ตอนที่ 1587 พ่ายแพ้
……….
เซียวหรงเหยี่ยนเดินขึ้นไปบนบันไดของแท่นสูงราวกับไม่ได้ยินเสียงของเชื้อพระวงศ์ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ของมู่หรงลี่
มู่หรงลี่เห็นท่านอาเก้าของตัวเองก็เกือบจะร้องไห้ออกมา ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตัวเองคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยนจึงได้แต่อดทน
เขาก้มหน้ามองมารดาที่สิ้นลมหายใจไปแล้วในอ้อมกอดของตัวเอง จากนั้นอุ้มร่างของมารดากลับไปยังตำหนักของนาง เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงสั่งให้กรมพิธีการเตรียมจัดงานศพ เมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยจึงย้อนกลับไปยังตำหนักใหญ่อีกครั้งเพื่อปรึกษาเรื่องที่ต้าโจวยกทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนโดยไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายแม้แต่น้อย
ตอนมู่หรงลี่กลับมาถึงเขาได้ยินขุนนางที่ติดตามเซียวหรงเหยี่ยนไปในครั้งนี้เล่าถึงอันตรายที่เกิดขึ้นพอดี
“โชคดีที่ผู้สำเร็จราชการให้รถม้าประจำตำแหน่งเดินทางตามแผนการเดิม ส่วนเขาเดินทางล่วงหน้าไปสำรวจเมืองถัดไปก่อน จิ่วเจียงอ๋องจึงทำไม่สำเร็จ มิเช่นนั้นผู้สำเร็จราชการคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว!” ขุนนางที่ติดตามไปในครั้งนี้ด้วยเล่าด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ธนูไฟของจิ่วเจียงอ๋องพุ่งตรงไปยังรถม้าของผู้สำเร็จราชการราวกับต้องการทำลายรถม้าคันนั้นให้สิ้นซาก
หากตอนนั้นผู้สำเร็จราชการอยู่ในรถม้า…คงไม่มีทางรอดแน่
“เชื้อพระวงศ์ร่วมมือกับอ๋องเมืองต่างๆ ก่อความวุ่นวาย พวกเขาไม่เพียงต้องการสังหารผู้สำเร็จราชการเท่านั้น เป้าหมายสำคัญของพวกเขาคือการสังหารจักรพรรดินีต้าโจว หลังจากที่ต้าโจวยึดเมืองซีผิงได้แล้ว พวกเขาก็บุกยึดเมืองจิ่วเจียงต่อ ตอนนี้ต้าโจวอาจเคลื่อนทัพใหญ่มาประชิดชายแดนต้าเยี่ยนแล้ว…” เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งผู้สำเร็จราชการซึ่งอยู่ถัดลงมาจากบัลลังก์มังกรหมุนแหวนปานจื่อในมือเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสียงขรึม “บางทีขณะที่เรากำลังสนทนากันอยู่ กองทัพของต้าโจวอาจมาถึงชายแดนของต้าเยี่ยนแล้วก็ได้”
เหล่าขุนนางนึกถึงรายงานสถานการณ์รบก่อนหน้านี้ที่เขียนว่าผู้สำเร็จราชการจับตัวครอบครัวของซีผิงอ๋องและสังหารบุตรชายสองคนของซีผิงอ๋องและชายาของซีผิงซื่อจื่อเพื่อช่วยชีวิตจักรพรรดินีต้าโจว พวกเขาอยากเอ่ยถาม ทว่า ไม่กล้าถามออกไป ทำได้เพียงปรึกษาเรื่องที่ต้าโจวอาจบุกโจมตีถึงชายแดนของต้าเยี่ยนแล้ว
“โรคระบาดในต้าเยี่ยนยังไม่หายขาด ตอนนี้ยังมีสงครามเกิดขึ้นอีก เป็นความผิดของเราเอง” มู่หรงลี่เดินเข้ามาทางด้านหลังของตำหนัก เขาเดินขึ้นไปบนแท่นสูง “ตอนนั้นต้าเยี่ยนจำเป็นต้องส่งทูตไปเจรจาขอเดิมพันแคว้นกับต้าโจว ครั้งนี้เชื้อพระวงศ์และอ๋องตามเมืองต่างๆ ของต้าเยี่ยนก่อความวุ่นวาย คิดกักบริเวณเรา ทั้งยังคิดสังหารจักรพรรดินีของต้าโจวในแผ่นดินของเรา! เราผิดที่ไม่สามารถควบคุมเชื้อพระวงศ์และอ๋องตามเมืองต่างๆ ให้อยู่ในความสงบได้ เราผิดที่เราเป็นถึงจักรพรรดิของแคว้น ทว่า ไม่อาจมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในต้าเยี่ยนได้”
“ฝ่าบาท…” ขุนนางของต้าเยี่ยนได้ยินจักรพรรดิของตัวเองกล่าวเช่นนี้จึงรีบกล่าวขึ้น “หากฝ่าบาทไม่ทรงเสนอเรื่องเดิมพันแคว้น ต้าเยี่ยนคงดับสูญไปนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่ไม่ใช่ความผิดของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ แม้ฝ่าบาทจะทรงพระเยาว์ ทว่า ทรงเป็นคนพระทัยกว้างและมองการณ์ไกลมาก เป็นความผิดของพวกกระหม่อมเองที่ไม่สามารถสนับสนุนฝ่าบาทได้อย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางพากันคุกเข่าสำนึกผิด
มู่หรงลี่มองไปทางอาเก้าของตัวเองแวบหนึ่งราวกับตัดสินใจเรื่องใหญ่ได้แล้ว เขากำหมัดแน่น กัดปากตัวเองจนได้กลิ่นเลือด จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำนึกผิด เมื่อเกิดสงครามขึ้นชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อน ทหารต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง! ดังนั้นเราตัดสินใจส่งทูตไปเจรจาสงบศึกกับต้าโจวและยอมยกดินแดนบางส่วนให้ หาก…ต้าโจวไม่ยินยอม เช่นนั้นต้าเยี่ยนจะยอมถอยให้อีกก้าว พวกเราจะมอบบรรณาการและยอมตกเป็นเมืองขึ้นของต้าโจว”
“ฝ่าบาท! ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“หากมอบบรรณการและยอมตกเป็นเมืองขึ้น แคว้นที่เคยยิ่งใหญ่อย่างต้าเยี่ยนจะไม่แตกต่างอันใดกับแคว้นเล็กอย่างตงอี๋เลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรงลี่กล่าวขึ้นอีกครั้งอย่างไม่สนใจเสียงวิงวอนของเหล่าขุนนาง “เราจะออกราชโองการขอขมาทุกคนในแคว้นเอง เราจะขอให้สวรรค์ช่วยให้โรคระบาดในต้าเยี่ยนหายขาดในเร็ววัน ชาวบ้านไม่ต้องทนทุกข์เพราะโรคระบาดอีก”
มู่หรงลี่รู้ดีว่าเขาอาจไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่เหมาะสม ทว่า เขาพยายามเป็นจักรพรรดิที่ดี เป็นจักรพรรดิที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนและทุกข์ทรมานน้อยที่สุด
ในเมื่อความผิดเกิดขึ้นแล้ว เขาจะปล่อยให้มันผิดต่อไปไม่ได้ ในเมื่อเขาคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยนก็ต้องรับผิดชอบความผิดครั้งนี้ จะปล่อยให้ท่านอาเก้าเป็นคนแบกรับทุกครั้งไม่ได้
เซียวหรงเหยี่ยนรีบเดินทางกลับมาเมืองหลวง เขายังไม่ทันปรึกษากับมู่หรงลี่เรื่องนี้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามู่หรงลี่จะตัดสินใจได้แล้ว
เดิมทีเซียวหรงเหยี่ยนก็ตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมให้มู่หรงลี่ยอมจำนนเช่นกัน
หลังเกิดเรื่องที่อ๋องต่างเมืองดักซุ่มโจมตีไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าอ๋องเหล่านั้นเป็นภัยของต้าเยี่ยนที่ยากจะกำจัดทิ้งแล้ว หากอ๋องเหล่านั้นร่วมมือกับเชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยน พวกเขาสามารถดึงมู่หรงลี่ลงมาจากบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ
ต่อให้ต้าเยี่ยนที่เป็นเช่นนี้ชนะการเดิมพัน รวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ หากไม่กำจัดอำนาจของอ๋องเหล่านี้ทิ้ง วันหน้าพวกเขาจะเป็นภัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้
เซียวหรงเหยี่ยนอดนับถือการมองการณ์ไกลของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ นางกำจัดอำนาจของเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองหลานชายของตัวเอง เขารู้ว่าตอนนี้มู่หรงลี่กำลังสงสัยในความสามารถของตัวเอง เขาไม่ได้มั่นใจในตัวเองเหมือนตอนที่เขาเคยถามว่าเขาสามารถเป็นจักรพรรดิของต้าเยี่ยนได้หรือไม่อีกต่อไป
ทว่า มู่หรงลี่ทำได้ดีมากแล้ว ต้าเยี่ยนมีปัญหามากมายที่แฝงอยู่ในแคว้นเอง
หากต้าเยี่ยนเผชิญหน้ากับต้าจิ้น ไม่ใช่ต้าโจวในตอนนี้ เซียวหรงเหยี่ยนกล้าบอกได้เลยว่าต้าเยี่ยนของเขาจะได้เป็นคนรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งแน่นอน
ทว่า ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามคือต้าโจว
ต้าโจวมีจักรพรรดินีที่มองการณ์ไกลอย่างไป๋ชิงเหยียน มีจักรพรรดินีที่สามารถรวบรวมใจของทุกคนในแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียวได้ หากต้าเยี่ยนของพวกเขาไม่ได้มีภัยร้ายอย่างเหล่าเชื้อพระวงศ์และอ๋องตามเมืองต่างๆ หากทุกคนในแคว้นรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน บางที…อาจพอสู้กับต้าโจวได้บ้าง
ทว่า เชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนกลับเอาแต่นึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองอย่างคนเห็นแก่ตัว
เขาเดาได้อยู่แล้วว่าต้าเยี่ยนต้องพ่ายแพ้
เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่ามู่หรงลี่ที่อายุเพียงเท่านี้สามารถแบกรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ยอมจำนนต่อแคว้นศัตรูเพื่อชาวบ้านและทหารก็ถือว่าเขามีความรับผิดชอบและกล้าหาญมากแล้ว
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด” มู่หรงลี่กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ต้าโจวอาจบุกมาถึงเมืองหลวงได้ตลอดเวลา เราจะรอช้าไม่ได้ เราต้องรีบส่งทูตไปพบจักรพรรดินีต้าโจว ท่านอาเก้า…”
มู่หรงลี่มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “คราวนี้คงไม่รบกวนท่านอาเก้าแล้ว มิเช่นนั้นอาจมีคนนำเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นใส่ร้ายท่านอาเก้าได้อีก ท่านอาเก้าคิดว่าผู้ใดเหมาะสมสำหรับหน้าที่นี้ขอรับ…”
“สามารส่งหงหลู่ซื่อชิงไปได้ เสนาบดีกรมการคลังคุ้นเคยกับขุนนางของต้าโจว ให้เขาเดินทางไปกับหงหลู่ซื่อชิงได้…” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางเสนาบดีกรมการคลัง
เสนาบดีกรมการคลังเคยเผชิญหน้ากับขุนนางของต้าโจว เขารู้จักนิสัยของขุนนางแต่ละคนดีพอตัว ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลิ่วหรูซื่อที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีปากผู้นั้น แค่หลู่เฟิ่งหลางก็รับมือยากแล้ว!
โดยเฉพาะฟ่านอวี้กานผู้นั้น เป็นคนหน้าไม่อายกล่าววาจาไร้เหตุผล ทว่า พวกเขากลับโมโหไม่ลง อย่างน้อยเขาก็เคยปะทะฝีมือกับคนเหล่านี้มาก่อนแล้ว ยังพอเตรียมตัวเตรียมใจได้บ้าง หากให้ผู้อื่นไปเสนาบดีกรมการคลังไม่วางใจจริงๆ เขากลัวสหายของเขาจะถูกต้าโจวรังแกเอาได้
เสนาบดีกรมการคลังก้าวไปด้านหน้า จากนั้นก้มศีรษะคำนับ “ฝ่าบาทและผู้สำเร็จราชการไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”