หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 211 การลงโทษหานแส

บทที่ 211 การลงโทษหานแส

บทที่ 211 การลงโทษหานแส

“หยู่ หยู่อัน เจ้า นี่เจ้าจะทำสิ่งใด?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่แห่งใด?”

“เจ้าถามเรื่องนี้ทำ ทำไม?” เจี่ยนหมิงกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเขาถาม ฮัวหยู่อันก็โน้มตัวไปข้างหน้า พร้อมกับขยับปากไปยังข้างหูของเจี่ยนหมิง พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ จนทำให้เขารู้สึกคอแห้งผาก

“เจ้าบอกข้าเถิดว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่แห่งใด!”

แล้วเจี่ยนหมิงจะทนต่อท่าทางเช่นนี้ของฮัวหยู่อันได้อย่างไร เขาจึงรีบบอกในสิ่งที่รู้ออกมา

“อยู่ อยู่ในห้องของผู้อาวุโสใหญ่”

“อ๋อ!”

เมื่อได้คำตอบ ฮัวหยู่อันก็รีบกลับดึงตัวขึ้นมาทำตัวตามปกติ จากนั้นก็มองไปยังหลานเยาเยาอย่างจงใจ ด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาราวกับจะพูดว่า ข้าสุดยอดไหมเล่า!

เหลือไว้เพียงเจี่ยนหมิงที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่………

——

พอถึงยามพรบค่ำ

หลานเยาเยาที่อยู่ในห้อง กำลังนั่งจ้องมองไปยังผ้าพันแผล ยาและน้ำเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยหน้าตานิ่งสงบ

ยาเหล่านี้นางได้พัฒนาขึ้นตามอาการของผู้ที่โดนมนต์ดำ โดยด้านในตัวยามีเลือดของนางผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นยาที่จะเปลี่ยนให้กับเย่แจ๋หยิ่ง นางอยู่เช่นนี้รอจนเขามาถึง

คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าเขาหลังจากที่ได้เลิกรากัน ในใจทั้งรู้สึกซับซ้อน และรู้สึกค่อนข้างประหม่าไม่น้อย

“ก็อกๆๆ…..”

“เยาเยา ข้าเอง”เสียงทุ้มต่ำดังเข้ามาจากด้านนอก

คือเขา! เย่แจ๋หยิ่งมาแล้ว

“เข้ามาเถิด!”

นางหายใจเข้าอย่างลึกๆ พลันบอกกับตัวเองในใจอย่างเงียบว่าให้มองเขาเป็นเพียงสหายธรรมดาๆคนหนึ่งก็พอ

เย่แจ๋หยิ่งผลักประตูเข้ามา แล้วก้าวเท้าเดินมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า แล้วเสียงนั้นก็เข้าใกล้นางมาเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็นั่งลงยังที่นั่งข้างๆนาง

ทันใดนั้นนางที่ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าอย่างไร จึงทำเพียงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วนางก็ลุกขึ้น มาสั่งโดยที่ไม่สบตากับเขาโดยตรง

“ยื่นมือออกมา”

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือที่มือที่มีแผลออกมาให้นางทำแผลอย่างว่าง่าย

หลังจากทำแผลที่มือเสร็จ หลานเยาเยาก็ขยับมือไปแก้เสื้อของเขาออก ถึงแม้ว่าเรื่องเช่นนี้นางจะ เคยเจอมาแล้วหลายครั้งหลายครา แต่ว่าในครั้งนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนกันจริงๆ

เย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้ไม่สามารถที่จะจ้องมองนางได้อย่างแต่ก่อน และยิ่งไม่สามารถที่จะแสดงสีหน้าอะไรออกมาได้มากนัก

แล้วนางก็ถอดเสื้อคลุมของเขาออกอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ทำการฆ่าเชื้อบนแผลที่เป็นหนองใหม่อีกครั้ง แล้วถึงได้พันแผลให้เขา การเคลื่อนไหวของนางนั้นไม่ได้เร่งรีบและไม่ช้ามาก ดังเช่นปกติ

หลังจากที่ทำแผลทั้งหมดจนเสร็จ นางจึงได้สะบัดมือ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างโล่งอก

“เสร็จแล้ว!”

“ขอบใจยิ่งนัก!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวขอบคุณจากเขา หัวใจของหลานเยาเยาก็วูบวาบทันทีพร้อมกับมุมปากที่กระตุกขึ้น ก่อนที่จะพยักหน้ารับ

“แค่เพียงทุกวันมาเปลี่ยนให้ตรงเวลาก็พอแล้ว”

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินจากไป

พอเดินมาถึงประตู อยู่ๆเขาก็หยุดเท้า พลางหันหน้ากลับไปมองนาง

“คืนนี้เจ้าต้องออกไปงั้นรึ?”

ถ้าหากเป็นแต่ก่อน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเขา นางก็คงจะพูดนุ่นนั่นนี่กับเขามากมาย แต่ตอนนี้นางกลับทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

“อืม”

เย่แจ๋หยิ่งทำท่าราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาก็บินจาก ไป

แล้วหลานเยาเยาที่อยู่ในห้องก็ยกมือขึ้นของตัวเองขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ โดยความจดจ่อ

บนมือยังคงเหลือความอบอุ่นบนร่างกายของเขาที่เพิ่งจับมาเมื่อสักครู่นี้

ทันใดนั้น!

เสียงอันทรงเสน่ห์แต่กลับน่ารังเกียจของหานแสก็ดังแทรกขึ้นมา

“สภาพเช่นนี้ของเจ้า…….แน่ใจหรือว่าอีกสักครู่จะออกไปกับข้า?”

หลานเยาเยาดึงสติกลับมา พร้อมกับปกปิดอารมณ์เมื่อสักครู่นี้ทันที

“ทำไม กลัวข้าจะเป็นตัวถ่วงเช่นนั้นรึ?” ถ้าเกิดนางเป็นตัวถ่วงขาเขาจริงๆ นางก็จะดึงกางเกงของ เขาเสียด้วยเลย

ไม่รอให้หานแสตอบกลับ นางก็พูดต่อ

“ชาวหยินไห่ดูมีความลับมากมายขนาดนั้น ข้าว่าไม่แน่ในหนังสือทำเนียบบรรพชนอาได้พบกับ ยาต้นกำเนิดก็เป็นได้”

“ฮื้ม!”

เห็นได้ชัดเลยว่าหานแสไม่เชื่อคำพูดจาเหลวไหลของนาง แต่กลับกล่าวเตือนสตินาง

“แผลบนตัวข้าเองก็ต้องทำแผลใหม่แล้วเช่นกัน”

หลานเยาเยานอกจากจะเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับอาการเจ็บของเย่แจ๋หยิง สำหรับผู้อื่นแล้วนางกลับไม่ใส่ใจ เขาควรจะเตือนนางเสียหน่อย มิเช่นนั้นหากยาบนตัวเขาเน่าเสียแล้วนางก็คงยังไม่รู้

“ยาของเจ้าข้าได้จัดเตรียมเอาไว้บนโต๊ะทุกวัน เจ้าสามารถมาหยิบเองได้ แต่เจ้ากลับไม่มาหยิบไปเอง นี่ยังจะต้องให้ข้านำไปส่งให้อีกงั้นรึ?”

แปลกเสียจริง ไม่กี่วันก่อน หานแสมาทำแผลและรับยาตรงเวลาโดยตลอด เป็นเย่แจ๋หยิ่งที่กลับทำให้นางรู้สึกกังวล

พอมาถึงช่วงนี้ทั้งสองกลับทำเรื่องที่กลับกันจนนางรู้สึกประหลาดใจที่เย่แจ๋หยิ่งมาทำแผลอย่างตรงเวลา ส่วนหานแสนั้นหนึ่งวันกลับสามารถเปลี่ยนยาเพียงหนึ่งครั้ง

“บาดแผลตรงหลังข้างจะทำแผลเองได้อย่างไรเล่า? นี่เจ้าไม่อยากทำแผลให้ข้าแล้วงั้นหรือ?”เขาพูดปนขำขัน หลังจากพูดจบเขาก็ยังจ้องมองการตอบกลับของนางอย่างใจจดใจจ่อ

หลานเยาเยาที่ได้ยิน ก็รู้สึกจะว่าปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ จึงหันไปสบตากับเขาแล้วค่อยๆพูดออกมาทีละประโยค

“บาดแผลเล็กๆน้อยๆบนตัวเจ้าก็กลายเป็นสะเก็ดจะหมดแล้ว ส่วนวกแผลลึกก็อยู่ด้านหน้า แค่นี้ยังต้องให้ข้าช่วยอีกอย่างนั้นหรือ?”

“ชิ! คิดไม่ถึงว่าแผลของอ๋องเย่จะไม่ได้อยู่ด้านหน้า?” เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของหลานเยาเยา

หานแสก็ยิ้มออกมาด้วยความชั่วร้าย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย

“ผู้ใดเป็นคนกล่าวกันว่าหมอเป็นดั่งบุพการี ที่คอยดูแลผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน?”

“ตัวเจ้าสามารถเปรียบเทียบกับเขา….ได้งั้นรึ?”

เจ้าคนนี้สิ่งใดที่ไม่ควรกล่าวถึงก็ดันเอามากล่าว แล้วยังชอบทำเช่นนี้จนติดเป็นนิสัยไปแล้วด้วย

“เทียบไม่ได้ แต่พวกข้าต่างก็เป็นผู้ป่วย สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้ามิจำเป็นต้องแสดงออกมาอย่างชัดเจนเยี่ยงนั้น” เขาเลิกคิ้วใส่นาง พลางวางแขนข้างหนึ่งไว้โต๊ะแล้วเท้าคางตัวเองเอาไว้ด้วยสีหน้าทะเล้น

หบานเยาเยาลูบคิ้ว พลางหายใจเข้าลึกๆด้วยความเอือมระอา

ถ้าหากตอนนี้หานแสเป็นผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่ง นางก็คงจะจัดการไล่เขาออกไปแล้ว

“ได้ ข้าจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม”

เช่นนั้นนางจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกฝั่งเพื่อเอายาและผ้าพันแผลของหานแสที่ได้เตรียมไว้แล้ว ในขณะที่กำลังหยิบยานั้น แววตาของนางก็ประกายแสงแห่งความชั่วร้ายขึ้น จากนั้นก็นางก็เติมบางอย่างลงไปในยาที่กำลังจะใช้

ในตอนที่นางถือยากลับมานั้น หานแสได้ถอดเสื้อออกเองเรียบร้อยแล้ว

เขามีแผงอกที่ขาวนวลและแข็งแรง พร้อมทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องที่มองไม่เห็นแม้แต่ไขมัน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะบาดแผลใหญ่ๆเล็กๆบนตัวเขา ร่างกายของเขานั้นก็ถือว่าสมบูรณ์แบบอย่างมาก

แต่นางกลับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงแต่ช่วยเขาทำแผลอย่างจริงจังให้เขาดังเช่นเคย

เพิ่งจะทำแผลเสร็จ หานแสยังไม่ทันได้สวมเสื้อ สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาเอามือข้างหนึ่งกุมบาดแผลเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็จับโต๊ะไว้แน่น ราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอย่างหนัก เดิมทีมุมปากของหลานเยาเยายกขึ้นมาอย่างพอใจ แต่แล้วก็ค่อยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ยาที่นางเพิ่มเข้าไปไม่น่าที่จะทำให้เขาเจ็บได้ถึงเพียงนี้ แต่พอมองดูสีหน้าของเขาแล้วก็ไม่เหมือนว่าเขากำลังโกหก จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง” หานแสก็ลงไปนอนดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดบนพื้นเสียแล้ว

“หานแส เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? หานแส…..”

คงไม่ใช่อาการป่วยกำเริบพอดีหรอกนะ!คิ้วของหลานเยาเยายิ่งขมวดหนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่นางจะโน้มตัวลงไปจับชีพจรให้เขา

ใครจะรู้ว่า……ทันทีที่มือของนางยื่นออกไปก็ถูกของเรียวยาวของเขาดึงลงไป จนนางล้มลงไปกับพื้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นหานแสยันตัวเองขึ้นไปนั่งกดทับร่างนางไว้เสียแล้ว

“คิดจะสู้กับข้า เจ้ายังอ่อนหัดไปนิด”

หานแสในตอนนี้สีหน้าดูสดใส โดยไม่มีสีหน้าของความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

“สารเลว ปล่อยข้า”

กล้าเล่นกับนาง คิดว่านางชอบใจนักหรือไงกัน?

ในใจของหลานเยาเยาโมโหอย่างหนัก ดวงตาแข็งกระด้าง แล้วทันใดนั้นเข็มเงินก็ปรากฏออกมาในมือของนางแล้วพุ่งเข้าไปหวังจะแทงหัวใจของเขาโดยไม่พูดไม่กล่าวสิ่งใด

แต่แล้ว !หานแสที่รู้อยู่แล้วว่านางจะลงมือ ในตอนที่เข็มเงินของนางยังไม่ทันถึงหัวใจของเขา เขาก็คว้ามือนางเอาไว้ก่อนเสียแล้ว ทั้งยังสะบัดมันทิ้งไปกับพื้นอีก….

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท