรม”
มาร้านหนังสือเดิมก็เพื่อแสดงละคร ทำให้คนที่ขโมยกองกระดาษไปได้รู้ว่านางจะเผยแพร่นโยบายทำให้สังคมรุ่งเรือง ราษฎรสุขสบาย นี่คือเป้าประสงค์นาง การไปเยี่ยมไข้ต้วนอวิ๋นหลางก็ไม่ได้เสียเวลาอันใด
แวะร้านค้าระหว่างทางซื้อของบำรุงสักหน่อย ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงจวนรองเจ้ากรม
“คุณหนูถึงแล้ว” สารถีส่งเสียงเรียกด้านนอก
ซินโย่วลงจากรถม้า เงยหน้ามองป้ายประตูจวนทีหนึ่ง ก่อนก้าวเข้าไปทันที
“คุณหนูนอก…” คนเฝ้าประตูเห็นซินโย่วก็ตกใจ ส่งเสียงเรียกออกไปแล้วก็ยังตั้งสติไม่ทัน งุนงงไม่รู้ควรเรียกขานเช่นไรดี
ซินโย่วไม่ได้ทำให้คนเฝ้าประตูลำบากใจ “เรียกข้าว่าคุณหนูซินก็ได้ ได้ยินว่าคุณชายรองป่วย ข้ามาเยี่ยมเขา”
“อ้อ อ้อ ท่านรอสักครู่” คนเฝ้าประตูเชิญซินโย่วไปที่โถงเล็กก่อนเข้าไปรายงาน
รองเจ้ากรมต้วนเลิกงานกลับมาแล้ว ได้ยินว่าซินโย่วมาก็รีบวิ่งมา
เห็นสาวน้อยนั่งนิ่งเงียบอยู่ รองเจ้ากรมต้วนก็แสดงท่าทีอึดอัดเล็กน้อย “คารวะ…”
ซินโย่วลุกขึ้น “ใต้เท้าต้วนเรียกข้าว่าคุณหนูซินหรือซินไต้จ้าวก็ได้”
“คุณหนูซินเชิญด้านใน”
โถงเล็กที่ติดห้องริมกำแพงประตูนี้มีไว้เพียงแค่ต้อนรับแขกที่มารอชั่วคราว มิใช่ที่ต้อนรับแขก
รองเจ้ากรมต้วนแสดงท่าทีเชื้อเชิญ รู้สึกเคร่งเครียดตั้งแต่เส้นผมไปถึงปลายเท้า
บรรพชนท่านนี้มาอีกแล้วหรือนี่!
หรือว่ามาเร่งรัดหนี้
ขณะเดินเข้าไปด้านใน รองเจ้ากรมต้วนก็ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก เอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “สี่แสนตำลึงนั้นจะรีบหยิบยืมมาให้ครบ ขอคุณหนูซินให้เวลาสักหน่อย”
ซินโย่วเห็นการยอมแสดงท่าทีอ่อนข้อของรองเจ้ากรมต้วนก็รู้สึกไม่คุ้นชินนัก
อย่างไรนางค่อนข้างคุ้นชินกับภาพรองเจ้ากรมต้วนร้อนใจกระทืบเท้าและไร้หนทางรับมือนางมากกว่า
“ใต้เท้าต้วนล้อเล่นแล้ว นั่นคือสมบัติที่คุณหนูโค่วทิ้งไว้ จัดการอย่างไรย่อมให้จวนท่านดูแล ทางข้าเองก็ยังมีสมบัติของคุณหนูโค่วอีกส่วนหนึ่ง…”
รองเจ้ากรมต้วนรีบเอ่ยว่า “เสี่ยวเหลียนกับฟางหมัวมัวติดตามชิงชิงมานานที่สุด พวกนางรู้ใจชิงชิงมากที่สุด เงินก้อนนี้ก็มอบให้คุณหนูซินจัดการไปเหมาะสมอย่างที่สุดแล้ว”
ล้อเล่นน่า เงินสี่แสนนี่เขารักษาไว้ไม่ได้แล้ว ยังกล้าเอาเงินที่นังเด็กนี่รับคืนไปกลับคืนมาอีกหรือ
หากทำเช่นนี้จริง จวนรองเจ้ากรมช้าเร็วคงจบสิ้นแล้ว
ซินโย่วนิ่งมองรองเจ้ากรมต้วนทีหนึ่ง
ดังคาดต่อหน้าพระราชอำนาจ ตระกูลต้วนที่ลุ่มหลงสมบัติก็ตื่นรู้ได้ ก่อนหน้านี้โหดเหี้ยมเพียงนั้น ละโมบเพียงนั้น ก็เพราะคิดรังแกเด็กสาวกำพร้าไร้ที่พึ่งเช่นโค่วชิงชิงเท่านั้น
นางไม่คิดละโมบ แต่ทว่านำเงินก้อนนี้ออกมาจวนรองเจ้ากรมและจะทำโรงทานในนามคุณหนูโค่ว จริงใจกี่ส่วน ได้ผลเช่นไร ยาวนานเพียงใด ก็ล้วนไม่อาจทราบได้
นางจัดการเงินก้อนนี้กระจ่างชัดแล้ว วันหน้าทำสำเร็จ ก็จะมีชาวบ้านมากมายได้ประโยชน์ แม้ความคิดปฏิรูปของท่านแม่ไม่อาจสัมฤทธิผล เรื่องนี้ก็คงไม่เลวร้ายมากนัก
“มีคำรับรองจากใต้เท้าต้วนเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”
ขมับรองเจ้ากรมต้วนปูดเขียวเริ่มกระตุก
กล่าวได้น่าฟัง เมื่อก่อนปลอมตัวเป็นหลานสาวเขาไม่เห็นแสดงท่าทีเป็นห่วงเช่นนี้
หวนคิดถึงอดีต รองเจ้ากรมต้วนก็ยิ่งปวดใจ
เห็นอยู่ว่าแอบอ้างเป็นหลานสาวเขา แต่พอสืบสถานะพบปัญหาแล้ว คนที่ต้องคอยระแวงเรื่องที่เก็บงำถูกเปิดเผยกลับเป็นเขา!
“ข้ามาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มาเยี่ยมคุณชายรองต้วน”
“อวิ๋นหลางรู้ว่าคุณหนูซินมาเยี่ยม เขาจะต้องดีใจเป็นแน่” รองเจ้ากรมต้วนวกกลับพาซินโย่วไปเรือนที่พักต้วนอวิ๋นหลาง
ซินโย่วไม่ได้ปฏิเสธรองเจ้ากรมต้วนที่จะมาด้วย
ตอนนี้สถานะไม่เหมือนเดิม ย่อมต้องรักษาธรรมเนียม
“อวิ๋นหลาง คุณหนูซินมาเยี่ยมเจ้า” พอเข้ามาในห้อง รองเจ้ากรมต้วนก็ส่งเสียงเรียก
ต้วนอวิ๋นหลางกำลังพิงอยู่หัวเตียง พยายามชะโงกหน้าออกมามอง พอเห็นว่าเป็นซินโย่ว แววตาก็พลันส่องประกายคิดทักทาย แต่ก็นึกได้ว่านี่มิใช่น้องสาวเขาแล้ว
สีหน้าชายหนุ่มสลดลงทันที บาดแผลบนร่างกายคล้ายยิ่งปวดแปลบมากขึ้น
รองเจ้ากรมต้วนกระแอมไอขึ้นทีหนึ่ง “อวิ๋นหลาง คุณหนูซินมา เหตุใดไม่ทักทาย”
ต้วนอวิ๋นหลางมองซินโย่วทีหนึ่งก่อนจะเม้มปากแน่น
รองเจ้ากรมต้วนรีบอธิบาย “หลายวันนี้อวิ๋นหลางไม่สบาย ปฏิกิริยาเลยช้า…”
“ข้าอยากคุยลำพังกับคุณชายรองต้วน”
“พวกเจ้าคุยกัน” รองเจ้ากรมต้วนหันหลังเดินออกจากห้องไปหยุดรอที่ลานด้านหน้า
ซินโย่วรู้สึกคาดไม่ถึงกับท่าทีรองเจ้ากรมต้วนอยู่บ้าง
รองเจ้ากรมต้วนยืนไพล่มืออยู่ในลาน จิตใจเริ่มสงบลง
ย่ำแย่ที่สุดก็คงเพียงแค่นี้แล้ว หากหลานชายสนิทสนมกับนังเด็กนี่ได้ ย่อมส่งผลไม่เลวต่อจวนรองเจ้ากรม
ในห้องพลันเงียบลง ต้วนอวิ๋นหลางรู้สึกขัดแย้งในใจอย่างที่สุด คิดคุยกับซินโย่ว แต่ก็คิดว่าเป็นการทรยศน้องชิง ได้แต่เตือนตนเองในใจรอบหนึ่ง นี่มิใช่น้องชิง มิใช่น้องชิง…
ซินโย่วไม่ใช่คนอ้อมค้อม เห็นเขาเช่นนี้ก็ถามขึ้นตรงๆ ว่า “คุณชายรองต้วนแค้นใจที่ข้าปลอมตัวเป็นคุณหนูโค่วหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางรีบส่ายหน้า “เปล่า บิดาข้าจำคนผิดเอง พาท่านกลับมาเอง ต่อมาได้ฟังบิดาเล่าแล้ว ตอนนั้นท่านก็บอกแล้วว่าจำคนผิด แต่บิดาข้าไม่เชื่อเอง”
“เช่นนั้นก็คงเห็นข้าแล้วคิดถึงคุณหนูโค่ว ทำให้เสียใจสินะ”
ต้วนอวิ๋นหลางแววตาวูบไหว
ประมาณนั้น…กระมัง
“เข้าใจแล้ว” ซินโย่วหยิบของขวัญที่ซื้อตอนขามาวางไว้บนโต๊ะ “ได้ยินว่าท่านป่วย ข้าจึงได้มาเยี่ยม แต่ในเมื่อเห็นข้าแล้วทำให้ท่านเสียใจ เช่นนั้นวันหน้าก็ไม่มาแล้ว ขอให้คุณชายรองต้วนหายดีเร็ววัน”
ต้วนอวิ๋นหลางตื่นตกใจ คว้าแขนเสื้อซินโย่ว “น้องชิง ไม่ใช่เช่นนี้!”
ซินโย่วชะงักมองท่าทางร้อนใจของชายหนุ่ม
ต้วนอวิ๋นหลางไม่ใช่คนมีความคิดละเอียดอ่อน แต่ยามนี้พลันรู้สึกได้ว่า หากนางไปเช่นนี้จริงๆ วันหน้าก็คงกลายเป็นคนแปลกหน้าไปจริงๆ แล้ว
แม้ว่าเสียหน้า แต่ชายหนุ่มยังคงกล่าวความในใจออกมา “ข้าอดเห็นท่านเป็นน้องสาวไม่ได้ แต่ก็คิดว่าไม่ยุติธรรมต่อน้องชิง…”
ซินโย่วนิ่งอึ้งไป
ที่แท้เป็นนี้เอง
แววตานางอ่อนโยนขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนคนหนึ่งไม่อาจมีพี่น้องหลายคนได้หรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางกะรจ่างขึ้นมาทันที “เช่นนั้นวันหน้าข้าเรียกท่านว่า…”
“เรียกข้าว่าอาโย่วได้”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “เช่นนั้นวันหน้าเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่รองแล้วกัน”
“พี่รอง” ยังคงเป็นคำเรียกขานที่น้องชิงเรียกเขา
หลังผ่านเรื่องราวเปลี่ยนแปลงสถานะ และพบกันอีกครั้งอย่างเหินห่างแล้วนี้ไปแล้ว ซินโย่วจึงได้ถามขึ้นว่า “พี่รองล้มป่วยหรือ”