หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 243 สูญเสียกำลังภายในไปกว่าครึ่ง

บทที่ 243 สูญเสียกำลังภายในไปกว่าครึ่ง

บทที่ 243 สูญเสียกำลังภายในไปกว่าครึ่ง

“ดูนู้นเร็ว มาแล้วๆ”

ทว่า!

ทุกๆคนก็ต่างถูกหลอกตา เพราะที่ประตูทางเข้าวังไม่มีแม้แต่เงาของเทพธิดา

เป็นเพราะหมอกหนาเกินไปงั้นรึ?

หรือว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะมองไม่เห็น?

ทุกคนตกอยู่ในความงุนงง ทันใดนั้นในฝูงชนก็เริ่มเจี๊ยวจ๊าว ไม่รู้ว่าผู้ใดพูดออกมาว่า “บนกำแพงเมือง” ในขณะเดียวกัน ผู้คนต่างก็มองไปบนกำแพงเมือง

ณ บนกำแพงเมือง แสงสลัวท่ามกลางหมอกควัน ก็มีรถม้าแสนสวยอันโอ่อ่าที่น่าหลงใหล เหาะลงมาจากบนกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกเหมือนดั่งว่าเหาะลงมาจากฟากฟ้ายังไงยังงั้น ทำเอาผู้คนต่างอ้าปากค้างไปโดยปริยาย……

รถม้าถูกล้อมรอบด้วยผ้าโปร่งแสงสีแดงอยู่รอบคันรถ พวกมันพลิ้วไสวไปกับสายลมดั่งมนต์มายาท่ามกลางสายหมอก

ในส่วนของผู้ควบคุมม้าบนรถม้านั้น เป็นชายหนุ่มสองคนสวมหน้ากากปกปิดครึ่งใบหน้า พวกเขาทั้งคู่ใส่ชุดสีเดียวกัน แต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทำเอาผู้คนที่มองอยู่รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของพวกเขาในทันที ยังไงก็ไม่ธรรมดาแน่ๆ

ไร้สาระ!

เป็นถึงคนข้างกายของเทพธิดา จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกัน?

มันทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอกันยิ่งกว่าเดิม

ว่าเทพธิดาจะมีรูปลักษณ์อย่างไร?

ไม่นานนักรถม้าสีแดงก็จอดลงบนพื้น หมอกควันโดยรอบค่อยๆฟุ้งกระจาย……

ดุจดั่งภาพในความฝัน ทำเอาผู้คนต่างตื่นเต้นแทบจะรอไม่ไหว พวกเขาต่างเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆว่าเทพธิดานั้นมาประทานพรจริงๆ เช่นนั้นหลายคนจึงเริ่มก้มหน้าก้มตานมัสการไปตามๆกัน

“เทพธิดาทรงเสด็จ เทพธิดาทรงเสด็จ เทพธิดาทรงเสด็จ…”

แต่ว่า!

หลานเยาเยาที่นั่งอยู่บนรถม้า ได้มีใบหน้าที่ผิดรูปไป

คิดว่าการสร้างภาพให้มีมนต์ขลังมันง่ายงั้นรึ?

คิดว่ารถม้ามันเหาะได้จริงๆงั้นสิ?

บ้าบอ!

ในขณะที่อยู่นอกกำแพงเมือง หลานเยาเยาได้ใช้หลักการโยกคันเร่ง โดยให้ตาแก่ยิงตัวรถม้าข้ามกำแพงเมืองมา แล้วให้จื่อซีกับจื่อเฟิงใช้กำลังภายในพยุงรถม้าเอาไว้ ถึงได้จอดลงบนพื้นอย่างราบรื่น

เพียงแต่……

ในขณะที่รถม้ากำลังจะลงจอดนั้น ก็ได้ทำให้นางกระเด้งกระดอน ส่วนต่างๆภายในร่างกายขยับเขยื้อนเล็กน้อย นางปิดปากสนิทมิให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา จะได้ไม่เป็นพิรุธ

คิดว่าเป็นนางมันง่ายไหมล่ะ?

แต่เพื่อให้สิ่งต่างๆออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ นางจึงได้ทุ่มอย่างสุดตัว

เช่นนั้น!

อย่ามองที่ภาพพจน์อันเปล่งประกายงดงามของนาง รวมไปถึงการยกย่องของคนนับหมื่น แต่ดูแค่เบื้องหลัง ความโศกเศร้าและความทุ่มเทของนางจะมีผู้ใดรับรู้ได้?

“ขอประทานอภัย ด้านในรถม้านั้นเป็นเทพธิดาใช่หรือไม่?” เสียงใสดั่งหินหยกดังเข้ามา

หลานเยาเยาเลิกคิ้วขึ้น

นางรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างมาก นอกจากรัชทายาทเย่หลีเฉินแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้อีก?

“ใช่แล้ว!”

คนที่ตอบเขาก็คือจื่อซี

“สามารถเผยรูปลักษณ์แก่ประชาราษฎร์ได้หรือไม่? ในวันข้างหน้าหากเทพธิดาออกมาเที่ยวเล่น เกรงว่าราษฎรแห่งประเทศก่วงส้าจักละเลยเทพธิดาเอาได้”

อย่าว่าแต่พวกคนธรรมดา เย่หลีเฉินเองก็อยากจะเห็นรูปลักษณ์อันแท้จริงของเทพธิดามากเหมือนกัน

เขาพูดเช่นนี้ก็มีจุดประสงค์แฝงอยู่

ประการแรกคือ เทพธิดาที่พวกเขามารับเป็นเทพธิดาตัวจริง มิใช่เป็นผู้ใดแอบแฝงมา

ประการที่สอง คือเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง

ในประเทศอื่น ที่เทพธิดาเคยไปปรากฏตัว ผู้คนต่างขอให้จิตรกรวาดภาพร่างของเทพธิดาออกมา และบูชาอย่างเทพเจ้า

ถึงแม้ว่าเทพธิดาจะไม่เคยมายังประเทศก่วงส้า แต่พวกเขาก็เคยเห็นภาพร่างกันมาก่อนแล้ว

ก่อนจะมาต้อนรับเทพธิดา ในมือของพวกเขาต่างมีภาพร่าง จดจำคนในภาพได้อย่างขึ้นใจ จึงสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงได้

จื่อซีเผยสีหน้าไม่พอใจ

จากนั้นก็หันศีรษะเล็กน้อย พลางถามผ่านผ้าโปร่งแสงสีแดงว่า: “คุณหนู?”

“ไม่เป็นไร องค์รัชทายาทกำลังสงสัยในตัวตนของข้า เผยโฉมเสียหน่อยจะเป็นกระไรไป?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

เย่หลีเฉินก็รู้สึกอึดอัดใจ

เขาไม่คิดว่าเทพธิดาจะพูดความคิดของเขาออกมาดื้อๆเช่นนี้

ทั้งยังรู้ด้วยว่าเขานั้นเป็นรัชทายาท

ทุกคนไม่ได้คิดว่าที่เทพธิดาพูดออกมาจะจริงหรือเท็จ เพียงได้ยินเทพธิดาพูดออกปากมาด้วยตัวเอง พวกเขาก็ยิ่งเชื่อกันเข้าไปใหญ่ ว่าเทพธิดาที่พวกเขากำลังมองอยู่นั้นเป็นเทพธิดาตัวจริง จริงแท้อย่างแน่นอน

ส่วนรัชทายาทนั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดสิ่งใดออกมา แต่ในใจลึกๆก็รู้สึก ว่าการกระทำของพระองค์เป็นการดูหมิ่นเทพธิดา

เช่นนั้น!

สายตาของทุกๆคนจึงแปรเปลี่ยนไป

“อะแฮ่มๆ…”

เย่หลีเฉินยิ่งอึดอัดใจเข้าไปใหญ่

สาบานกับตัวเองเลยว่า ต่อจากนี้ไปเรื่องพวกนี้ จะให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้มาถาม เช่นนี้ก็จะไม่เป็นการเสียหน้าอีก

แต่ว่า การถามของรัชทายาท ก็ไม่ได้มีผลอันใดต่อแรงปรารถนาของพวกเขา ที่อยากจะเห็นรูปลักษณ์อันแท้จริงของเทพธิดา

จากนั้นผ้าโปร่งแสงสีแดงก็ถูกเปิดออก หลานเยาเยาในชุดสีแดงฉานปรากฏกายต่อหน้าทุกๆคน

ผมยาวสีดำขลับอันเงางาม สยายพลิ้วไหวอย่างเป็นธรรมชาติ……

คนทั้งเมืองต่างหลงใหลไปกับใบหน้าอันงดงาม ดั่งดอกไม้ผลิบานที่ดึงดูดสายตา……

อีกทั้งยังมีเนื้อหนังมังสาที่เปล่งปลั่งดั่งผิวหยก……

เพียบพร้อมด้วยเสน่ห์อันสูงส่งของเรือนร่างนั้น………

“ว้าว……”

ทุกคนต่างตกตะลึงกับใบหน้านวลลออ ที่มิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้ของหลานเยาเยา

มีเพียงเทพธิดาผู้เดียวเท่านั้นที่ครอบครองความงามเช่นนี้อยู่บนโลก

เย่หลีเฉินอดไม่ได้ที่จะมึนงงเล็กน้อย

ไม่คิดว่า……เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือโลกหล้ายังมียอดคน!

เขาเคยคิดว่า ถังมู่หวั่นผู้งดงามเป็นที่หนึ่งในเมืองหลวง คือหญิงสาวที่สวยที่สุดในปฐพี

แต่หลานเยาเยาที่คิดมาตลอดว่าเป็นคนน่าเกลียดที่สุด เมื่อได้เติมแต่งแล้ว ดันสวยกว่าถังมู่หวั่นเป็นไหนๆ

และในเพลานี้……

เทพธิดาองค์นี้ ความงามของนางก็ทำให้ทั้งโลกได้ตกตะลึง……

“ไปกันเถอะ!”

เสียงไพเราะละมุนละไมของหลานเยาเยาดังขึ้นเรียบๆ เย่หลีเฉินจึงได้สติ

จากนั้นก็รีบสั่งจัดการเปิดทาง ให้เทพธิดานำไป

ท่ามกลางแววตาของคนนับหมื่น รถม้าของเทพธิดาก็ค่อยๆเคลื่อนไปทางพระราชวัง

ริมถนน ภายในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร มีชายสองคนกำลังนั่งดื่มกันอยู่ริมหน้าต่าง คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ดูอ่อนโยน อีกคนสวมเสื้อคลุมสีดำงามสง่าดั่งทวยเทพ

“เป็นนางงั้นรึ?!”

ชายชุดดำที่เหมือนดั่งทวยเทพ จริงๆแล้วก็คืออ๋องเย่แจ๋หยิ่งผู้ทรงอำนาจ ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามกับเขา ก็คือเซียวจิ่นหยูผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าพระยาซื่อสัตย์

“เจ้ารู้จักนางรึ?”

เสียงละมุนดังขึ้น เซียวจิ่นหยูอดไม่ได้ที่จะสงสัย

นางผู้นี้ ชี้ไปที่เทพธิดา

เย่แจ๋หยิ่ง “อือ” ออกมาเรียบๆ

มากกว่าแค่รู้จัก?

หวนนึกถึงการพบกันครั้งแรกเมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าเทพธิดา ได้ล้มลงมาตรงหน้าเขา ทั้งผลไม้และติ่มซำต่างหกหล่นลงมาจากอ้อมแขน กระจัดกระจายไปทั่ว……

ท่าทีแบบนั้นช่างดูน่ารัก……

น่ารักรึ?

เมื่อนึกถึงคำสองคำนี้ เย่แจ๋หยิ่งก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

เมื่อเห็นเซียวจิ่นหยู กลับขมวดคิ้วและพูดอย่างคลุมเครือว่า: “เจ้าคงจะดูไม่ออก ว่าดวงตาของนางนั้นเหมือนคนคนหนึ่ง”

“ผู้ใดรึ?”

“หลานเยาเยาไง!” เซียวจิ่นหยู่จ้องไปยังดวงตาที่เย็นชาของเย่แจ๋หยิ่งพลางพูดว่า

“หลานเยาเยา? อ่า หลานเยาเยาอีกแล้วสินะ” แววตาของเย่แจ๋หยิ่งปรากฏความหงุดหงิดออกมา

หลานเยาเยาคนนั้นเป็นผู้ใดกันแน่?

เหตุใดคนที่เขารู้สึกไม่ประทับใจ เย่หลีเฉินและเซียวจิ่นหยูถึงได้สนใจมากถึงเพียงนี้?

“นางเป็นพระชายาของเจ้า ที่เจ้าเคย……”

“พอละ เซียวจิ่นหยู ในเมื่อนางเป็นพระชายาของข้า เจ้าจะสนใจนางมากมายไปใย? หรือว่าเจ้าก็ชื่นชมพระชายาของข้าด้วยเช่นกัน?”

เสียงดัง “ปัง”

เย่แจ๋หยิ่งกระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ขัดจังหวะของเซียวจิ่นหยู

“ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะลืมไปแล้วจริงๆ”

น้ำเสียงของเซียวจิ่นหยูมีความสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก

ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่า สาเหตุที่เย่แจ๋หยิ่งลืมหลานเยาเยาได้ ก็เพราะว่าคนคนนั้นกลับมา เขาจึงจงใจทำเป็นลืม และให้หลานเยาเยาแกล้งตาย

แต่ว่า……

ดูเหมือนในเพลานี้ หลานเยาเยาจะตายจากไปแล้วจริงๆ

จากที่พยายามมานับครั้งไม่ถ้วน สิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อ มันก็ดันกลายเป็นความจริง

ในใจไม่สามารถยับยั้งความกระอักกระอ่วนได้

“ก็เป็นแค่หญิงสาวผู้หนึ่ง ลืมไปแล้วก็ลืมไปเถอะ” เรื่องที่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจ เย่แจ๋หยิ่งก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องเอามาพูดซ้ำๆ

สุดท้าย……ก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่ตายจากไป

เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งเงียบไป เซียวจิ่นหยูก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของหลานเยาเยาอีก

จากนั้นก็ถามขึ้น: “ได้ยินโม่เหลียงเฉินบอกว่า เจ้าสูญเสียกำลังภายในไปกว่าครึ่ง และในเพลานี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้งั้นรึ?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท