ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1536 ไม่ใช่คนรักของเขา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1536 ไม่ใช่คนรักของเขา

ฮูหยินซูยิ้มพลางหันไปกระซิบกับสาวใช้ข้างกาย จากนั้นสาวใช้ก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ซูจือเยว่ยื่นข้างหลังมารดาประมาณครึ่งก้าว ตอนเดินออกไป เขาจะต้องผ่านโต๊ะของกู้เสี่ยวหวาน ครั้นเหลือบไปมองก็พบว่าชาบนโต๊ะแทบจะไม่พร่องลงเลยแต่น้อย มีเพียงขนมอบเท่านั้นที่หายไปสองสามชิ้น

กู้เสี่ยวหวานกำลังกินอย่างตั้งใจ และไม่ได้สังเกตเห็นซูจือเยว่ที่กำลังมองตนเองอยู่

หลังจากกลับมาก็พบซูเฉี่ยนเยว่ซูกตัวอยู่ในอ้อมแขนของฮูหยินซู พลางกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ท่านแม่ ท่านพี่หมิ่นเก่งมาก ท่านพี่หมิ่นเป็นคนแรกที่ตอบคำถามของหญิงทุกคนที่มาร่วมงาน บทกวีของท่านพี่หมิ่นล้วนเป็นที่หนึ่ง ท่านแม่เตรียมของขวัญใดไว้หรือ ของขวัญชิ้นนี้จะละเลยไม่ได้ มิเช่นนั้น ลูกสาวคนนี้จะไม่ยอมแน่นอน”

ซูเฉี่ยนเยว่พูดอย่างหยอกเย้า ทำให้ทุกคนส่งเสียงหัวเราะครื้น

ความสัมพันธ์ระหว่างซูเฉี่ยนเยว่และหมิงตูจวิ้นจู่นั้นดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าความรักของหมิงตูจวิ้นจู่ที่มีต่อนายน้อยของตระกูลซูนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

“เจ้าเด็กคนนี้ จวิ้นจู่ยังอยู่ตรงนี้ เจ้ากลับมาเอ่ยขอของขวัญทั้ง ๆ ที่จวิ้นจู่ยังไม่ได้เอ่ยเลย เจ้าใจร้อนเหมือนลิง ไม่กลัวจวิ้นจู่หัวเราะเยาะเจ้าหรืออย่างไร” ฮูหยินซูใช้นิ้วชี้แตะหน้าผากของซูเฉี่ยนเยว่เบา ๆ และตำหนิอย่างขบขัน

ซูเฉี่ยนเยว่ลูบบริเวณที่ฮูหยินซูแตะเบา ๆ และเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่อาจล้อลูกเล่นได้ โดยเฉพาะกับพี่หมิ่นที่ปฏิบัติต่อลูกอย่างดี ดังนั้นลูกที่เพิ่งขอขวัญจากท่านแม่ก็กลัวว่าท่านพี่หมิ่นจะอาย มันจะไม่ดีเอานะเจ้าคะ เร็วหน่อยสิท่านแม่ นอกจากของท่านแม่แล้ว ข้ายังอยากได้จากท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ”

ซูเฉี่ยนเยว่ชะโงกศีรษะออกมาจากแขนของฮูหยินซู และถามซูจือเยว่ด้วยรอยยิ้ม

บรรยากาศรอบกายสามแม่ลูกเต็มไปด้วยความสุข รวมถึงรอยยิ้มของซูหมิ่นที่สดใสราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน ครั้นยืนด้วยกันแล้วเหมือนดังครอบครัวเดียวกันที่ทำให้ผู้อื่นอิจฉา

ซูจือเยว่สง่างาม ขยันและมีความสามารถ ในวัยเด็กได้รับตำแหน่งในราชสำนักอย่างเป็นทางการ เป็นคู่รักในฝันของสาว ๆ หลายคนในเมืองหลวง

เมื่อมองหมิงตูจวิ้นจู่อีกครั้ง ก็พบความสดใสราวกับดอกไม้ที่มากด้วยเสน่ห์และงดงาม ในโลกนี้มีใครอีกบ้างที่สามารถแข่งขันกับหมิงตูจวิ้นจู่ได้ ใครกันจะกล้าเปรียบเทียบกับนาง

เมื่อคิดแบบนี้ แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกไม่เต็มใจและอิจฉา แต่ฐานะและอำนาจของหมิงตูจวิ้นจู่ก็ถูกฝังอยู่ในใจของซูจือเยว่

ซูจือเยว่เห็นว่าซูเฉี่ยนเยว่กำลังขอของขวัญให้ซูหมิ่นและกำลังจะพูด ก็ได้ยินซูเฉี่ยนเยว่พูดว่า “ท่านพี่ ทำไมท่านถึงไม่มอบหยกที่อยู่กับท่านให้ท่านพี่หมิ่นล่ะ”

จี้หยกที่เขาพกติดตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก

หลังจากสิ้นเสียงของน้องสาว ซูจือเยว่ก็สัมผัสจี้หยกของตนเอง

สิ่งที่ซูเฉี่ยนเยว่พูดนั้นไม่ผิด หลังจากซูจือเยว่เกิด เขาก็พกจี้หยกติดตัวไม่เคยห่างกาย ยกเว้นตอนอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะวางเอาไว้ข้าง ๆ

จี้หยกที่ไม่เคยห่างตัว เปรียบดั่งเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของซูจือเยว่ แต่ซูเฉี่ยนเยว่กลับขอจี้หยกชิ้นนี้ให้ซูหมิ่นอย่างหน้าด้าน ๆ ทุกคนย่อมรู้อย่างไม่ต้องคิดว่าหมายความว่าอย่างไร

ทันใดนั้นก็เห็นซูหมิ่นมีใบหน้าแดงก่ำ “เฉี่ยนเยว่ เจ้าคิดจะทำอะไร?”

ใบหน้าแดงก่ำเหมือนกำลังเขินอาย

“ท่านพี่หมิ่น ท่านไม่รู้จักจี้หยกของพี่ชายข้าหรือ ข้าเคยขอเขาหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยให้ วันนี้ท่านชนะ ข้าต้องขอของดี ๆ ให้ท่าน” ซูเฉี่ยนเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นเหมือนชีวิตจิตใจของพี่ชายข้า”

เมื่อซูหมิ่นได้ยิน ใบหน้าก็ยิ่งแดงขึ้น และมองไปที่ซูจือเยว่อย่างอ่อนโยนเพื่อรอคำตอบ

ซูจือเยว่ได้ยินว่าซูเฉี่ยนเยว่ต้องการจี้หยกของตัวเองก็โกรธเคืองเป็นอย่างมาก

เขาไม่รู้ความคิดของซูเฉี่ยนเยว่

นำจี้หยกที่ใส่ไม่ห่างตัวตั้งแต่เด็กมอบให้สาวผู้หนึ่ง แม้แต่คนโง่ก็คิดได้ว่าหมายถึงอะไร

ซูจือเยว่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จ้องมองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ตาเขม็ง

ซูเฉี่ยนเยว่ทำเป็นมองไม่เห็น และยังคงยิ้มรอคำตอบจากซูจือเยว่

ฮูหยินซูประหลาดใจ นางไม่รู้ว่าลูกสาวของตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมิงตูจวิ้นจู่ ถึงขนาดจะขอจี้หยกที่เปรียบเสมือนชีวิตจิตใจของจือเยว่ให้อีกฝ่ายได้

จี้หยกเป็นชีวิตจิตใจของซูจือเยว่ ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้ ใครก็ดูไม่ได้

ก่อนหน้านี้ฮูหยินซูก็อยากเห็นมันมากเช่นกัน จือเยว่ถือไว้ในมือให้ดูแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนนั้นนางยังหัวเราะเยาะจือเยว่และพูดว่าจี้หยกมีค่ามากเหมือนเป็นภรรยาของเขา

จือเยว่บอกกับตัวเองอย่างจริงจังในเวลานั้นว่าจี้หยกนี้คือชีวิตของเขา และในอนาคตเขาจะมอบจี้หยกนี้ให้กับคนรักของเขา

สิ่งที่ซูจือเยว่พูดในเวลานั้น ฮูหยินซูคิดว่าเป็นเพียงความรักของเด็ก ๆ แต่เมื่อเห็นสายตาที่โกรธแค้นของซูจือเยว่ก็เข้าใจว่าสิ่งที่ซูจือเยว่พูดนั้นเป็นความจริง

สิ่งของของเขา เว้นแต่จะมอบให้ด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นใครก็อย่าหวังว่าจะได้

งั้น…หมิงตูจวิ้นจู่

เป็นคนรักของเขาหรือ

ฮูหยินซูกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นจนร่างกายเกร็งไปหมด หัวใจเต้นระส่ำ กำลังรอคำตอบของซูจือเยว่

“จวิ้นจู่ หยกนี้เก่าแล้ว จือเยว่ใส่มาจะยี่สิบปี จวิ้นจู่มีฐานะสูงส่งจะใช้ของที่คนอื่นใช้แล้วได้อย่างไร ข้าน้อยยังมีหยกที่ดีกว่านี้ จะนำมาให้จวิ้นจู่เพื่อเป็นของรางวัล ข้าจะนำมาให้ท่านเดี๋ยวนี้”

ซูจือเยว่ตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเห็นคนรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลคนหนึ่งรีบวิ่งออกไป

ซูจือเยว่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ส่วนฮูหยินซูดึงผ้าเช็ดหน้าจนเกือบขาด

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จือเยว่ไม่ชอบหมิงตูจวิ้นจู่

และ…

ฮูหยินซูนึกถึงบางสิ่ง จึงมองไปที่ซูหมิ่นอย่างรวดเร็ว นางเห็นว่าใบหน้าของซูหมิ่นบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่มีรอยยิ้มที่มุมปาก คำพูดของซูจือเยว่ทำให้นางไม่สามารถปฏิเสธได้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท