หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 210 หรือว่าจะให้ไปขโมยล่ะ

บทที่ 210 หรือว่าจะให้ไปขโมยล่ะ

บทที่ 210 หรือว่าจะให้ไปขโมยล่ะ

หานแสหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็หัวเราะอย่างหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เงียบลง: “มีคนให้น้ำปรโลกแก่ข้า แลกด้วยชีวิตของชาวเผ่าครึ่งเผ่า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ตกตะลึงอีกครั้งไปโดยปริยาย และหวนนึกถึงหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้างนั่นขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา…

ซากกำแพงพุพังที่ถูกปกคลุมไปด้วยตระไคร่……

เป็นกำแพงที่ครั้งหนึ่งเคยโชกไปด้วยเลือด ซึ่งดูเหมือนเป็นที่ที่เคยมีการสังหารหมู่เกิดขึ้น……

ผ่านไปเนิ่นนานหลานเยาเยาก็ส่งเสียงเหมือนตกอยู่ในภวังค์: “เจ้าเป็นคนของชาวเผ่าหยินไห่รึ?”

หานแสหรี่ตาลงเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังอดกลั้นบางสิ่ง หลังจากที่ลูกกระเดือกขยับอยู่สองสามครั้ง ก็พูดคำสี่คำออกมาอย่างแผ่วเบา

“นั่นก็……ครั้งหนึ่ง”

ใช้ชีวิตของคนกว่าครึ่งชนเผ่าเพื่อแลกชีวิตของคนหนึ่งคน อีกทั้งยังแลกมาด้วยความเกลียดชังไปชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งอีก แต่เขาก็ยังจะกลับมาเพราะอีแค่ยาถอนพิษอย่างนั้นรึ?

เป็นไปไม่ได้!

มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

จากน้ำเสียงของหานแสที่ฟังขึ้น ในใจของเขาก็เกลียดชังที่แห่งนี้อย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม

เรื่องที่หานแสใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้ก็น่าจะเป็นยาถอนพิษ และเรื่องที่นางใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือยาถอนพิษเหมือนกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ แค่นางคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรได้

“คนคนนั้นเป็นผู้ใดกัน?”

หานแสรู้ว่านางหมายถึงคนที่ให้น้ำปรโลกแก่เขา

แต่ว่า…

เขากลับส่ายหน้า

แม้ว่าจะได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของเขา แต่กลับไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนประเภทไหน

เขาเคยเห็นคนคนนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ไม่ว่าเขาจะอำพรางตัวไปเป็นเช่นไร เขาก็จำได้แม้ว่ามันจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้วก็ตาม ช่วงเวลาหลายปีมานี้ นอกจากเขาจะตามหาหมอผู้วิเศษแล้ว เขาก็ยังแอบตามหาผู้ที่ให้น้ำปรโลกแก่เขาที่สังหารคนในชนเผ่าไปกว่าครึ่งอีกด้วย

“การที่เขาเคยมาที่นี่ และได้สังหารชนเผ่าไปกว่าครึ่ง เช่นนั้นในหนังสือทำเนียบบรรพชนก็ต้องมีจารึกอยู่เป็นแน่”

เมื่อได้ยินหลานเยาเยาพูดเช่นนี้ แววตาของหานแสก็เป็นประกาย พลางยิ้มอย่างร้ายกาจออกมาในทันที

“หนังสือทำเนียบบรรพชนงั้นรึ? ฮึฮึฮึ……เนิ่นนานถึงเพียงนี้ ข้าก็ลืมไปแล้วว่ายังมีหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่ ข้าจะไปเอามันมา”

ขณะที่พูดอยู่หานแสก็ลุกขึ้น ทั้งร่างแพร่รังสีพยาบาทอย่างรุนแรง หลานเยาเยาจึงรีบหยุดเขาไว้

“เห้ยเห้ยเห้ย เจ้าจะทำการใด? จะไปเอามาดื้อๆเลยงั้นรึ?”

ใครจะไปรู้……

ว่าเขาจะหันหน้ากลับมามองนางด้วยความงุนงง ด้วยสายตาที่มองว่านางโง่หรืออย่างไร

“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าไปขโมยมาล่ะ?”

ในโลกของเขา สิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเขาก็ต้องได้มา ในตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึงหนังสือทำเนียบบรรพชนอันน้อยนิดนั่น

หากมีผู้ใดกล้าขัดขวาง เขาก็จะสังหารหมู่ชนเผ่านี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง

“เจ้าแน่ใจรึว่าเจ้าคนเดียวจะเอามาได้? ไม่ต้องพูดไปถึงพละกำลังภายในของเจ้าที่ยังไม่ฟื้นตัวดี หรือหากฟื้นตัวดีแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามก็ต้องผลัดกันมาต่อกรกับเจ้า นั่นก็จะทำให้เจ้าเหนื่อยล้าจนเกินไป

ไหนจะชายกำยำอีกสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนั่นอีก และยังมีคนไม่น้อยในชนเผ่าที่มีฝีไม้ลายมืออันเก่งกาจ หาได้เป็นผลดีกับเจ้าไม่

เมื่อถึงตอนนั้น ดีไม่ดีพวกเราอาจจะโดนขับไล่ออกจากชนเผ่า แต่สิ่งหนึ่งที่รับประกันได้เลยก็คือ หนังสือทำเนียบบรรพชนจะถูกซ่อนให้ลึกลับมากกว่าเดิมแน่ๆ มันได้ไม่คุ้มเสีย!”

หลานเยาเยาพูดเตือนสติเพื่อช่วยเขา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หานแสก็หยุดชะงัก พร้อมพูดเหยียดหยามด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น:

“พวกเขามีปัญญาทำได้แค่นั้น เจ้าก็กลัวพวกเขาแล้วงั้นรึ?”

เขาพูดเช่นนั้น แต่เขาก็หันมา และกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าดูหมิ่นดูแคลน

เอ่อ……

ไอ้ผีจอมผยองนี่!

เดี๋ยวค่อยออกไปขโมยพร้อมนางตอนกลางคืนไม่ได้รึไง?

แต่ก่อนอื่น พวกเขาต้องรู้ก่อนว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนถูกเก็บเอาไว้ที่ใด? ตอนกลางคืนพวกเขาจะได้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว

ในตอนแรก หานแสไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในการที่จะบอกเรื่องนี้กับฮัวหยู่อัน แต่หลานเยาเยาก็ได้ชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย และสุดท้ายเขาก็ยอมจำนน

ซึ่งจะบอกเรื่องราวแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามแค่ทำให้ฮัวหยู่อันเข้าใจว่าจะเอาหนังสือทำเนียบบรรพชนไปพัฒนายาถอนพิษ เรื่องอื่นๆนอกเหนือจากนั้นก็ห้ามพูดแม้แต่คำเดียว

หลานเยาเยาเองก็จนปัญญา ทำได้เพียงแค่ตามน้ำไป

ดีที่พวกเขาปรึกษากันเสร็จก่อน ฮัวหยู่อันนั้นได้เอาเสบียงมาส่งถึงหน้าประตูนี่แล้ว

ฮัวหยู่อันถือขนมอบเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงดวงตาทั้งสองคู่ที่จ้องมองนางด้วยแววตาที่มุ่งร้าย ทำให้นางขนหัวลุกภายในพริบตา เหงื่อบางๆได้ก่อตัวขึ้นตามแผ่นหลัง

แย่ละ!

เผ่นดีกว่า

นางหันหลังกำลังจะก้าวเท้าแต่ยังไม่ทันจะพ้นประตู ก็ได้ยินเสียงคิกคักของหลานเยาเยาขึ้นมา

“วิ่งหนีสิ่งใดกัน? มานี่มานี่”

ฮัวหยู่อันที่คุ้นชินกับการเรียกของหลานเยาเยา ถึงแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็หันหลังมาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เดินไปทางนางด้วยความยากลำบาก

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่าทีของฮัวหยู่อันก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อการร่ายบาลาบาลาที่เล่นใหญ่ของหลานเยาเยาจบลง

ก็ได้เห็นฮัวอยู่อันมึนๆงงๆไปเรียบร้อยแล้ว

“นี่ เสี่ยวฮัว ที่ข้าพูดไปคงไม่ได้น่ากลัวหรอกกระมัง”

นางจะเป็นอะไรถึงปานนั้นอ่ะ?

หลอนไปแล้วรึ?

“ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ปัญหาใหญ่ที่สุดเลยก็คือ ข้าไม่รู้ว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่ที่ใด”

นี่ทำเอาหลานเยาเยาตกตะลึง

และแล้วที่นางปากเปียกปากแฉะไปก็ไร้ประโยชน์ ฮัวอยู่อันผู้มีสถานะเป็นถึงหัวหน้าชนเผ่าในอนาคต ดันเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดหัวหน้าเผ่าเท่านั้น! แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่ที่ใด นี่มันเกินไปแล้ว……

ไอ่ย๊า ซวยแล้วสิ

“ข้าวที่เจ้ากินมาสิบกว่าปีมันไร้ประโยชน์งั้นรึ? ไหนจะการที่จะได้เป็นหัวหน้าเผ่าในอนาคตอีก ไม่ต้องใส่ใจเรื่องในเผ่าแม้แต่น้อยเลยงั้นสิ?”

“คุณหนู เรื่องต่างๆในชนเผ่าท่านพ่อทั้งสามของข้าเป็นคนดูแลจัดการ ข้าได้ถูกขีดเส้นไว้แล้ว ทั้งยังมีเพื่อนเที่ยวเล่นอีกมากมาย พี่จะเอาอะไรกับข้าเล่า?”

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง

หลังจากที่นางหายใจเข้าหายใจออกเพื่อสงบสติอารมณ์ ก็กำลังจะอ้าปากแต่ยังไม่ทันได้พูดสิ่งใดออกไป

ก็ได้ยินเสียง “ปัง”

หานแสที่ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นใช้กำลังภายด้วยสีหน้าอาฆาตมาดร้าย

“เจ้าทำสิ่งใด?” หลานเยาเยาตกใจและรีบถามออกมา

“เก็บนาง”

รู้มากไปก็ไร้ค่า แน่นอนว่าต้องฆ่าให้ตาย

และในเพลานี้เองหลานเยาเยาก็กระตุกปาก มองเหมือนไม่มีอะไรจะเสียไปยังหานแสผู้ที่กำลังขู่ขวัญจะฆ่าคน และมองไปยังฮัวหยู่อันที่ตกใจกับการขู่ไปเป็นที่เรียบร้อย

จึงถอนหายใจอีกครั้งในทันที!

“น่าจะมีสักคนที่รู้สิ”

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา กำลังภายในของหานแสก็หยุดลงในทันที และมองอย่างอาฆาตใส่ฮัวหยู่อัน ท่าทางเช่นนั้นเหมือนจะบอกว่า: ดวงแข็งนักนะแก

เมื่อฮัวหยู่อันได้สติ ก็รีบไปหลบอยู่หลังหลานเยาเยา จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะโผล่หน้าออกมาถามว่า:

“เป็นผู้ใดกัน? ข้าช่วยได้หรือไม่?

และในช่วงเพลานี้ ด้านนอกก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา

“ท่านชายหลาน ข้าหาวัตถุดิบยาที่เจ้าต้องการมาให้แล้ว”

เจี่ยนหมิงเดินเข้ามากับตะกร้าไม้ไผ่สะพายหลังที่มีวัตถุดิบยาใส่ไว้ หลังจากได้ยินหลานเยาเยาพูดออกมาสามคำว่า “เขานี่แหล่ะ” ดวงตาทั้งสามคู่ภายในห้องก็พากันจับจ้องไปที่ร่างของเขา

ทำเอาเขาหวาดกลัวจนแข็งทื่อ

สีท่าจะซวยละ!

ไม่ทันได้ถามเรื่องราวใดๆ หลานเยาเยาก็สั่งการด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

“ปิดประตู ลุยเลยเสี่ยวฮัว”

ท่าทางการโยกย้ายส่ายสะโพกที่ไม่เข้ากันอย่างยิ่งกับเรือนร่างของนาง พูดตรงๆเลยว่า พื้นฐานหน้าตาที่สวยสด กับร่างบางอันงดงามของฮัวหยู่อัน แค่ขยับก็ติดกับแน่นอน

แต่นางกลับก้มหน้าก้มตาย่างก้าวไปอย่างเก้ๆกังๆ

หลานเยาเยาถึงกับกุมหน้าผากด้วยความเจ็บหัวในทันที

หานแสอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก

แต่อย่างไรก็ตาม

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่ละคนก็มีความชอบของตน ไม่คิดไม่ฝันว่าเจี่ยนหมิงจะถูกครอบงำด้วยท่าทางพวกนั้นของฮัวหยู่อัน……เข้าอย่างจัง

เมื่อเห็นนางเข้ามาใกล้ ทั้งยังสัมผัสลงบนบ่าของเขา เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้เขาหน้าแดงระเรื่อ จนไม่รู้ว่าจะมือเอาเท้าไปวางไว้ตรงไหน ถึงกับพูดติดอ่างออกมา…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท