หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 234 เรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่

บทที่ 234 เรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่

บทที่ 234 เรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่

โอ้เทพธิดา!

ขนาดเขายังต้องให้ความเคารพยำเกรง ลูกชายสุดเซ่อของเขาบ้าไปแล้วหรือ? คิดจะแต่งงานให้เทพธิดามาเป็นพระชายา

ยังดีที่สุดท้ายเรื่องนี้ก็เหมือนจะจบไปได้

แต่ทว่า!

คนอื่นคิดว่าจบไปแล้ว และหลานเยาเยาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้แล้ว แต่องค์ชายเก้าเป็นดั่งเช่นตังเมที่คอยตามติดนาง สะบัดเช่นไรก็สะบัดไม่หลุดเช่นนั้น

เพียงแค่รู้เบาะแสของนาง จะเหนือใต้ออกตกก็ตามหาไปทุกที่ทุกทาง

นี่ไม่……

เขายังเอาทั้งของอร่อยไข่มุกของมีค่ามากมายมาล่อนางอีกด้วย

“มาก็มาสิ! ส่งของกินมาให้ก็ได้แล้ว คนจะมาทำไม?”

จื่อเฟิง : “…….”

มองดูหลานเยาเยาที่กินไก่ย่างโดยไม่รักษาภาพพจน์ ไม่เหลือภาพตอนที่นางปรากฏตัวต่อหน้าประชาชนสักนิด ภาพลักษณ์ที่สุภาพเป็นที่สุดเช่นนั้น ท่าทีที่ไม่มีกิเลสต่อแสงสีบนโลกมนุษย์

จื่อเฟิงเข้าใจ นั่นเป็นเพราะความเชื่อใจอย่างหนึ่งที่มีต่อพวกเขา

มีเพียงขณะอยู่ต่อหน้าพวกเขา นางจึงจะได้ปลดความเสแสร้งทั้งหมดออกได้

“เช่นนั้นข้าน้อยก็จะไล่คนไปขอรับ!”

“อืม!” หลานเยาเยาพยักหน้า เห็นจื่อเฟิงกำลังออกไปจากประตูห้องแล้ว ก็รีบพูดอีกว่า “จำไว้ว่าให้เอาของกินอร่อยๆเก็บเอาไว้”

“……ขอรับ!”

จื่อเฟิงเซไปนิดหนึ่ง จนแทบจะล้ม

วันที่สอง

รูปหล่อสง่าผ่าเผย เมื่อองค์ชายเก้าที่สง่างามชื่อเสียงโด่งดังมาเยือนถึงที่อีกครั้ง หลานเยาเยาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง แต่จากนั้นก็โพล่งคำพูดที่หนักแน่นออกไปทันที :

“ไม่ว่าเจ้าเดินทางไปที่ใด ไม่ว่าตัวเจ้าจะอยู่แห่งหนใด ข้าก็จะหาเจ้าให้พบจนได้ แต่งงานให้เจ้าเป็นพระชายา”

……

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน

ประเทศก่วงส้า เมืองหลวง

เมื่อมีข่าวออกมาว่าเทพธิดาใกล้จะมาถึงเมืองหลวง ภายในเมืองหลวงก็มีครึกครื้นทันที ในชั่วพริบตาทุกซอกซอยน้อยใหญ่ ทั้งภายนอกและภายในเมืองหลวงก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความปลื้มปีติ

ภาพลักษณ์ของเทพธิดาชุดแดง แพร่สะพัดอย่างเหนือธรรมชาติมาเป็นเวลานานแล้ว

แต่ละคนล้วนตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของเทพธิดาอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาอยากยลโฉมอันน่าเคารพของเทพธิดา และเฝ้ารอคอยให้เทพธิดาให้ความสุขและโชคลาภแก่พวกเขา

ภายในพระราชวัง!

ฮ่องเต้กำลังหารืออยู่กับพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ขันทีผู้หนึ่งวิ่งเข้ามากลางราชสำนักด้วยสีหน้าปีติยินดี

คาดว่าน่าจะดีใจอย่างที่สุด วิ่งจนรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่งก็ยังไม่รู้เรื่อง เมื่อข้ามาในท้องพระตำหนักใหญ่ ก็คุกเข่าลงทันที ตะโกนเสียงดัง :

“ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ เรื่องน่ายินดี เรื่องน่ายินดีอันยิ่งใหญ่พะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้ที่กำลังปวดหัวเพราะเรื่องการปรากฏตัวของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์ในขณะนี้เก่าแต่กลับไม่เคยสืบหาพบ บรรดาเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็เพราะหารือเรื่องที่ตราราชลัญจกรที่ปรากฏตัวนั้นเป็นเรื่องเท็จจริงหรือไม่จนไม่ได้พักผ่อน

ทำให้บรรยากาศในราชสำนักเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด

และขันทีผู้นั้นก็บุ่มบ่ามบุกรุกเข้ามา ทั้งยังป่าวร้องเอะอะว่าเรื่องน่ายินดีอีก ทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วมาก

“ให้คนเข้ามา! เอาขันทีที่ไม่รู้จักกาลเทศะนี่ไปขังคุกให้ข้า”

ได้ยินดังนั้น!

ขันทีก็ตกใจหน้าซีดเผือดไปในพริบตา ในเวลานั้น “ตึ่งตึ่งตึ่ง” ก้มหัวโขกพื้น

“ฮ่องเต้โปรดทรงไว้ชีวิต ฮ่องเต้โปรดทรงไว้ชีวิต ข้าน้อยเกิดความดีใจเกินไปชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้ได้โปรดทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ”

เมื่อฮ่องเต้ได้ยิน เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องแน่?

ขณะนี้ราชครูใหญ่ไม่อยู่ที่พระราชวัง อ๋องเย่ก็ยังไม่กลับมาเมืองหลวง เพราะเรื่องตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า เขาปวดหัวจนนอนไม่ได้มาหลายคืนแล้ว

เรื่องน่ายินดีสักเรื่องก็ไม่มี เรื่องน่าปวดหัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นคนอื่นมีความสุข

“หึ! เรื่องน่ายินดี? เจ้าพูดมาสิ่ว่าเรื่องน่ายินดีมาได้เช่นไร หากเรื่องน่ายินดีที่เจ้าสุนัขรับใช้นี่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องน่ายินดี ข้าจะประหารชีวิตเจ้าทันที”

“ขอบพระทัยฮ่องเต้ เรื่องน่ายินดีที่ข้าน้อยจะพูดก็คือ เทพธิดามาถึงเมืองหลวงแล้วพะยะค่ะ”

นี่ยังไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอีกหรือ?

นี่คือเรื่องที่น่ายินดีอันใหญ่หลวงเชียวนะ!

ได้ยินดังนั้น!

ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือว่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากตกตะลึง จนดีใจ ถึงขั้นดีใจเป็นที่สุด

หลายปีนี้ เรื่องราวที่เทพธิดาอำนวยอวยพรให้แผ่นดินนี้เป็นสุข แทบจะไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้

และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการให้พรของเทพธิดา พวกเขาก็ให้คนไปตรวจสอบ ผลปรากฏว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

ตอนนี้เทพธิดาเดินทางมาเยือนถึงเมืองหลวง นี่แสดงให้เห็นว่า สองสามปีที่ผ่านมาที่ประเทศก่วงส้าที่อยู่ในช่วงขาลงกำลังจะกลับมาลุกขึ้นได้อีกครั้งแล้ว?

“เจ้าพูดให้ข้าฟังอีกรอบซิ้!”

ในน้ำเสียงนั้น อดกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ ฮ่องเต้มั่นใจมาก ว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง

เห็นท่าทีของฮ่องเต้ ขันทีก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองรอดพ้นไปได้

มุมปากเผยขึ้นทันที และรายงานเรื่องนี้อย่างตั้งใจ :

“กราบทูลฮ่องเต้ มีข่าวแพร่สะพัดในเมืองหลวงทั้งตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ เทพธิดากำลังจะมาถึงเมืองหลวงพะยะค่ะ”

เมื่อจบคำพูดนี้ สีหน้าของฮ่องเต้แสดงออกถึงความดีอกดีใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“ดี ดีดีดี นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่งจริงๆ เจ้ามีความชอบรายงานเรื่องที่น่ายินดี ข้ามอบรางวัลให้เจ้าหนึ่งพันเหรียญเงิน”

“ขอบพระทัยฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปี”

หลังจากที่ขันทีถอยไป ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้คนตระเตรียมเรื่องการต้อนรับเทพธิดา

ส่วนเรื่องของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่านั้น……

เหอะเหอะ!

มีเทพธิดาอยู่ ยังมีอะไรที่จะหาไม่พบอีกรึ?

หากว่าสามารถทำให้เทพธิดาอยู่ที่เมืองหลวงได้ตลอดไป เขายังจะต้องยำเกรงอ๋องเย่ที่มีอำนาจทั้งในราชสำนักและต่อประชาชนอีกหรือ?

ทางด้านหลานเยาเยา ได้ถึงนอกเมืองหลวงแล้ว

แต่นางไม่เลือกที่จะเข้าไปในเมืองหลวงเลยทันที แต่กลับคิดว่าจะรออีกสองสามวันค่อยเข้าไป

ไม่ว่าอย่างไร!

ตอนนี้นางก็มีชื่อเสียงและบารมีที่โด่งดัง แน่นอนว่าจะต้องยั่วให้ผู้คนเกิดความกระหายให้เต็มที่ซะก่อน

ทั้งนี้!

ยังใช้โอกาสสองสามวันนี้ในการเตรียมตัว ครั้งแรกที่เข้าเมืองหลวง แน่นอนว่าจะต้องเสแสร้งทำสวยหน่อย จะเจิดจรัสจนทำให้ตาสุนัขของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันบอดไปเลย

“จื่อเฟิง ไปโรงเตี๊ยมที่หานแสกำหนดไว้”

“ขอรับ!”

หลังจากที่ถึงประเทศก่วงส้า ทางที่มาเมืองหลวงเป็นทางที่หานแสกำหนดไว้ทั้งหมด

อย่างแรกคือทำให้คนอื่นไม่รู้เบาะแสการเดินทางของนาง อย่างที่สองคือรักษาความลึกลับไว้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเทพธิดาควรเดินทางไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอย เพียงแค่นางยิ่งลึกลับ ผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการก็จะยิ่งดีขึ้น

จื่อซีที่นั่งอยู่นอกรถม้ากับจื่อเฟิง ถามด้วยความสงสัยนิดหน่อยว่า :

“คุณหนู ครั้งนี้ท่านจะออกโรงในลักษณะท่าทีเช่นไรขอรับ?”

จุดนี้ เป็นสิ่งที่จื่อซีรอคอยเป็นอย่างมาก

เพราะว่า ทุกครั้งขณะที่นางปรากฏตัวในฐานะเทพธิดา เหาะเหินอยู่บนเมฆอะไรเอย ภูเขาถล่มเอย

โดยสรุปแล้ว มีเพียงแค่คิดไม่ถึง ไม่มีทำไม่ได้

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาได้กลิ่นของอาหารขึ้นมาทันใด ก็รูดม่านรถม้าขึ้น มองจื่อซีด้วยแววตาที่เปล่งประกายสุดๆ : “ซื้อไก่ย่างให้ข้าสิบไม้แล้วข้าจะบอกเจ้า”

จื่อซี : “……”

เขาไม่ต้องการ!

ทั้งๆที่คุณหนูร่ำรวยมากมาย กลับขี้งกเป็นที่สุด

นางยอมที่จะซื้อเสื้อผ้าด้วยเงินร้อยเหรียญเงินให้พวกเขา ยอมให้พวกเขากินอาหารอันโอชะ แต่ไม่ยอมให้แผ่นทองแดงกับพวกเขาแม้สักอัน

บางครั้งถึงขั้นยังเอาเหรียญเงินของพวกเขาด้วย

ยังพูดอีกว่า สามารถเอามาได้สักนิดก็ยังดี

ทันใดนั้น!

“ส่าส่าส่า……”

“ส่าส่าส่า……”

ดั่งเสียงลมที่พัดโชยใบไม้ดังขึ้น กลับทำให้จื่อซีและจื่อเฟิงกล่าวออกมาพร้อมกันอย่างน่าแปลก :

“กลิ่นไอการฆ่า!”

หลานเยาเยาเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง ใช้มือปิดม่านลงไปอย่างเงียบเงียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา

“เห้อ คนน้า! มีชื่อเสียงเกินไปก็ไม่ดี เดินทางไปทางไหนก็คึกคักไปหมด ทำให้คนปวดประสาทมากๆ

ดูแล้วข้าจำเป็นจะต้องเรียนรู้จากพวกดาราดังพวกนั้นบ้าง คราวหลังจะออกเดินทาง จะต้องเตรียมอาวุธให้ครบมือ”

ดูแล้วหนทางที่หานแสเลือกก็ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไปนะเนี๊ย!

จื่อเฟิง : “……” ดึงบังเหียนรถม้าขึ้นจนมือสั่นไปนิดหนึ่ง

จื่อซี : “……” คุณหนูเริ่มหลงตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว

ในไม่ช้า!

สิบกว่าคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี นักฆ่าที่แต่งกายในชุดยามราตรี ปรากฏตัวอยู่ทั้งสองฝั่งรถม้าของพวกเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงสังหารเพ่งมองมาที่พวกเขา

“ฮู่…….”

จื่อเฟิงหยุดรถม้า ลำแขนเรียวยาวจับดาบพกด้ามยาวเอาไว้

ทั้งสองฝั่งจ้องมองกันหนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที……

“ชิ้งชิ้งชิ้ง……”

ทั้งสองฝ่ายชักดาบออกมาพร้อมกัน สถานการณ์คับขัน เตรียมพร้อมประจันหน้ากัน จากนั้นจื่อซีและจื่อเฟิงก็มองดูนักฆ่าพวกนั้นพุ่งไปทางด้านหน้าเช่นนั้น

“นี่ นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?” จื่อซีงงเป็นไก่ตาแตก

ต่อไปไม่ควรจะเป็นสงครามที่น่ากลัวหรอกหรือ?

ทำไมพวกเขาถึงได้จากไปแล้ว?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท