สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 346 ปลา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 346 ปลา

……….

วันนี้เฮ่อชิงเซียวมาร้านหนังสือ แน่นอนไม่ได้เพียงเพื่ออ่านหนังสือ แต่มาเพื่อกองกระดาษที่หายไป

เขารอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นเจ้ากรมตรวจสอบเหอไปเสียที

ปกติเจ้ากรมตรวจสอบเหอจะอยู่ไม่นาน แต่ทว่าวันนี้บังเอิญว่าคุณหนูจูไม่อยู่ในโถงร้าน ไม่ได้พบคนที่ต้องการพบหน้า เขาย่อมไม่คิดจากไป

ทั้งสองคนอ่านหนังสือไปเงียบๆ ด้วยอาการเหม่อลอยไม่ต่างกัน

ผู้ดูแลร้านหูกลับมาแล้ว เห็นเจ้ากรมตรวจสอบเหอไม่ยอมไปเสียทีก็แอบขมวดคิ้ว

เจ้าหนุ่มที่หน้าตารีบร้อนเกินอายุนี่คิดว่ามายืนอ่านอย่างเดียวก็จะเอาชนะในคุณหนูจูได้หรือ

“ใต้เท้าเฮ่อ”

ได้ยินผู้ดูแลร้านหูส่งเสียงเรียก เฮ่อชิงเซียวก็เดินเข้ามา “ผู้ดูแลร้านมีธุระหรือ”

เจ้ากรมตรวจสอบเหอเองก็มองมา

“ท่านชอบบันทึกการเดินทางไม่ใช่หรือ ไม่นานมานี้ร้านหนังสือได้มาเล่มหนึ่ง ผู้แต่งปิดบังชื่อแซ่ บันทึกเรื่องราวผู้คนและสิ่งของประหลาดมากมาย อยากให้ท่านให้ความเห็นสักหน่อย” ผู้ดูแลร้านหูหัวเราะเบาๆ

“ขอบคุณผู้ดูแลร้าน”

เจ้ากรมตรวจสอบเหอมองดูผู้ดูแลร้านหูพาเฮ่อชิงเซียวไปด้านหลัง ได้แต่วางบันทึกการเดินทางในมือลงเงียบๆ

ชอบอ่านบันทึกการเดินทางเหมือนกัน แต่เหตุใดผู้ดูแลร้านปฏิบัติแตกต่างกัน

มาคิดดูอีกที ทุกครั้งที่พบกันก็มักจะมีวาจาที่เหมือนถูกมองว่าเป็นผู้ใหญ่ที่คุณหนูจูต้องให้ความเคารพ เจ้ากรมตรวจสอบเหอลูบใบหน้าที่ดูแก่เกินวัยของตนเองทีหนึ่งก่อนก้าวออกจากร้านหนังสือด้วยสีหน้าสลด

ริมทางด้านนอกร้านหนังสือ ลาดำที่ผูกไว้ที่ต้นไม้เห็นเจ้านายออกมา เจ้าลาดำก็เผยสีหน้าดีใจ

เฮ่อชิงเซียวได้พบซินโย่วที่โถงบุปผา

“เจ้าของร้าน พวกท่านคุยกันเถอะ” ผู้ดูแลร้านหูนำคนมาแล้วก็ถอยออกไปอย่างรู้ความ

ซินโย่วเอ่ยขึ้นตรงๆ “วันนี้ข้าไปสำนักฮั่นหลินย่วน พบว่ามีกระดาษที่ใช้แล้วที่กองอยู่ที่พื้นหายไปบางส่วน”

นางหารือแผนการกับใต้เท้าเฮ่อ นางรับหน้าที่ปล่อยเหยื่อล่อ ใต้เท้าเฮ่อรับหน้าที่ทอดแห ดังนั้นนางไม่ได้สังเกตว่าผู้ใดผิดปกติ ผู้ใดมีปัญหา จะได้ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามวางใจลงมือ

“คนที่หยิบกองกระดาษไปคือไต้จ้าวแซ่หลี่ท่านหนึ่งในโถงตะวันออก”

ซินโย่วไม่ได้ถามเฮ่อชิงเซียวถึงรายละเอียดการจัดการส่งคนจับตา ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับไต้จ้าวแซ่หลี่ที่งับเหยื่อล่อท่านนี้นัก “คนผู้นี้ไม่ค่อยพูดจา ไม่ค่อยมาสุงสิงกับผู้ใด แต่คนเราไม่อาจดูเพียงภายนอก เขานำร่างบทความที่ไม่เอาแล้วไปมอบให้…”

ไต้จ้าวโถงตะวันออกดูแลเรื่องการตรวจสอบบทความและชำระประวัติศาสตร์ ดูเหมือนระดับสูงว่าไต้จ้าวโถงตะวันตกหนึ่งขั้น แต่ความจริงก็ไม่เกินระดับเก้า หลี่ไต้จ้าวเก็บกระดาษร่างบทความที่ทิ้งไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเพื่อสนองความอยากรู้ของตนเอง

เดิมก็ง่ายมากอยู่ หากมีความอยากรู้รุนแรงก็ถึงขั้นแอบขโมยร่างที่ทิ้งไปแล้ว น้อยมากที่จะเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด และผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางต่ำต้อยก็คงไม่เพียงเพราะแค่ความอยากรู้จนต้องเสี่ยงภัยเช่นนี้

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยชื่อ “…จังอวี้เฉิน”

“จังอวี้เฉิน…” ซินโย่วพึมพำชื่อนี้แล้วก็สีหน้าหนักใจ “คนผู้นี้ก็คือหลานชายในสายตระกูลของจังโส่วฝู่?”

นางคิดจะทวงความเป็นธรรมคืนให้ท่านแม่ ย่อมพอเข้าใจขุนนางใหญ่เช่นจังโส่วฝู่

เฮ่อชิงเซียวเข้าใจลึกซึ้งยิ่งกว่า “จังอวี้เฉินไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก แต่ความจริงได้รับความไว้วางใจจากจังโส่วฝู่มาก เขาได้เป็นจิ้นซื่อในรัศชกซิงหยวนที่สิบเอ็ด แต่ตอนเริ่มก่อตั้งราชวงศ์ต้าซย่าก็ออกมาทำงานแล้ว”

“เช่นนั้นตอนนั้นเขามิใช่ว่ายังหนุ่มหรือ”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า “ตอนนั้นอายุไม่ถึงยี่สิบ”

“ตระกูลจังเป็นตระกูลใหญ่ทางใต้ อายุสิบกว่าตามหลักก็ควรอยู่แต่ในห้องตรากตรำอ่านหนังสือ” ซินโย่วคิดแล้วก็แปลกใจ

“จังอวี้เฉินเป็นสายรองของตระกูล สายตระกูลพวกเขาแม้ว่าแซ่จัง แต่ชีวิตมิได้ร่ำรวยเงินทองนัก”

“ก็หมายความว่า เขาทำงานก่อน ค่อยสอบคัดเลือกขุนนาง” ซินโย่วพอได้ยินเรื่องจังอวี้เฉินมาบ้างเท่านั้น ไม่เคยพบหน้า “พอสามสิบกว่าก็ไปเรียนอีกครั้งก่อนเข้าสอบ ก็นับว่ามีความมุ่งมั่นน่าตกใจ”

เฮ่อชิงเซียวยิ้ม “ก็มิใช่ว่าจังอวี้เฉินสอบได้ในครั้งที่สามหรือ แม้ว่ามีสาเหตุมาจากการต้องแบ่งสมาธิไปทำงาน แต่ทว่าตอนเขาอายุน้อยก็มิได้มีผลการเรียนที่โดดเด่นนัก”

“สอบมาสามรอบ…” ซินโย่วพลันชะงัก สีหน้าประหลาดไปเล็กน้อย

“คุณหนูซินคิดถึงอันใดได้หรือ”

“เพียงแค่คิดแล้วรู้สึกแปลกประหลาด” ซินโย่วอธิบายก่อน “ใต้เท้าเฮ่อน่าจะทำความเข้าใจมาแล้ว บิดาโค่วชิงชิงเป็นจิ้นซื่อในรัชศกซิงหยวนที่ห้า”

จังอวี้เฉินสอบมาสามรอบ รัชศกซิงหยวนที่สิบเอ็ดเพิ่งสอบผ่านจิ้นซื่อ เช่นนั้นการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งแรกของเขาก็คือรัชศกซิงหยวนที่ห้า

“จังอวี้เฉินกับบิดาโค่วชิงชิงร่วมการสอบรุ่นเดียวกัน เป็นไปได้มากว่าพวกเขารู้จักกัน แน่นอนอาจบอกอันใดไม่ได้ อาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พวกเรากำลังสืบ อาจเพราะข้าหยิบยืมสถานะคุณหนูโค่วมานานเกินไปจึงอดคิดขึ้นมาไม่ได้”

เฮ่อชิงเซียวครุ่นคิดอยู่นานก่อนเอ่ยว่า “ไว้ข้าไปสืบดูว่าทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่”

ซินโย่วทุ่มเทความสนใจกลับไปที่จังอวี้เฉินใหม่ “ในเมื่อคนบงการหลี่ไต้จ้าวก็คือจังอวี้เฉิน เช่นนั้นเบื้องหลังก็น่าจะเป็นจังโส่วฝู่”

ในสายตาผู้คนทั่วไป จังโส่วฝู่ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย เขาเป็นหัวหน้าวงศ์ตระกูลจัง

“เย็นวานนี้จังอวี้เฉินได้กองกระดาษนี้ไป แต่ทว่าเขาไม่ได้ออกจากบ้าน” เฮ่อชิงเซียวไม่ปิดบังความคิดสงสัยของตนกับซินโย่ว “ตามหลักเหตุผล จังอวี้เฉินควรไปพบจังโส่วฝู่ในทันที”

ซินโย่วกลับมองเรื่องนี้กระจ่าง “จิตใจคนเรายากจะเข้าใจที่สุด ไม่ว่าด้วยเหตุใดที่เขาไม่ไปหารือกับจังโส่วฝู่ในทันที ขอเพียงจับตาดูพวกเขาไว้ ดูก้าวต่อไปของพวกเขาไว้ก็พอ”

เริ่มจากขโมยกองกระดาษที่นางทิ้งไว้ จากนั้นจะทำอันใดต่อ

ซินโย่วเริ่มคาดเดา

คิดจะหยุดยั้งการเผยแพร่นโยบายปฏิรูปของท่านแม่ไปสู่สาธารณชนหรือ วิธีการจัดการตัดรากถอนโคน ก็คือจัดการนางก่อน

คนเหล่านี้กล้าลงมือกับท่านแม่ เป็นไปไม่ได้ที่พบนางแล้วจะกลายเป็นคนขี้ขลาด

ซินโย่วจำคำพูดฮองเฮาซินที่พูดกับนางได้เสมอ ผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดจะยิ่งทำให้คนเสียสติได้มากที่สุด

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นเจ้าต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มาก จากนี้ไป ดีที่สุดอย่าไปกินอันใดข้างนอก น้ำชาอาหารการกินด้านนอกก็ห้าม จะได้ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาลงมือกับของกินที่เจ้าจะกินเข้าไป”

ซินโย่วพยักหน้า

วางยาพิษอาจผ่านหลายมือ ป้องกันยากไม่ว่า ฝ่ายตรงข้ามอาจหนีลอยนวลได้อีก นางไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสลงมือวางยา เช่นนี้จึงจะทอดแหจับปลาได้สะดวก

“รอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน ข้าจะเชิญคุณหนูซินไปกินซาลาเปาไข่ปูที่หอเฟิงเว่ย” เฮ่อชิงเซียวกล่าวออกมาด้วยอาการลังเล

อาโย่วจะเข้าใจผิดไหมว่าเขาไม่อยากให้คุณชายเสิ่นเลี้ยงอาหารนาง

ซินโย่วไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่ลังเลก็เพราะนึกถึงสถานะการเงินของใต้เท้าเฮ่อ

“หลายวันก่อนเชิญสหายหลายคนไปกินหอเฟิงเว่ยทุกวัน รู้สึกเบื่ออยู่สักหน่อย ข้าชอบกินเป็ดหนังกรอบของน้ากุ้ยมากกว่า ข้ายังพบร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง บะหมี่หยางชุนร้านนี้รสชาติยอดเยี่ยมมาก…”

เฮ่อชิงเซียวแอบจดจำเป็ดหนังกรอบกับบะหมี่หยางชุนเอาไว้ในใจ

เลิกงานวันต่อมา ซินโย่วก็มาร้านหนังสือชิงซงอีก รอไม่นาน จังซวี่ก็ก้าวเข้ามารวดเร็ว

จังซวี่มาคนเดียว มองซินโย่วทีหนึ่งก็เลิกคิ้วถามว่า “จะได้พบคุณหนูโค่ว…อ้อ ตอนนี้น่าจะคุณหนูซินไม่ง่ายเลยจริงๆ”

แม้ว่ารู้สาวน้อยตรงหน้าเป็นองค์หญิง แต่เขากลับไม่ใส่ใจนัก

หากฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับนางจริง เหตุใดไม่พระราชทานแต่งตั้งตำแหน่งองค์หญิงให้นาง

ล้วนกล่าวว่าเขาไม่ศึกษาหาความรู้ แต่เขาก็รู้ว่าความรักลมปากล้วนจอมปลอม การได้ผลประโยชน์มาครอบครองจึงจะเป็นของจริง

“คุณชายจังต้องการพบข้าเพียงนี้ มีธุระหรือ” ซินโย่วถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ก่อนหน้านี้ได้ยินหลิวโจวบอกว่าจังซวี่ต้องการพบนาง สองวันนี้นางมาร้านหนังสือติดกัน เขามาดักรอนางดังคาด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท