คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 795 ใครแตะต้องเกล็ดมังกรของนางคนนั้นตาย!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 795 ใครแตะต้องเกล็ดมังกรของนางคนนั้นตาย!

……….

ชื่อเจินจื่อไม่กลัวแผ่นค่ายอาคมที่ชื่อหยวนอัญเชิญมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับละสายตาไปจากเขา

“ศิษย์พี่ ท่านชนะการต่อสู้เมื่อสามสิบปีที่แล้วเพราะโชคช่วย แต่ข้าก็ไม่ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ตบะของท่านได้ถดถอยไปนานแล้ว ซ้ำยังแก่ชราลง ท่านคิดว่าตอนนี้ท่านยังเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอยู่หรือ ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน หากท่านให้ความร่วมมือกับข้าแต่โดยดี ข้าก็จะไม่ให้ท่านต้องทุกข์ทรมานมากเกินไป…อ้า!”

ชื่อเจินจื่อถูกกระแทกเข้าอย่างแรงด้วยค้อนยักษ์ที่เขาอัญเชิญออกมา ดวงตามีดวงดาวเต็มไปหมด โกรธจนใบหน้าอันงดงามบูดเบี้ยวในทันที

ตาเฒ่าชื่อหยวนผู้นี้ นับว่าเป็นตาเฒ่าจอมวายร้าย!

“จะสู้ก็สู้ คนร้ายมักจะตายเพราะพูดมากรู้หรือไม่”

ชื่อหยวนพุ่งเข้าไปพร้อมกับค้อนยักษ์ ไม่ต้องเอ่ยถึงคำพูดที่คนทรยศมักจะเอ่ย เมื่อเอ่ยเช่นนี้ในเวลานี้นั้นได้หน้าและสะใจมากแค่ไหน

ใบหน้าของชื่อเจินจื่อเต็มไปด้วยความโกรธ นี่มันเป็นการดูหมิ่นกันชัดๆ

เขาหยิบกระจกสีแดงเลือดออกมาจากอ้อมแขน ท่องคาถาแล้วขว้างไปที่เขา

ทันทีที่กระจกพุ่งออกไป นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็เข้าสู่ทะเลเลือดในทันที น้ำเลือดอันเข้มข้นซัดเข้าหาเขาราวกับคลื่น เป็นความขุ่นเคืองของสตรีมืดมนไร้ที่เปรียบ ทะลุสัมผัสทั้งหก

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรังเกียจเป็นอย่างมาก ไม่ทันรอให้เขามีการเคลื่อนไหวใดๆ มือก็ถูกดึงอย่างรุนแรง ลากออกมาจากทะเลเลือดกลับสู่ความเป็นจริง

เมื่อเขามองดู เป็นซาหยวนจื่อ

กระจกสีเลือดนี้แต่เดิมมีสองบาน เป็นกระจกแม่ลูก ชื่อเจินจื่อเป็นคนหล่อหลอมขึ้นมา กระจกลูกได้ถูกซาหยวนจื่อใช้ต่อสู้กับฉินหลิวซีในตอนนั้นจนพังไปแล้ว และกระจกบานนี้เป็นกระจกแม่

เมื่อเข้าสู่ภาพสะท้อนในกระจก เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดความขุ่นแค้นและความชั่วร้ายปนเปกันจนเกิดจิตมารขึ้นมา

และซาหยวนจื่อก็ได้ดึงเขาออกมา

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ ซ้ำยังเข้ามาในค่ายอาคม

เมื่อชื่อเจินจื่อเห็นซาหยวนจื่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ายังไม่ตาย?” เขานึกอะไรบางอย่างได้ รู้สึกยินดีขึ้นมา เหลือบมองนักพรตเฒ่าชื่อหยวนพลางเอ่ย “ศิษย์พี่ยังคงจิตใจดีมีเมตตาเช่นเคยจริงๆ แม้แต่ศัตรูของตัวเองก็ยังอภัยได้”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเกียจคร้านเกินกว่าจะเอ่ยไร้สาระกับเขา มือทั้งสองข้างร่ายอาคม ท่องบทสวด “ท้องฟ้าสดใส ผืนดินมีชีวิตชีวา ขออัญเชิญไท่อี่เจินเหรินผู้เป็นเทพเจ้า เก็บอาวุธ เก็บแม่ทัพชั่วร้าย สวรรค์ประทานกระบี่ไฟสังหารปีศาจ เพี้ยง”

สองนิ้วของเขากลายเป็นกระบี่ เมื่อวิชาสำเร็จ กลายร่างเป็นกระบี่ไฟโจมตีไปที่ร่างของชื่อเจินจื่อ

ชื่อเจินจื่อใช้กระจกเลือดกำบังไว้ หัวเราะเสียงดัง “ศิษย์พี่ ข้าเป็นคน ไม่ใช่ปีศาจ ซาหยวนจื่อเจ้าคนไร้ประโยชน์ ยังไม่รีบช่วยอาจารย์จับโจรเฒ่าผู้นี้อีก”

ซาหยวนจื่อขมวดคิ้ว มองชื่อเจินจื่อโดยไม่เอ่ยอะไร สีหน้าดูเฉยชา

ชื่อเจินจื่อเห็นสิ่งผิดปกติ แสยะยิ้มพลางเอ่ย “ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจผิดไป ผู้ชอบธรรมอย่างพวกเจ้าก็สามารถใช้วิธีร้ายกาจค้นวิญญาณของคนปกติได้ ในเมื่อไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้าแล้ว เช่นนั้นก็ตายด้วยกันเสียเลยเถิด”

เขาหยิบตราพุทธะออกมาจากแขนเสื้อ ร่ายคาถาแล้วเสกไปที่พวกเขา เดิมทีตราพุทธะนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือเด็ก เมื่อถูกเสกกลับมีขนาดใหญ่เท่าศีรษะของคน หากถูกทุบเข้าไป ต้องตายเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ตราพุทธะถูกขับเคลื่อน ราวกับมีเสียงบทสวดภาษาสันสกฤตดังขึ้นทุกหนแห่ง ทำให้จิตใจสับสน ปวดหัวแทบจะระเบิด

เมื่อเห็นตราพุทธะพุ่งเข้ามา ซาหยวนจื่อก็เข้ามาขวางอยู่ตรงหน้านักพรตเฒ่าชื่อหยวนโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกเขาใช้ฝ่ามือผลักออกไปนอกค่ายอาคม ในเวลาเดียวกันก็กระโดดขึ้นไปก่อนจะสะบัดข้อมือ กำไลหินเก้าตาที่ฉินหลิวซีมอบให้เส้นนั้นราวกับมีพลังมหาศาลทำเอาตราพุทธะกระเด็นออกไป แต่มุมหนึ่งของมันยังคงกระทบที่ช่องท้องของเขา

พรวด

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวราวกับหิมะ

ชื่อเจินจื่อกลับจ้องมองกำไลหินเก้าตาในมือของเขา มือหนึ่งถือตราพุทธะ สายตามีความโลภ “นั่นคือเครื่องรางอะไรกัน”

“เครื่องรางที่สามารถเอาชีวิตของเจ้าได้” เสียงที่ดังชัดเจนแฝงไว้ด้วยความโกรธท่วมท้นดังมาจากด้านหลังของชื่อเจินจื่อ

ชื่อเจินจื่อแข็งทื่อไปทั้งตัว ราวกับเสียงของมารในฝันร้าย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าเป็นใคร

เขาพุ่งเข้าไปหานักพรตเฒ่าชื่อหยวนโดยไม่คิด หากไม่จับตัวเขาไว้ วันนี้เกรงว่าต่อให้เขามีปีกก็ยากที่จะหนีไปได้

เขารวดเร็ว แต่ฉินหลิวซีเร็วกว่า ซ้ำยังไม่ต้องใช้เครื่องรางใดๆ ดีดกลุ่มไฟใส่หลังเขาโดยตรง ไฟกลุ่มหนึ่งดีดไปยังมือของเขาที่เอื้อมไปอยู่ตรงหน้าชื่อหยวน พลางเอ่ยกับชื่อหยวนว่า “อย่าด่า เป็นเขาที่บังคับให้ข้าใช้ไฟ”

ไฟเกิดขึ้นตามความต้องการ

ไฟตกลงบนร่างกายของเขา เผาไหม้ขึ้นมาในทันที ชื่อเจินจื่อยังไม่ทันได้ท่องคาถาป้องกันตัว ก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวช

ห้ามเล่นไฟตามอำเภอใจ? ฉินหลิวซีล้มเลิกความคิดนี้โดยสิ้นเชิง แม้ว่าร่างกายที่อีกฝ่ายใช้อยู่นั้นจะเป็นร่างของคนอื่น ซ้ำบางทีข้างในอาจมีดวงวิญญาณของหลานโย่ว นางก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนคือเกล็ดมังกรของนาง ใครแตะต้องคนนั้นตาย กฎแห่งสวรรค์จะลงโทษนาง ก็เข้ามาได้เลย

ฉินหลิวซีได้ผลักชื่อหยวนออกมาจากค่ายอาคม ถือโอกาสคว้ากำไลหินเก้าตาจากมือของเขา จากนั้นก็โยนขวดยาไปให้ “กลืนลงไป”

ตั้งแต่ปล่อยไฟจนกระทั่งผลักคนออกมาแล้วให้ขวดยา การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในคราวเดียว ใช้เวลาเพียงแค่สองลมหายใจเท่านั้น ในค่ายอาคมหยินหยางแปดเหลี่ยมในเวลานี้ มีเพียงฉินหลิวซีกับชื่อเจินจื่อเพียงสองคนแล้ว

ชื่อเจินจื่อถูกไฟนรกแผดเผา กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่จิตสำนึกทางวิญญาณถูกปลดปล่อย หลายโย่วที่ถูกเขาปราบปรามและคุมขังก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน กรีดร้องออกมา

ฉินหลิวซีท่องคาถาดึงวิญญาณ ไม่ได้ใช้โซ่ตรวนดึงวิญญาณของยมโลก แต่ใช้กำไลหินเก้าตาของเทพเฟิงตูเป็นโซ่ดึงวิญญาณ สะบัดไปที่ชื่อเจินจื่อ ตะโกนเรียกแปดอักษรเวลาตกฟากของหลานโย่ว

เทพเฟิงตู ‘กระจกดูดวิญญาณเป็นกระจกส่องปีศาจ กำไลหินเก้าตาเป่ยหมิงเป็นโซ่ดึงวิญญาณ เหอะๆ!’

มีประโยชน์หรือไม่

แน่นอนว่ามี

นั่นเป็นถึงกำไลหินเก้าตาที่เทพเฟิงตูสวมใส่ทุกวันเชียวนะ ได้รับการปลุกเสกจากการอธิษฐานทางจิตวิญญาณของเขาที่เป็นถึงผู้นำของยมโลก มีหรือจะดึงดวงวิญญาณออกมาไม่ได้

ดังนั้นดวงวิญญาณของหลานโย่วจึงถูกกำไลหินเก้าตาดึงออกมาอย่างง่ายดาย ถูกฉินหลิวซีใส่ลงในขวดเก็บวิญญาณ

ดวงวิญญาณของหลานโย่วถูกดึงออกมาแล้ว ต่อให้ชื่อเจินจื่อจะไม่เต็มใจแค่ไหนก็ไม่กล้ายึดครองร่างนั้นอีกต่อไป ถอดดวงจิตออกแล้วหนีไป

ฉินหลิวซีได้เตรียมตัวรับมือลูกไม้เก่าๆ ของเขาไว้นานแล้ว หลังจากที่ผลักนักพรตเฒ่าชื่อหยวนออกไป ค่ายอาคมแปดเหลี่ยมนี้ก็ถูกจิตสำนึกของนางเสกให้กลายเป็นม่านอาคม ทำให้เขาหนีออกไปไม่ได้

ชื่อเจินจื่อ ‘แย่แล้ว!’

ฉินหลิวซีเหลือบมองร่างที่ไร้พลังชีวิตของหลานโย่ว ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป จ้องมองชื่อเจินจื่อ ฉีกยิ้ม “มาเล่นไฟด้วยกันเถอะ!”

ดวงวิญญาณของชื่อเจินจื่ออ่อนแอจนแทบจะไม่ไหวแล้ว รีบอัญเชิญตราพุทธะในมือโยนไปที่นาง “เทพเจ้าโปรดปกป้องข้า!”

ฉินหลิวซีโจมตีด้วยกำไลหินเก้าตา ตราพุทธะหมุนอย่างรวดเร็ว ชนเข้าอย่างแรงต้องการจะทำลายม่านอาคมนี้

ม่านอาคมแตกเล็กน้อย ชื่อเจินจื่อหนีไปทางรอยแยก

“จะหนีไปไหน กลับมา” ฉินหลิวซีใช้กำไลหินเก้าตาเป็นโซ่ดึงวิญญาณ คราวนี้เอ่ยแปดอักษรเวลาตกฟากและชื่อเดิมของชื่อเจินจื่อ กำไลหินเก้าตาผูกมัดดวงวิญญาณอย่างรวดเร็ว นางเผาเขาโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!

“อ้าก!”

ไฟนรกราวกับดอกบัว ทั้งรุนแรงและงดงาม แผดเผาดวงวิญญาณของชื่อเจินจื่อที่ถูกผูกมัดไปด้วยกัน เขากรีดร้องอย่างอนาถ ถูกไฟแผดเผาทำลายอย่างรวดเร็ว

เทพเฟิงตูแห่งยมโลกกระอักเลือดออกมา นั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองข้างร่ายคาถาเพื่อต้านทานการแผดเผาจากดวงวิญญาณตัวเอง เจ้าเด็กสารเลวผู้นั้น ไม่ได้สนใจความเป็นความตายคนของตัวเองเลยแม้แต่นิด คิดจะเผาก็เผา กำไลหินเก้าตาของเขาก็รับไม่ไหว!

ชื่อเจินจื่อรู้สึกว่าพลังพุทธะถูกแยกออกจากดวงจิตเล็กน้อย ซ้ำยังถูกไฟกลืนหายไป เขามองไปยังนักพรตเฒ่าชื่อหยวนที่อยู่ด้านนอกผ่านแสงไฟ

คนร้ายมักตายเพราะพูดมาก เขาเข้าใจคำนี้แล้ว!

ตู้ม

ดวงวิญญาณระเบิดเป็นสะเก็ดไฟ กระจัดกระจายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ในเรือนส่วนตัวแห่งหนึ่งในหุบเขาที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ รูปปั้นเล็กหล่นลงมาจากชั้นวาง แตกเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้น ศีรษะของรูปปั้นเล็กนั้นเหมือนกับดวงวิญญาณของชื่อเจินจื่อทุกประการ ในขณะที่รูปปั้นเล็กอื่นๆ บนชั้นวางมีสีแดงเรืองรองเล็กน้อย โดยมีเส้นบางๆ เชื่อมออกไปข้างนอก

มีคนได้ยินเสียงจึงเดินเข้ามา เมื่อเห็นศีรษะรูปปั้นที่ตกแตกอยู่บนพื้นก็หยิบขึ้นมาแล้วหลับตาลงเล็กน้อย ถอนหายใจ “ไร้ประโยชน์จริงๆ”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท