หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 212 ความโกรธของเย่แจ๋หยิ่ง

บทที่ 212 ความโกรธของเย่แจ๋หยิ่ง

บทที่ 212 ความโกรธของเย่แจ๋หยิ่ง

แต่เป็นเพราะการเคลื่อนไหวเช่นนี้ จึงทำให้ทั้งสองแนบชิดกันเป็นอย่างมาก ราวกับปลายจมูกกำลังจะชนกับปลายจมูกแล้ว

หานแสถึงกับหายใจไม่ออก เมื่อมองดูหลานเยาเยาในระยะประชิด อีกทั้งดวงตาอันดำสนิทและเป็นประกายนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ….

ใบหน้าขาวนวลและบอบบางค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมา….

ริมฝีปากแดงสดอันเย้ายวนนั้นสะดุดตาเป็นอย่างมาก จนทำให้อยากลองลิ้มรสดูสักครั้ง….

พอดูถึงตอนนี้ หานแสชะงักเล็กน้อย สายตาวอกแวกไปหมด ในขณะที่หลานเยาเยายังไม่ต่อสู้กลับอีกครั้งเขาก็ลุกขึ้นก่อนเสียเอง จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เดินออกประตู เขาก็เกือบจะสะดุดล้มกับขอบประตูอีกเสียด้วย

จนไม่รู้ว่าเมื่อใดกันที่หูค่อยๆแดงขึ้น

หลังจากที่ออกมาอยู่ด้านนอก เขาก็เข้าไปเอนตัวกับกำแพง หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานเสียงต่ำๆก็เปล่งออกมา

” เวลาไม่เช้าแล้ว ควรลงมือได้แล้ว”

หลานเยาเยาที่ใจยังเคืองไม่หายก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน

” เจ้าใช้ยาผิดหรือไร ? ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้า ! ”

คนสารเลว !

หากยังมีคราวหน้า นางขอสัญญาเลยว่าจะทำให้เขารู้สึกเสียใจที่มาเกิดบนโลกใบนี้

น้ำเสียงของหลานเยาเยาไม่ดีมากนัก ด้วยความโกรธที่ยังไม่หายไปเลยทำให้น้ำเสียงที่พูดกับหานแสไม่น่าฟังอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หานแสถึงค่อยได้หันไปดูยังทิวเขาก็ได้เห็นว่าพระอาทิตย์เพิ่งจะเริ่มตกดิน และทางทิศตะวันตกก็ยังคงส่องแสงสะท้อนสีแดงอยู่

เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะ จากนั้นมุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นมา

” ได้ เช่นนั้นรออีกสักประเดี๋ยวค่อยไป ”

แต่เพียงไม่นาน รอยยิ้มบนไปหน้าของเขาก็นิ่งตรึงบนใบหน้า…..

เพราะเห็นเย่แจ๋หยิ่งที่ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ใบหน้าเย็นชา บรรยากาศรอบกายปกคลุมไปด้วยกลิ่นไอแห่งความอันตรายและน่ากลัว

ดูท่าแล้ว เขาคงเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้แล้ว

” หึ! ”

หานแสแสยะคำพูดออกมาเบาๆ โดยไม่มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ค่อยๆจัดเสื้อผ้าของตัวเองจนเข้าที่ ก่อนจะพุ่งออกไปต่อสู้กับเย่แจ๋หยิ่ง

ทั้งสองหายวับออกไปจากด้านนอกห้องของหลานเยาเยาอย่างรวดเร็ว

มาต่อสู้กันยังพื้นที่อันสงบที่ไกลออกไป ทั้งสองล้วนแต่มีบาดแผลบนร่างกาย ยิ่งกว่านั้นบาดแผลบนร่างของเย่แจ๋หยิ่งนั้นบาดเจ็บหนักกว่าเป็นหลายเท่า

แต่ว่า ! ต่อสู้อยู่หลายรอบ หานแสนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ ส่วนเย่แจ๋หยิ่งนั้นเพียงแค่ผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย

หานแสหายใจหอบพร้อมกับพูดอย่างรุนแรง

“เพียงแค่กลั่นแกล้งนางเล็กน้อยเท่านั้น จำเป็นต้องต่อสู้กันรุนแรงเช่นนี้เชียวรึ? แล้วอีกประการหนึ่งท่านก็ตัดสัมพันธ์กับนางแล้ว นี่ยังจะไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าใกล้นางเลยหรือ? ”

เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากออก ด้วยใบหน้าที่ยังคงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

เย่แจ๋หยิ่งย้ายร่างเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ จนไม่สามารถมองเห็นแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับเยือกเย็น

“ข้าเคยกล่าวแล้วว่าอย่าแตะต้องตัวนางอีกแม้แต่น้อย ”

พูดไปพลางย้ายร่างกลับมาแล้วทันใดนั้นเขาก็ปรากฏต่อหน้าของหานแส แล้วหมัดที่เต็มไปด้วยกำลังภายในอันรุนแรงก็พุ่งไปหาเขาอีกครั้ง

” ยังคงความรุนแรงจริงๆ”

หานแสรีบหลบหนี ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ!

เขาเคยคิดว่าช่องว่างระหว่างเขาและเย่แจ๋หยิ่งนั้นไม่ได้ต่างกันมากมาย เพราะยังไงเสียพวกเขาก็เคยประลองฝีมือกันมาก่อนแล้ว

ถึงแม้พลังวรยุทธ์กำลังภายในของเขาจะสู้เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ แต่ในตอนนั้นรู้สึกว่าจะไม่มีความแตกต่างอะไรมากนัก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…..

แท้จริงแล้วเขาไม่เคยเผยพลังออกมาทั้งหมด ดูท่าแล้วคงจะรำคาญใจในตัวเขาแล้วจริงๆ

ถึงกระนั้น แล้วจะยังไง?

จะต้องกลัวเขาเช่นนั้นรึ?

จากนั้น ทั้งสองก็ต่อสู้กันอีกรอบ

เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หานแสชันเข่าลงกับพื้น พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ยันตัวเอาไว้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำม่วงช้ำเขียว พร้อมกับมือที่กำหมัดแน่นไม่ยอมปล่อย

เห็นได้ชัดว่าถูกตีเข้าอย่างหนัก แต่เขากลับหัวเราะออกมา

“เหอะๆๆๆ….”

“เพื่อสตรีนางเดียว แม้แต่พลังภายในที่แท้จริงของตัวเองก็ไม่ยั้งไว้แล้ว เหอะๆๆ อ๋องเย่ ท่าทางหึงหวงของท่านช่างน่าสนใจยิ่งนัก! “…..

หานแสพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นยืน ถึงแม้อาการจะค่อนข้างสาหัส แต่เขาก็ยังคงพูดต่อด้วยความท้าทาย

” ท่านไม่ต้องการนาง ข้าจะเอาเอง ท่านไม่ทะนุถนอมนาง ข้าก็จะทะนุถนอมนาง สิ่งของล้ำค่าเช่นนี้เหตุใดถึงปล่อยให้นางถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นด้วยเล่า ”

เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งจะลงมืออีกครั้ง หานแสก็รีบกระแอมออกมาแล้วยกมือขึ้นมาห้าม

” วางใจเถอะ ข้าไม่แตะต้องนาง ถ้าข้าสามารถชนะใจนางได้ ให้นางเข้าหาข้าเอง ถึงเวลานั้นท่านจะโทษข้าไม่ได้แล้ว ”

เขาพูดประโยคนี้ด้วยมั่นใจอันล้นหลาม

ก็แค่สตรีนางเดียว มีหรือที่เขาจะสยบไม่ได้?

พูดจบก็คิดจะบินจากไป แต่กลับพบว่าเขาถูกทำร้ายจนสาหัสเกินไป อยากจะบินงั้นหรือ…..คงจะไม่ได้ในตอนนี้เสียแล้ว สุดท้ายก็ทำได้เพียงเดินโซซัดโซเซกลับไป

หลังจากที่หานแสจากไป ความโกรธของเย่แจ๋หยิ่งที่สะกดไว้มาเป็นเวลานานก็ระเบิดออกมา แล้วเขาจึงยกหมัดขึ้นมาต่อยกับต้นไม้ใหญ่ แล้วเลือดสดๆก็ไหลออกมาจากมือของเขา ค่อยๆไหลลงไปตามต้นไม้

ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาหลับตาลงอย่างเงียบๆ เพียงไม่นานเลือดสีดำเข้มก็ไหลออกมาจากมุมปาก

……

หลานเยาเยาที่ไม่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งและหานแสกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง ก็เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ท้องฟ้าก็มืดไปนานแล้ว ชนเผ่าหยินไห่ส่วนมากก็น่าจะเข้านอนกันหมดแล้ว นางเองก็ได้เปลี่ยนชุดออกตระเวนกลางคืนแล้วเรียบร้อย หากจะถามว่านางไปหาชุดออกตระเวนกลางคืนมาจากไหน นางนั้นได้เตรียมเอาไว้ในระบบหมดแล้วก่อนที่จะมาถึงดินแดนแห่งนี้เสียอีก

“หายไปไหนแล้ว?”

หลานเยาเยารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าวรยุทธ์ของหานแสนั้นเก่งกาจ ถ้าหากไม่ไตร่ตรองถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในห้องของผู้อาวุโสใหญ่ แล้วเขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ นางถึงยังได้รอเขาอยู่ มิเช่นนั้นนางก็ออกไปลงมือคนเดียวนานแล้ว

เมื่อรอแล้วรออีกก็ยังไม่เห็นการปรากฏตัวของหานแส หานแสเจ้าคนไม่รู้จักเวลา ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้วยังไม่เห็นเงาอีก

ช่างเถิดๆ นางไปคนเดียวก็ได้

จากนั้นหลานเยาเยาก็ปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำ พลางเปิดหน้าต่างแต่ยังไม่ทันได้กระโดดออกไป นางก็ถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าจนถอยหลังกลับไปหลายก้าวแล้วสิ่งที่ดึงดูดสายตาของนางก็คือคนที่ตอนนี้มีใบหน้าที่บวมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ซึ่งกำลังถูใบหน้าของเขาอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่เห็นนางเปิดประตูออกมา เขาก็รีบเอามือไปไขว้หลังทันที แล้วเดินเข้าไปพิงหน้าต่าง ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย

เจ้าคนนี้คือผู้ใดกัน?

หลานเยาเยากวาดตามองเขาอยู่หลายครั้งหลายครา จากนั้นก็เรียกชื่อออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“หานแส?”

ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นชุดดำทั้งตัว แต่ทรงผมกลับไม่ได้เปลี่ยน เช่นนั้นก็เป็นหานแสไม่มีผิดแน่

ว่าแต่เพราะเหตุอะไรหน้าเขาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้ นางเองก็ไม่อาจรู้ได้

“ไปกันเถิด!”

หานแสคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของเขา อ๋องเย่คนนั้นก็ช่างขี้โมโหเกินไปแล้วจริงๆ ตีโดนร่างกายเขาก็น่าจะพอแล้ว เหตุใดถึงได้เล็งใบหน้าของเขาด้วย !

“อ๋อ ไปกันเถอะ!”

เป็นเพราะสิ่งที่เขารังแกนางก่อนหน้านี้ นางจึงยังโกรธเขาอยู่ แต่พอเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของเขาตอนนี้แล้ว นางจึงตัดสินใจที่จะไม่ตำหนิเขา

ต่อจากนั้น !ทั้งสองก็พากันไปซ่อนตัวอยู่ที่ป่าหลังห้องของผู้อาวุโสใหญ่ หลังจากที่แสงเทียนในห้องดับลง พวกเขาถึงได้ค่อยๆเข้าไป เพื่อความปลอดภัยจากการถูกจับ หลานเยาเยาจึงตั้งใจวางธูปหลับใหลไว้ในห้องของผู้อาวุโสใหญ่ด้วย จากนั้นทั้งสองต่างพากันปีนหน้าต่างเข้าไปในห้อง แล้วรีบแยกกันตามหาหนังสือทำเนียบบรรพชนทันที หาอยู่เป็นเวลานานก็ยังหาไม่พบ ตอนนี้จึงทำให้หลานเยาเยาเริ่มหดหู่ใจ ก็เพียงแค่หนังสือทำเนียบบรรพชนเล่มเดียวไม่ใช่หรือไง? นอกจากบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การพัฒนาของชนเผ่าหยินไห่ และช่วงเวลาการเกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ แล้ว ก็ไม่มีความลับอะไรที่จะให้ผู้อื่นเห็นมิได้

มีความจำเป็นที่ต้องเก็บซ่อนลึกลับเช่นนี้เชียวรึ?

ในเวลานี้ หานแสก็เดินเข้ามาหา ดูจากท่าทางของแล้วก็คงจะหาไม่เจอเช่นเดียวกัน เขาลูบหน้าตัวเอง ไม่พูดสิ่งใด

“ถ้าหากหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่ที่นี่จริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าที่นี่มีช่องลับ” หลานเยาเยาวิเคราะห์

ตอนนี้สาเหตุที่หาหนังสือทำเนียบบรรพชนไม่พบก็มีความเป็นไปได้เพียงสองประการเท่านั้นก็คือถ้าเกิดเจี่ยนหมิงพูดเท็จ หรือภายในห้องนี้มีช่องลับอยู่ แต่นางคิดว่าอย่างสุดท้ายน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด

“ช่องลับ?”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท