หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 247 การพบปะครั้งที่ 3

บทที่ 247 การพบปะครั้งที่ 3

บทที่ 247 การพบปะครั้งที่ 3

แม่เจ้า!

ในเพลานี้นางก็รู้สึกอับอายไปกับฮ่องเต้ด้วยแล้วเหมือนกัน

ครู่หนึ่ง!

บรรยากาศอันน่าอึดอัดยังคงอบอวลอยู่ หลานเยาเยาจึงไอค่อกแค่กเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเรียบๆว่า:

“ในเมื่อที่จวนของใต้เท้าเฉียนมีคำให้การของพยานอยู่มากมาย ก็คงต้องขอให้ใต้เท้าเฉียนกลับไปที่จวน แล้วเอาทั้งหมดนั้นมาดูเสียหน่อย บางทีอาจจะเจอเบาะแสบางอย่างในนั้นก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

เฉียนตุ้นก็เงยหน้ามองฮ่องเต้ เพื่อรอคำอนุญาตของฮ่องเต้ เขาจะได้กล้าไปเอาคำให้การมา!

มีคนปัดเป่าความอึดอัดไปแล้ว

ใบหน้าของฮ่องเต้มีสีสันขึ้นมาอย่างชัดเจน

ตราบใดที่เป็นประโยชน์ต่อการค้นพบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า เขาก็ต้องตอบรับอยู่แล้ว

ที่ยิ่งไปกว่านั้น!

ความต้องการของเทพธิดา ก็คือสิ่งที่พระองค์อยากจะพูด

“อือ ข้าอนุมัติ”

เมื่อฮ่องเต้อนุญาตแล้ว เฉียนตุ้นก็ลุกขึ้นกำลังจะถอนตัวออกไป

ผู้ใดจะรู้ได้ว่า……

น้ำเสียงอันเย็นชาของฮ่องเต้จะดังขึ้นอีกครั้ง

“ให้สิงปู้ช่างชูนำคนไปเอามา”(สิงปู้ช่างชู คือเสนาบดีกรมอาญาสมัยโบราณ)

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หน้าของเฉียนตุ้นก็ซีดเผือก หลังจากมีเสียง “ขอรับ” ดังขึ้นเบาๆ จากนั้นก็คุกเข่าลงอีกครั้ง

อันที่จริง จะให้ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่กลับไปเอาเอง หรือจะส่งคนติดตามไปยังจวนของเฉียนส้าวชิง แล้วเอาเหล่าคำให้การเหล่านั้นกลับมาก็ได้

แต่ฮ่องเต้ดันตั้งใจส่งสิงปู้ช่างชูไปแทน

นั่นก็แสดงว่า ฮ่องเต้ไม่เชื่อในตัวเฉียนตุ้นอีกต่อไป ถึงได้ให้สิงปู้ช่างชูไปค้นจวนของเขาแทน

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

คนที่ไปจวนของเฉียนส้าวชิงก็กลับมา แต่ว่าคนที่กลับมามิใช่สิงปู้ช่างชู แต่เป็นองครักษ์คนหนึ่ง เขาถวายจดหมายที่ถืออยู่ในมือแก่ฮ่องเต้

ฮ่องเต้ที่มีสีหน้านิ่งเฉย เมื่อได้เห็นเนื้อหาด้านในจดหมาย สีหน้าก็ซีดลงในพริบตา เส้นเลือดสีเขียวตรงลำคอก็พาลปูดขึ้นมาด้วย

หลังจากพระองค์จ้องไปที่เฉียนตุ้น ก็เอ่ยด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกในทันที:

“กระจายคำสั่งของข้า ให้สิงปู้ช่างชูค้นจวนทั้งข้างนอกและข้างในของเฉียนส้าวชิงให้ทั่ว”

“ขอรับ!”

หลังจากองครักษ์ได้รับคำสั่ง ก็รีบออกจากพระตำหนักกระดิ่งทองไปอย่างรวดเร็ว

รอยยิ้มที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ปรากฏขึ้นในแววตาของหลานเยาเยา

“อา……”

นางเหมือนเหนื่อยล้าที่จะยืน จึงได้นั่งลงอีกครั้ง

หลังจากนั้นสองชั่วสาม ยามบ่ายก็มาถึง สิงปู้ช่างชูนำเหล่าองครักษ์ทั้งหลายเข้ามายังพระตำหนักกระดิ่งทองอย่างรีบร้อน

แน่นอนล่ะ

ว่าองครักษ์จะเข้ามาได้ ก็เพราะมีสิ่งของอยู่ในมือกัน

สิงปู้ช่างชูคุกเข่าลงบนพื้น สองมือยกกล่องถวาย ไม่รู้เลยว่าในแววตานั้นคือตกใจหรือดีใจกันแน่

“ฮ่องเต้ ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้ค้นจวนของเฉียนส้าวชิง จึงได้ค้นพบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าพระพุทธเจ้าข้า!”

“พรึบ……”

เหล่าข้าราชบริพารต่างปั่นป่วน

พวกเขาคงไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่?

ว่าสิ่งที่สิงปู้ช่างชูพูดคือตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าจริงๆ?

อีกทั้งยังมาจากในจวนของส้าวชิงจากศาลต้าหลี่ นี่มันชักจะเหลือเชื่อไปแล้วกระมัง?

“กระ กระไรนะ?”

ฮ่องเต้เองก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เขารีบไปยืนอยู่ข้างขันทีที่กำลังไปเอามาให้ ในขณะที่ขันทีนำกล่องในมือของสิงปู้ช่างชูถือมาตรงหน้าพระองค์ ใจของพระองค์ก็สั่นเล็กน้อย

เป็นตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าจริงๆงั้นรึ?

หลังจากจ้องมองกล่องนั้นอยู่พักใหญ่ ฮ่องเต้ก็ยื่นมือไปเปิดกล่องออก

เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน มันคือตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าที่พระองค์เสาะหามานานกว่าสิบปีจริงๆ พระองค์ไม่รู้เลยว่าควรจะมีความรู้สึกอย่างไร

ขณะนั้น อารมณ์แสนซับซ้อนและไม่ชัดเจนก็ปรากฏ

ไม่นานนัก พระองค์ก็หัวเราะเสียงต่ำขึ้นมาอย่างเยือกเย็น

“หึหึหึ……”

สิ่งที่พระองค์แสวงหามาเนิ่นนานหลายปี ที่แท้ก็อยู่ในจวนของขุนนางที่เมตตาและเชื่อใจที่สุดนี่เอง ทั้งยังเป็นคนที่พระองค์สนับสนุนมากับมืออีกด้วย

น่าขัน……

น่าขันสิ้นดี!

หลังจากพระองค์หัวเราะเสียงต่ำอย่างเยือกเย็น สิงปู้ช่างชูก็ให้เหล่าองครักษ์วางของในมือ แล้วให้พวกเขาออกไป

“ฮ่องเต้……”

สิงปู้ช่างชูยังไม่ทันพูดจบ ฮ่องเต้ก็ยกมือขึ้นหยุดเขา

“มิต้องกล่าวสิ่งใด บอกข้ามาเลย ว่าพบมาจากในจวนของเฉียนส้าวชิงจริงๆงั้นรึ?” ความผิดใดๆ ก็ไม่ร้ายแรงไปกว่าความผิดในการซ่อนตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าไว้กับตัว

แค่ความผิดในการซ่อนตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าไว้กับตัว ก็เพียงพอที่จะให้จวนของเฉียวส้าวชิงโดนประหารไปทั้งชั่วโคตร

“ฮ่องเต้ขอรับ จดหมายและของกลางเหล่านี้ถูกพบในห้องมืดของห้องนอน ณ จวนของเฉียวส้าวชิงขอรับ”

“เช่นนั้นตราหยกแห่งราชวงศ์เก่ามาจากที่ใดกัน?”

“……อยู่ในห้องมืดของห้องมืดอีกทีขอรับ”

ในห้องมืดของห้องมืด

ซ่อนไว้ลึกถึงเพียงนั้น!

“ออกไปเสียไป!”

“ขอรับ!”

หลังจากที่สิงปู้ช่างชูถอยออกไป ฮ่องเต้มองไปทางเฉียนตุ้นพลางถามอย่างเยือกเย็น: “เจ้ามีสิ่งใดจะพูดอีกไหม?”

เฉียนตุ้นที่ปวกเปียกอยู่บนพื้นมานาน ตั้งแต่ตอนที่ฮ่องเต้สั่งให้ค้นจวนแล้ว เขาก็รู้เลยว่าซวยแน่ๆ

เพียงแต่ สายตาของเขาจับจ้องไปยังกล่องที่มีตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าอย่างไม่ละสายตา

เหตุใดถึงได้มีตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าล่ะ?

เหตุใดการที่เขาแสวงหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่ามานานหลายปี กลับดันมาโผล่ที่จวนของตน ทั้งยังอยู่ในห้องมืดอีก?

ดูเหมือนว่าเขาจะได้สติในพริบตา และรีบกราบลงพื้นในทันที

“ปรักปรำ ฮ่องเต้ ข้าน้อยโดนปรักปรำ……”

“ปรักปรำเช่นนั้นรึ?” ฮ่องเต้ยิ้มอย่างขื่นขม พลางจ้องมองเขา และวินาทีนั้น ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป หยิบจดหมายที่องครักษ์ถวายมาก่อนหน้านี้ โยนไปทางเขาในทันที

“พวกนี้คือจดหมายที่เจ้าเคยแอบติดต่อกับราชครูแห่งราชวงศ์เก่าไง อ่านเอาแล้วกัน!”

จดหมายอันเบาบาง ที่เปิดผนึกได้แยกตัวออกมา กระจัดกระจายไปทั่วโดยที่ยังไม่ทันถึงด้านหน้าของเฉียนตุ้น

เฉียนตุ้นรีบคลานเข่าไปข้างหน้า คว้าจดหมายมาอ่าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งเสียวสันหลัง…

ซวยแล้ว!

ซวยแล้วจริงๆ!

จดหมายพวกนี้มีอยู่ตั้งแต่ก่อนที่ราชวงศ์เก่าจะพินาศไป เป็นจดหมายการติดต่อของเขากับราชครูแห่งราชวงศ์เก่า

ในตอนนั้น เขาเป็นเพียงขุนนางชั้นผู้น้อย ถูกส่งไปประจำการอยู่ในท้องถิ่น บังเอิญโชคดี ได้รับความเมตตาจากราชครู ราชครูจึงเลื่อนตำแหน่งให้เขา

หลังจากนั้นมาเขาก็ติดตามราชครูมาโดยตลอด

หลังจากราชวงศ์เก่าพินาศไป ราชครูก็ทิ้งจดหมายไว้ให้เขาหนึ่งฉบับ ให้เขาทำเป็นซื่อบื้อเมื่ออยู่เคียงข้างฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และให้ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้…

จดหมายพวกนี้ เหตุที่เขาไม่ทำลายมันทิ้งไป ก็เผื่อว่าวันหนึ่งราชครูจะกลับมา หากราชครูจำเขาไม่ได้ เขาก็จะใช้จดหมายเหล่านี้เป็นตัวยืนยัน

ทว่า!

ราชครูแห่งราชวงศ์เก่าได้กลับมาแล้ว

และราชครูก็ไม่ได้ลืมเขา แต่เขากลับลืมทำลายจดหมายเหล่านี้ทิ้ง……

ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นหายนะแก่ตนเอง

เขาอ่านแล้วอ่านเล่า สุดท้ายน้ำตาก็ไหลรินออกมา

“ทหาร มาเอาเฉียนตุ้นมันไปขัง แล้วสอบสวนมันให้ละเอียด”

ฮ่องเต้มองดูขุนนางที่เคยเมตตาอย่างไร้ความปราณี ไส้ศึกของราชวงศ์เก่าในวันนี้ ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ฮ่องเต้…”

ปล่อยจดหมายในมือทิ้ง เฉียนตุ้นร้องเรียกฮ่องเต้ด้วยเสียงแหบแห้ง

เขายังคงคิดว่าตนเองนั้นถูกปรักปรำ

มีคนจงใจป้ายสีเขา จริงๆแล้วเขาไม่รู้เลยว่าตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าไปอยู่ในห้องมืดได้อย่างไร

แต่เขาก็รู้ว่า

เพลานี้จะพูดสิ่งใดออกไปมันก็เท่านั้น!

และแล้ว!

เขาก็ลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซ จู่ๆเขาก็กระแทกเข้ากับเสาหินเคลือบสีแดงในโถงนั้น

“ตุ๊บ……”

เฉียนตุ้นล้มลงทันใด ทั้งเสาหินและพื้นต่างโชกไปด้วยเลือด

ฮ่องเต้จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ จากนั้นก็สั่งให้ขุนพลนายหนึ่งไปดูว่าเฉียนตุ้นตายรึยัง

ขุนพลด้านหน้า ก็มองอยู่อึดใจหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า

“ฮ่องเต้ เฉียนส้าวชิงสิ้นแล้วขอรับ!”

“รู้ล่ะ!” แค่นี้ก็ตายเสียแล้ว กากอะไรขนาดนี้

แต่ว่า!

เรื่องมันยังไม่จบ ฮ่องเต้ทอดสายตาไปทางหลานเฉินมู๋ด้วยความสงสัย ก็เห็นว่าหลานเฉินมู๋นั้นเหงื่อท่วมไปทั่วร่าง

จากนั้นหลานเฉินมู๋ก็แสดงความภักดีของตนอีกครั้ง พูดว่าตนมิได้รู้เห็นอันใดในเรื่องนี้เลยแม่แต่น้อย

แต่ฮ่องเต้ก็ได้ส่งคนไปตรวจค้นจวนแม่ทัพอย่างไม่ลังเล…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท