ตอนที่ 653 เสิ่นอวี้หลงฟื้นแล้ว
พอไม่เห็นหู่จืออยู่หน้าบ้าน หลินเซี่ยก็ตกใจจนหน้าซีด “เฉินเจียเหอ หู่จือไปไหน? ลูกคงไม่ได้ถูกจางเหมยลักพาตัวไปหรอกนะ?”
เฉินเจียเหอพูด “เซี่ยเซี่ย ใจเย็นก่อน”
เฉินเจียเหอดึงเธอกลับเข้าไปในบ้านแล้วร้องเรียก “คุณน้า น้าสะใภ้ครับ หู่จือกับรุ่ยฉีไม่อยู่ข้างนอก แถวนี้มีร้านขายประทัดหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีนะ แถวนี้ไม่มีร้านขายประทัด”
ครั้นได้ยินว่าเด็กน้อยสองคนหายไป ทุกคนล้วนใจคอไม่ดีกันหมด
เพราะก่อนหน้านี้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ผู้ใหญ่ในบ้านจึงอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก
เฉินเจียเหอกำลังว่าจะออกไปเรียกหาพวกเด็ก ๆ ก่อนเผื่อว่าไปแอบอยู่แถวนี้
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันออกไปเรียกคนก็มีเสียงร้องอย่างตื่นเต้นดังออกมาจากห้องของเสิ่นอวี้หลง
“เย้ น้าเล็กของผมรู้สึกตัวแล้ว!”
เป็นเสียงของหู่จือ
“หู่จือ อย่าเดินเพ่นพ่าน พี่จะออกไปเรียกคน”
เซี่ยรุ่ยฉีวิ่งออกมานอกห้อง
“คุณปู่ คุณอา ญาติผู้พี่ของผมฟื้นแล้วครับ”
“รุ่ยฉี เธอว่ายังไงนะ?” ผู้เฒ่าเซี่ยถามหลานชายคนโตด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ
เซี่ยรุ่ยฉีตอบด้วยสีหน้าหนักแน่น “จริง ๆ นะครับ มือของญาติผู้พี่ของผมขยับ แถมยังลืมตาแล้วด้วย”
ได้ยินคำพูดของเซี่ยรุ่ยฉี เซี่ยหลานกับเซี่ยตงก็พุ่งตัวเข้าไปในห้อง
เพิ่งเข้าไปก็เห็นว่าหู่จือกำลังจับมือของเสิ่นอวี้หลง พูดคุยกับเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
คนบนเตียงได้สติแล้วจริง ๆ แต่ยังอ่อนแออยู่มาก แววตาเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวา ท่าทางเซื่องซึม
“หู่จือ เด็กดี ถอยออกไปก่อนนะ”
เซี่ยตงอุ้มหู่จือออกมาข้าง ๆ จากนั้นก็ตรงไปที่เตียงกับเซี่ยหลานเพื่อสังเกตอาการของเสิ่นอวี้หลงอย่างละเอียด
“อวี้หลง ลูกฟื้นแล้ว?” เซี่ยหลานตื่นเต้นจนเสียงสั่น “อวี้หลง นี่แม่เอง ได้ยินเสียงแม่ไหม?”
เสิ่นอวี้หลงหลับไหลไม่ได้สติมานานเกินไป พออ้าปากจะส่งเสียงกลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา
“ลูกแม่ ถ้าจำแม่ได้ ลูกก็กะพริบตาหนึ่งทีนะเข้าใจไหม?”
เสิ่นอวี้หลงนิ่งไป มองเซี่ยหลานแล้วกะพริบตาอย่างยากลำบาก
เซี่ยหลานดีใจจนน้ำตาไหลพราก “เสี่ยวตง หลานนายฟื้นแล้ว เขาได้สติกลับมาแล้วจริง ๆ”
เซี่ยตงพูด “พี่ ใจเย็น ๆ ก่อน ดูอาการของอวี้หลงก่อน”
“รีบโทรไปบอกผู้อาวุโสเย่กับหมอเย่เร็วเข้า”
ตอนเซี่ยตงออกจากห้องมาบอก เฉินเจียเหอกำลังใช้โทรศัพท์ของเซี่ยไห่ต่อสายหาเย่ไป๋อยู่
“อะไรนะ? อวี้หลงฟื้นแล้ว?”
“ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
เฉินเจียเหอวางสายแล้วบอกทุกคนว่า “ผู้อาวุโสเย่กับเย่ไป๋กำลังมาครับ”
คราวนี้แม้ทุกคนจะตื่นเต้นดีใจมาก แต่ก่อนที่พวกผู้อาวุโสเย่จะมาถึงก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เสิ่นอวี้หลงอีก กลัวว่าหลายคนหลายมืออาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้
ดูแลคนป่วยมานาน ทุกคนก็พอจะมีความรู้ด้านการพยาบาลอยู่บ้าง คนจำนวนมากมารวมตัวกัน อากาศไม่ถ่ายเท ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของผู้ป่วย
เวลานั้นทุกคนจึงอยู่ในลานบ้าน รอคอยด้วยความตื่นเต้นและร้อนใจ
หลินเซี่ยถามหู่จืออย่างละเอียด จึงค่อยรู้ว่าหู่จือจำได้ขึ้นใจว่าต้องคุยกับน้าชายมาก ๆ ใช้การพูดคุยปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา ดังนั้นหลังจุดประทัดเสร็จแล้ว เขาก็ให้เซี่ยรุ่ยฉีพาเขาเข้าไปในห้องของเสิ่นอวี้หลงเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่าย
พูดไปพูดมา เสิ่นอวี้หลงก็ลืมตาขึ้นมาจริง ๆ
“แม่ครับ ผมเก่งไหม?” หู่จือเงยใบหน้าน้อย ๆ ขึ้นมาขอคำชม
“เก่งมาก หู่จือของแม่เก่งที่สุดแล้ว”
“ผมเขย่าตัวน้าเล็กเต็มแรง เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว” หู่จือพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ “ตอนที่พ่อหลับไม่ยอมตื่น ผมก็เขย่าปลุกแบบนี้ ผมมีประสบการณ์แล้ว”
ทุกคนได้ยินคำพูดของเขาก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก
อวี้หลงอย่าได้เป็นอะไรไปเพราะถูกหู่จือเขย่าปลุกเชียวนะ
โดยเฉพาะหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอที่ได้แต่มองลูกชายจอมซนคนนี้อย่างจนปัญญา
ต่อไปคงไม่กล้าพูดอะไรเวลาอยู่ต่อหน้าเด็กคนนี้อีกแล้ว
ทักษะในการนำไปต่อยอดของเด็กน้อยจะสูงส่งเกินไปแล้ว
ทุกคนชะเง้อคอรออย่างร้อนใจ มีเพียงเซี่ยหลานที่ยังอยู่ในห้องพูดคุยถามไถ่อาการเสิ่นอวี้หลง
“แม่” เสิ่นอวี้หลงหันมาหาเซี่ยหลานพลางเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย
ลูกชายเรียกตัวเองแบบนี้ ทำให้เซี่ยหลานอดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
อารมณ์ของหล่อนเกือบหลุดจากการควบคุม “อวี้หลง ลูกแม่ ลูกฟื้นแล้วจริง ๆ ลูกรู้ไหมว่าแม่รอให้ลูกเรียกคำนี้มานานแค่ไหน”
เซี่ยหลานร้องไห้ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างเต็มที่
ในเวลาแบบนี้หล่อนต้องควบคุมอารมณ์เอาไว้ ต้องเยือกเย็น ต้องเข้มแข็ง
“อวี้หลง ลูกอย่าเพิ่งพูดอะไร พักผ่อนก่อน ฟังแม่พูดกับลูกนะ” เซี่ยหลานกลัวว่าเสิ่นอวี้หลงจะหมดสติไปอีก จึงใช้สำลีซับมุมปากให้เสิ่นอวี้หลงเบา ๆ จากนั้นก็นั่งพูดอะไรอยู่ข้างเตียงเขา คอยถามข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าสติปัญญาและความทรงจำของเขาไม่มีปัญหา
เสิ่นอวี้หลงอ่อนแอมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวยุงบิน เซี่ยหลานจึงให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างกะพริบตาหรือส่ายศีรษะเป็นการตอบคำถามแทน
นานมากกว่าเสิ่นอวี้หลงจะสังเกตว่าข้างกายเหลือเพียงเซี่ยหลานคนเดียว เขาก็พยายามส่งเสียง “แม่ พ่อกับพี่ล่ะครับ?”
เซี่ยหลานมองข้ามคนแรกที่เสิ่นอวี้หลงถามถึง ก่อนเอ่ยปากว่า “แม่จะไปเรียกพี่เข้ามา”
จากนั้นก็ออกไปเรียกหลินเซี่ยที่หน้าประตู
“เซี่ยเซี่ย มานี่หน่อย อวี้หลงถามหา”
หลินเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินเข้ามา
เซี่ยหลานกลัวว่าหลินเซี่ยจะล้มจึงประคองเธอเดินเข้าไปในห้อง
หลินเซี่ยยืนอยู่ข้างเตียง สายตาของเสิ่นอวี้หลงค่อย ๆ เคลื่อนมาหยุดที่หน้าท้องของเธอ
เขาฝันว่ามีเด็กเรียกเขาว่าน้าชาย
หมายความว่าพี่สาวของเขามีลูกแล้วจริง ๆ?
และเด็กในท้องของพี่สาวก็คือคนที่เรียกเขา?
เวลานี้หลินเซี่ยตื่นเต้นดีใจมาก เธออยากไปกุมมือเสิ่นอวี้หลง แต่ก็กลัวว่าจะมีเชื้อโรค เสิ่นอวี้หลงเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก เธอจึงกลัวว่าตนจะเอาเชื้อโรคไปแพร่ให้เขา
หลินเซี่ยข่มอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้ ไม่กล้าแตะต้องเขา
“อวี้หลง พี่อยู่นี่แล้ว เห็นนายตื่นมาแบบนี้ ทุกคนต่างดีใจมาก”
“พี่” อวี้หลงมองผู้หญิงตรงหน้า ทั้งที่เป็นคนเดียวกับในความทรงจำของเขาแท้ ๆ แต่ก็ดูราวกับเป็นคนละคน
ตอนนี้ท้องของเธอยังนูนขึ้น ดูเหมือนกำลังตั้งครรภ์ เสิ่นอวี้หลงยิ่งรู้สึกแปลกหน้า
ไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานเท่าใด ทำไมท้องพี่สาวเขาถึงโตขนาดนี้?
เสิ่นอวี้หลงเผยอปาก มีหลายอย่างที่อยากถาม
แต่เซี่ยหลานขวางเขาเอาไว้
“พักผ่อนดี ๆ อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”
หล่อนใช้สำลีชุบน้ำซับปากให้เขาอีกครั้ง
เย่ไป๋ขับรถด้วยความเร็วสูงสุดพาผู้อาวุโสเย่มาถึงบ้านตระกูลเซี่ย
เขาดีใจมากที่วันนี้ตัวเองยังไม่ได้ดื่มเหล้า
เพราะพวกแม่เฒ่าเซี่ยไปบ้านตระกูลเย่ค่อนข้างช้า
พวกเขาตั้งใจว่ากินข้าวเสร็จค่อยดื่มเหล้าด้วยกัน
ตอนนั้นทุกคนเพิ่งจะนั่งลง เย่เจิ้งหัวนำเหล้าออกมาต้อนรับทุกคน ตระกูลเฉินก็โทรเข้ามาพอดี
รอจนคนเข้ามาแล้ว ผู้เฒ่าเซี่ยก็ไปรับพวกเขาเข้าบ้าน
เซี่ยหลานเอ่ยอย่างร้อนใจ “ผู้อาวุโสเย่ หมอเย่ พวกคุณมากันแล้ว? อวี้หลงฟื้นแล้ว พวกคุณรีบเข้าไปดูอาการให้เขาเถอะค่ะ”
เซี่ยหลานกับหลินเซี่ยรีบถอยออกไปข้าง ๆ
จากนั้น ผู้อาวุโสเย่ก็จับชีพจรให้เสิ่นอวี้หลง แล้วตรวจสอบดวงตากับฝ้าบนลิ้นของเขา
ผู้อาวุโสเย่ตรวจอาการทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน
เขาถาม “อวี้หลง ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า?”
“เหนื่อยครับ”
“พ่อหนุ่ม เธอหลับไปหนึ่งปีกว่าแล้ว ต้องเหนื่อยอยู่แล้วสิ”
“ผมหลับไปหนึ่งปีกว่า?” เสิ่นอวี้หลงมองผู้ชราเคราขาวตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งงัน เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังคุยกับเทพเซียนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ในใจคิดว่า เทพเซียนช่วยชีวิตเขาไว้ใช่ไหม?
“คุณปู่เคราขาว คุณเป็นใครเหรอครับ?” เสิ่นอวี้หลงถาม
ผู้อาวุโสเย่ตอบยิ้ม ๆ “พ่อหนุ่ม ฉันเป็นหมอ”
เสิ่นอวี้หลงเอ่ยเสียงอ่อนแรง “หมอช่วยผมไว้?”
ความทรงจำทั้งหมดของเสิ่นอวี้หลงหยุดนิ่งไปตั้งแต่ชั่วพริบตาที่รถคันใหญ่พุ่งเข้ามาหา
หลังจากนั้น เขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ผู้อาวุโสเย่สังเกตอาการของเสิ่นอวี้หลง ลูบศีรษะของเขา แววตาเมตตาปรานี “พ่อหนุ่ม เธอดวงแข็งจริง ๆ”
เขามองเซี่ยหลานที่มีสีหน้าอิดโรยแล้วถอนหายใจ “และก็เป็นวาสนาของแม่เธอด้วยเหมือนกัน”
หลังจากพูดอะไรกับเสิ่นอวี้หลงเล็กน้อย เขาก็ค่อยวางใจได้เสียที
รู้สึกจากใจจริงว่าต่อไปเซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลงจะต้องโชคดีแน่นอน
ก่อนนี้เขาทำใจบอกเซี่ยหลานไม่ลงว่าจากสถานการณ์ของเสิ่นอวี้หลง เกรงว่าหลังฟื้นมาแล้วอาจสูญเสียความทรงจำเหมือนกับเซี่ยเหลยตอนก่อนหน้านี้
หรือไม่อย่างนั้นสมองก็อาจกระทบกระเทือนจนสติปัญญาด้อยลง
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คือเวรกรรมแท้ ๆ
สถานการณ์ของเซี่ยหลานในตอนนั้น ไม่อาจมีเรื่องกระทบจิตใจหล่อนได้อีกแล้วจริง ๆ
โชคดีที่เสิ่นอวี้หลงฟื้นแล้ว อาการเลวร้ายที่สุดที่คาดการณ์ไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ผู้อาวุโสเย่คิดว่า เสิ่นอวี้หลงฟื้นขึ้นมาเวลานี้เพราะได้ยินเสียงทุกคนเรียกหา เขาฟื้นขึ้นมาเพื่อกอบกู้เซี่ยหลานโดยแท้