บทที่ 252 เข้าห้องหญิงสาวในตอนค่ำ
หลานเยาเยายืดตัวตรง จากนั้นก็เดินไปทางตู้เสื้อผ้า ถอดชุดยามราตรีออกด้วยความรวดเร็ว โดยที่ไม่คิดเลยสักนิดว่าการทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้ชายนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
ยังไงซะข้างในก็ยังมีเสื้อผ้าอยู่
นางไม่ได้เปลือยสักหน่อย
นางจะกลัวอะไร?
“แน่นอน! ข้าต้องดีใจเป็นธรรมดา”
หานแสก็ดูเหมือนว่าจะไม่คิดอะไร
สองปีก่อน ตอนที่หลานเยาเยาอยู่ที่เรือแห่งความสิ้นหวัง เขาก็ไปก่อกวนนางทุกคืน แม้ตอนที่นางใส่ชุดนอนก็เห็นมาแล้ว
ตอนนี้เรื่องนี้จะไปถืออะไร?
“เช่นนั้นเจ้าของเรือมาในเวลาดึกดื่นมีปัญหาอะไรหรือ?”
หลังจากที่ถอดชุดยามราตรีแล้ว นางก็สวมใส่ชุดสีแดงเลือดที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพธิดาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าชุดนี้ นางก็รู้สึกว่าตัวเองมีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากขึ้นในพริบตา!
คนก็ต้องพึ่งเสื้อผ้าจริงๆ!
“ไม่มีปัญหา ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว ดังนั้นจึงมาพบเจ้า”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยามุมปากกระตุก
คิดถึงบ้าอะไรล่ะ!
คาดว่าคงจะมาเพราะเรื่องของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าล่ะสิ!
อย่างไรเสีย กำจัดคนสนิทของราชครู ก็เป็นเรื่องของส้าวชิงจากศาลต้าหลี่เฉียนตุ้น นางไม่ได้หารือกับหานแสมาก่อน แต่เพียงแค่บอกเขา ให้เขากระจายข่าวเรื่องการปรากฏตัวของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าเท่านั้น
สำหรับ……
นางรู้ว่าภายนอกแล้วเฉียนตุ้นเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ แต่เบื้องหลังกลับเป็นคนที่ราชครูของราชวงศ์เก่าให้มาเป็นหูเป็นตาในเรื่องนี้
รวมถึงรู้เรื่องจดหมายที่เฉียนตุ้นและราชครูของราชวงศ์เก่าติดต่อกัน
ทั้งยังรู้ว่าเฉียนตุ้นก็กำลังสืบหาเบาะแสของตราราชลัญจกรแห่งราชวงศ์เก่าอยู่อย่างลับๆ
เรื่องเหล่านี้ได้มาผ่านคนคนสอดแนมของนางเองที่ได้ไปตรวจสอบมา
ดังนั้นนางจึงได้วางแผน ผ่านการยืมมือของหลานเฉินมู๋ฆ่าคน
และเหล่านี้ นางได้เคยได้ปริปากพูดต่อเขาสักคำ
ดังนั้น!
คืนนี้หานแสจะ เป็นตามที่นางคาด
“เช่นนั้นก็เป็นเกียรติมากจริงๆ ที่เจ้าของเรือต้องมาลำบากคิดถึง”
ในเมื่อหานแสไม่เริ่มพูดก่อน เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องไปอธิบายอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหากนางเริ่มพูดก่อน ก็จะตกเป็นเบี้ยล่าง
“หึ!”
หานแสหึออกมาเสียงหนึ่งด้วยความเยือกเย็น แววตาเข้มขรึม ดับเทียนที่เพิ่งจุดขึ้นไม่นานด้วยมือเปล่า จากนั้น “ฉึบ” เสียงหนึ่ง เทียนอีกเล่มหนึ่งบนเชิงเทียนก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นเสียงที่มีเสน่ห์ชั่วร้ายของเขาก็ดังขึ้น :
“เจ้าดู เทียนที่อยู่บนเชิงเทียนเหมือนกัน เพียงแค่ข้าชอบ ก็สามารถจุดมันได้ และสามารถดับมันได้
เยาเยา เจ้าอย่าทำเหมือนเทียนเล่มนั้นที่ไม่เหมือนกัน ถึงเวลานั้น ถึงข้าจะทำใจไม่ได้เช่นไร ก็ต้องลงมืออยู่ดี”
จากคำพูดของหานแส
หลานเยาเยารู้ว่า เขารู้เรื่องที่นางมีกองกำลังของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเตือนนาง จากนี้ไปทำเรื่องอะไรต้องบอกให้เขารู้ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้!
หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างแพรวพราว
“ได้ได้ได้ ข้ารู้แล้ว” แต่นางทำไม่ได้! แล้วนางก็ไม่ใช่คนหัวโบราณเช่นนั้นด้วย
ไม่เช่นนั้น ภายในเวลาสองปีที่อยู่ภายนอก นางจะสามารถไปคบหาสมาคมกับคนตั้งมากมายได้เช่นไร ทั้งยังยินยอมให้ตาแก่สร้างสำนักหงอีให้นางอีก?
แม้ว่าการเป็นเจ้าสำนักสำนักหงอีของนางเป็นไปอย่างน่าอนาถจนทนดูไม่ได้ แต่นั่นก็เป็นกองกำลังของนางนะ!
ดังนั้น!
นางต้องการกองกำลังของตัวเอง
นางไม่อยากพึ่งพาอาศัยคนอื่น
เช่นนี้ทำเรื่องขึ้นมา นางก็จะได้ไม่ต้องพะวงใจเรื่องข้างหลัง
หลังจากที่ได้ยินคำของนาง หานแสกลับใช้สีหน้าที่ไม่เข้าใจมองดูนาง
เงียบไปสักพัก จึงได้พูดเบาเบา :
“ตอนนี้ความเป็นไปภายในเมืองหลวงซับซ้อน ราชครูก็จะกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว ตอนนี้เจ้าก็มีเพียงผู้ช่วยสองคน เกรงว่าจะไม่เพียงพอ พรุ่งนี้ข้าจะส่งอีกสองคนมาช่วยเจ้า”
ก็รู้ว่าจะต้องเป็นเช่นนี้
หานแสไม่เปิดโปงเรื่องที่นางเลี้ยงกองกำลังเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อจะได้จัดหาคนให้นางในตอนนี้
นางจะชี้แจงอะไรได้อีก?
อะไรก็ไม่สามารถพูดได้!
แต่ว่า……
“ได้สิ! เจ้าของเรือท่านไม่บอก ข้าก็จะต้องขอจากท่าน! ข้าสามารถเลือกคนเองได้หรือไม่?”
แทนที่จะให้เขาจัดเตรียมมาให้ ก็ไม่เท่ากับให้นางเลือกเอง
“ได้ เจ้าพูด”
หานแสกลับอยากดูว่า นางจะเลือกใครกันแน่?
“ข้าเอาซาหมั่นเฉิงกับป่ายเม่ยเซิง”
นางคิดก็ไม่คิด ก็พูดชื่อของทั้งสองคนออกไปตรงๆ
“เจ้ากลับช่างเลือกจริงๆ พวกเขาสองคนเป็นคนที่เรือแห่งความสิ้นหวังจะขาดไปไม่ได้ พูดมาสิ ว่าทำไมถึงเลือกพวกเขา?”
มือขาวๆของหานแสอยู่บนเชิงเทียน สำหรับหลานเยาเยาที่เอ่ยปากขอสิ่งที่สำคัญมากๆไปนั้น แสดงออกถึงความไม่มีทางเลือก
เดิมทีเขาได้เลือกคนสองคนที่มีความสามารถมากที่สุดจากยิงจวนมาเป็นผู้ช่วย กลับคิดไม่ถึง ความสนใจของหลานเยาเยานั้นจะอยู่ที่สมาชิกคนสำคัญที่เป็นหลักของเรือแห่งความสิ้นหวัง
หลานเยาเยาเห็นว่ามีหวัง
ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที!
“ซาหมั่นเฉิงเป็นคนอารมณ์ขัน วิทยายุทธดี คนทั้งฉลาด และพูดจาทำการใดก็มีเหตุผล เป็นคุณลุงที่รู้ใจ ข้าพูดคุยเข้ากับเขาได้”
ที่สำคัญสุดสุดสุดก็คือ ฝีมือการทำอาหารของซาหมั่นเฉิงก็เลิศที่สุดในโลก
เมื่อตอนที่อยู่บนเรือแห้งความสิ้นหวัง
นางวิ่งไปที่อาณาบริเวณของซาหมั่นเฉิงทุกวัน วันนี้ให้เขาทำอาหารนี้ พรุ่งนี้ให้เขาทำกับข้าวอันนั้น และเขาไม่ทำก็ไม่ได้
เพราะเวลานั้น หลังจากที่ถอนพิษกู่จิ้นของหานแสแล้ว ผลข้างเคียงรุนแรงมาก มีอาการนอนไม่หลับถึงขนาดในหนึ่งปีก็ไม่ได้นอนเลยสักครั้ง
เวลานั้นหานแสชอบบุกเข้าห้องนางในตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งอยู่บ่อยๆ มาพูดคุยกับนาง เล่นหมากรุก จิบชา
ด้วยเหตุนี้!
นางก็ได้กลายเป็นบนเรือแห่งความหวัง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เจ้าของเรือโปรดปรานที่สุด
นางกวนให้ซาหมั่นเฉิงทำอาหารให้นางกิน ซาหมั่นเฉิงไม่ทำ นางก็จะไปรายงาน
ซาหมั่นเฉิงกลัวสิ!
จึงทำได้เพียงทำอาหารอร่อยๆให้นางกินทุกวัน เพื่อปลอบโยนความคิดที่ชั่วร้ายของนาง
ดังนั้น!
ช่วงเวลานั้น ซาหมั่นเฉิงเจอหลานเยาเยาก็ราวกับเจอผี หลบก็หลบไม่ทัน
เพียงแค่หานแสส่งเขามาอยู่ข้างกาย นางรับรองว่าจะให้เขาเหมาห้องครัว
เมื่อคิดถึงอาหารที่เลิศรสที่สุดในโลกเหล่านั้น
ตอนนี้น้ำลายในปากของหลานเยาเยาก็กำลังเอ่อล้นออกมา
“รู้ใจ? พูดจาทำการใดก็มีเหตุผล? เหอะ! พูดจนข้าแทบจะเชื่อแล้ว”
หานแสจนปัญญามาก!
ความคิดของหลานเยาเยาตรงจุดนี้หานแสจะไม่เข้าใจได้เช่นไร?
เขาเพียงคิดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดๆหลานเยาเยาก็จะไม่ปล่อยให้กระเพาะอาหารของตัวเองต้องอดอยาก
การกินสำคัญถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
แต่ว่า!
ซาหมั่นเฉิงก็เป็นตัวเลือกอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว
แต่เมื่อคิดถึงป่ายเม่ยเซิง หานแสก็ขมวดคิ้วด้วยความครุ่นคิดเล็กน้อย
“เช่นนั้นป่ายเม่ยเซิงล่ะ? ทำไมถึงเลือกเขา?”
หากว่าเขาจำไม่ผิด
หลานเยาเยาไม่ชอบป่ายเม่ยเซิง แต่ป่ายเม่ยเซิงชอบที่จะตามติดนาง
นางได้เลือกป่ายเม่ยเซิง กลับทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง
“เขาหรอ? ดีมากนะ! รูปหล่อ ปล่อยวางได้ แล้วยังเข้าได้ง่ายกับทั้งชายหญิง ก่อนจะลงมือทำการจะต้องมีการทำข่าวกรอง ให้เขาไปทำเหมาะสมที่สุดแล้ว”
แม้ว่าป่ายเม่ยเซิงจะชอบเกาะติดนาง ชอบพูดในสิ่งที่ทำให้คนตกไปอยู่ในจินตนาการ
แต่นางรู้ว่า เขาเก่งกาจมาก รับมือกับเรื่องต่างๆได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีมีดมาตั้งอยู่บนคอของเขา เขาก็ยังสามารถยิ้มแล้วพูดจาไปเรื่อยได้
คนที่ความสามารถเยี่ยงนี้ ไม่ใช้ประโยชน์สักหน่อยก็เสียดายแย่!
ยิ่งไปกว่านั้น……
คนที่สามารถเป็นสมาชิกหลักของเรือแห่งความสิ้นหวังได้ จะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความสำคัญได้เช่นไร?
หานแสมองตรงไปยังเชิงเทียน เล่นเทียนไปพลาง แล้วก็เอ่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจ :
“เจ้ากลับเข้าใจเลือก เสาหลักของเรือสองสามอันของข้า เพียงแวบเดียวโดนเจ้าย้ายไปแล้วสองต้น เจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร?”
เดิมทีบนเชิงเทียนมีเทียนเพียงเล่มหนึ่งที่ส่องสว่างอยู่ ตอนนี้ถูกหานแสจุดขึ้นทีละเล่มทีละเล่ม ด้านในห้องเริ่มสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่หานแสก็ยังคงยืนอยู่ข้างเชิงเทียนตลอด…..