หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 255 โปรดออมมือเหลือหนวดเครา

บทที่ 255 โปรดออมมือเหลือหนวดเครา

บทที่ 255 โปรดออมมือหนวดเครา

สนามแข่งขันล่าสัตว์อยู่ที่ป่าไม้ล่าสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวัง

ได้ยินมาว่า

ที่นั่นต้นไม้เขียวชอุ่ม ต้นหญ้าสดใส ทิวทัศน์ล้ำเลิศ พวกเหยื่อก็อ้วนพี เป็นที่ที่เหมาะสมแก่การล่าสัตว์อย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม!

ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ ที่จะสามารถเป็นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ได้

ในวันล่าสัตว์ ถนนหนทางก็จะคึกคักกว่าปกติ ทั้งคนและรถราวิ่งขวักไขว่ไปมา ผู้คนมากมายจนต้องเบียดไหล่กัน แต่ก็ยังมีคนที่พยายามจะเบียดเข้าไปบนถนน

โชคดี แม้ว่าคนบนถนนจะเยอะมากมาย แต่ก็ไม่ถึงกับปิดทางจนไม่สามารถสัญจรได้

รถม้ายังสามารถที่จะดำเนินไปข้างหน้าได้เรื่อยๆตามลำดับ เพียงแค่ช้าลงเท่านั้น

ช้าจนสามารถใช้ความเร็วของเต่ามาเปรียบเทียบได้……

หลานเยาเยาในเวลานี้ ยังนั่งอยู่บนเตียงที่วิจิตรตระการตาในจวน กินขนม ดื่มชา ท่าทางไม่เหมือนคนที่จะไปร่วมการแข่งขันล่าสัตว์แม้สักนิด

นางสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงที่ดูธรรมดาเรียบง่าย บวกกับริมฝีปากสีแดงเพลิง รอยดอกไม้ที่ดูเย้ายวน รวมทั้งเสน่ห์ที่มีมากับตัวเองตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการนอนอยู่บนเตียงที่สวยงาม นั้นก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้คนหลงใหลได้แล้ว

เพียงแต่……

หลานเยาเยาเอ้อระเหยอย่างสบายใจ และจื่อซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ร้อนใจเป็นอย่างมาก

เขาหันไปมองจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ถามเบาๆ “เจ้าดูท่าทีของคุณหนู นางจะไปล่าสัตว์หรือไม่ไปกันแน่นะ?”

“ไป!”

จื่อเฟิงที่สีหน้าเคร่งขรึมตอบเพียงหนึ่งคำ

เมื่อสองสามปีที่ผ่านมาจากความเข้าใจคุณหนูของเขา คุณหนูต้องไปแน่นอน เพียงแต่ว่าคุณกำลังรอ แล้วเพียงแค่เขาไม่รู้ว่ากำลังรออะไรอยู่เท่านั้น

“ไป?”

จื่อซีอดไม่ได้ที่จะทำหน้ากลุ้มใจ

นี่ท่าทางเหมือนจะไปหรือไง?

อีกทั้ง?

แม้แต่รถม้าและม้าคุณหนูก็ไม่ได้ให้พวกเขาเตรียมไว้ นี่ยังจะไปอีกที่ไหนกัน!

นี่เป็นการปล่อยให้ฮ่องเต้รอเก้อชัดๆ!

ใช่!

คำที่คุณหนูพูดบ่อยๆก็ใช้เช่นนี้

ในขณะที่จื่อซีกำลังลังเลอยู่ ว่าจะต้องเข้าไปบอกหลานเยาเยาหรือไม่ ว่าจะถึงเวลาของการแข่งขันล่าสัตว์แล้ว

“ซ่าซ่า…..”

เงาร่างสีเท่าร่างหนึ่งก็แวบผ่านไป

มือของหลานเยาเยาชะงัก หยุดดื่มชาทันที แววตาเปล่งประกายขึ้นอย่างฉับพลัน ริมฝีปากสีแดงที่อ่อนนุ่มยกขึ้น :

“ในที่สุดก็มาแล้ว”

ถ้ายังไม่มาอีกนางก็ไม่อยากไปแล้ว

นางกำลังคิดจะโบกมือให้กับเงาร่างสีเทา แต่กลับคิดไม่ถึง……

เงาคนสีเทานั่นกลับเหาะผ่านหน้าของนางไป เพิกเฉยต่อการมีตัวตนของนางไปอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้หลานอดไม่ได้ที่จะกรอกตาขาวใส่เงาคนผู้นั้นแวบหนึ่ง

ตาบอดหรอ!

นางตัวใหญ่ขนาดนี้นอนอยู่ตรงนี้ทั้งคน มองไม่เห็นหรือไงว่านางอยู่ตรงนี้?

ด้วยเหตุนี้!

นางลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็จรดปลายเท้ากับพื้นเบาๆ เหาะตามเงาร่างสีเทาไป ท่าทางผ่าเผย รวดเร็ว

จื่อซีและจื่อเฟิงเห็นแล้ว ดวงตาก็เปล่งประกายในพริบตา

“วิชาตัวเบาของคุณหนู……”

“พัฒนาขึ้นอีกแล้ว!”

พระเจ้า!

ชั่งน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่กี่วันก่อน คุณหนูที่ไม่ได้แสดงวิชาตัวเบาต่อหน้าพวกเขามานาน อยู่ดีๆก็อยากลองเหาะขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ผลสุดท้ายทำให้พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน

วิชาตัวเบาของคุณหนูนั้นมีความรวดเร็วดั่งเงาก็ไม่ปาน อีกทั้งยังอยู่ในระยะเวลาอันสั้น

ตอนนี้วิชาตัวเบาของคุณหนูก็พัฒนาขึ้นอีกแล้ว แม้จื่อเฟิงก็ได้เพียงแค่ตามอยู่ด้านหลัง

ดังนั้น……

นี่คุณหนูจะทำผิดกฎสวรรค์!

เพียงแค่!

พวกเขาล้วนแปลกประหลาดมาก

คุณหนูก็รู้จักแต่กินกินกินทุกวัน ทำไมแค่กินอย่างเดียววิชาตัวเบาถึงพัฒนาได้?

ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้?

หลานเยาเยาที่เหาะข้ามหลังคาบ้าน เพียงแค่ไม่กี่อึดลมหายใจ ก็ตามไปถึงเงาร่างสีเทาได้ และเพียงแวบเดียวก็ไปดักอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว

“ตาใหญ่จะไปไหน?”

“……” คนที่ถูกเรียกว่าตาใหญ่ โดนหลานเยาเยาที่ปรากฏตัวกะทันหันทำให้ตกใจ เขาชี้หลานเยาเยา พูดด้วยความเหลือเชื่อ :

“เจ้าเจ้าเจ้า ทำไมเจ้าถึงรวดเร็วเช่นนี้?”

เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่ายังอยู่ด้านหลังเขาหรือ?

ทำไมเพียงแวบเดียวก็วิ่งมาอยู่ด้านหน้าเขาได้?

หรือว่า……

วิชาตัวเบาของนางได้พัฒนาขึ้นอีกแล้ว?

หลานเยาเยาเหลือบไปมองตาใหญ่แวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร และถามอย่างช่วยไม่ได้ว่า :

“ม้าของข้าล่ะ?”

เหตุที่นางดื่มชาอย่างสบายใจ ก็เพราะว่ารอให้ตาใหญ่เอาม้ามาให้นาง

ตาใหญ่เป็นคนสำนักหงอีของนาง

อายุไม่ต่างจากตาแก่

ไม่ว่ายังไง ในสำนักหงอีของนาง ก็ล้วนเป็นพวกตาแก่ทั้งนั้น และแต่ละคนก็ยังมีอารมณ์นิสัยที่ยอดเยี่ยมมาก ชอบตะโกนกับนางเสียงดังโหวกเหวก

จุดนี้ทำให้นางไม่พอใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เพื่อเรียกพวกเขาด้านนี้ นางจึงได้เรียกพวกเขาว่าตาใหญ่ ตารอง ตาสาม

เรียงลำดับไปเช่นนี้เรื่อยๆ ยังไงซะก็มีแต่คนแก่ ดังนั้นจึงเรียกแบบนี้ตลอดแล้วกัน

ตอนแรกพวกเขาก็คัดค้านอย่างหนัก ในภายหลังเรียกชินแล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว

“ม้า? ตัวไหนรึ? เป็นม้าตัวที่โดนข้ากินไปตัวนั้นหรือ?”

ตาใหญ่เกาศีรษะ ราวกับว่ากำลังค้นหาอย่างหนักว่าม้าของเจ้าสำนักเป็นม้าตัวที่เขากินไปหรือไม่

เมื่อหลานเยาเยาได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ม้าของนางเป็นม้าที่แข็งแกร่งมาก หาได้ยากยิ่ง และยังมีไหวพริบดีมากอีก

กล้ากินม้าของนาง ไม่ต้องการมีชีวิตแล้ว?

ด้วยเหตุนี้!

นางจึงแวบเข้าไปทันที แล้วคว้าหนวดเคราของตาใหญ่ไว้ ถามด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ว่า :

“ม้าล่ะ?”

“ข้าคิดคิด ข้าคิดคิด เจ้าสำนัก ท่านอย่ารีบร้อน อย่าดึงหนวดเคราของข้า เจ็บมากนะ”

เพียงครู่หนึ่งตาใหญ่ก็เจ็บจนหน้าเบี้ยวตาจมูกปากบี้เข้าหากัน มือทั้งสองข้างอยากจะดึงมือของหลานเยาเยาออกแต่ก็ไม่กล้า

เกรงว่าหลานเยาเยาจะถลกเคราของเขาออกไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว

“พูด ม้าล่ะ?”

นางเพิ่มแรงที่มือเข้าไปอีก จากนั้นก็เริ่มดึงขนทีละเส้น……

ไม่ถูก ต้องเป็นถอนหนวดเครา!

ถอนจนตาใหญ่นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บที่เกินจะบรรยาย

“โอ้ย เจ็บเจ็บเจ็บ เจ้าสำนัก โปรดออมมือเหลือหนวดเครา ไม่ว่ายังไงก็จะต้องเหลือหนวดเครา!”

เมื่อคิดถึงหนวดเคราของเขาที่เมื่อก่อนขาวเป็นยวงใหญ่ๆ ตอนนี้เหลือเพียงหย่อมเล็กๆหย่อมหนึ่งที่น่าสงสาร ก็รู้สึกทั้งโกรธและทั้งเจ็บขึ้นมาในทันที

“จะถามอีกครั้ง ม้าล่ะ?”

ตอนนี้ หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น ทันใดนั้นในมือก็ปรากฏมีดสั้นขึ้นมาเล่นหนึ่ง จากนั้นก็เล็งไปที่หนวดเคราของเขาตรงๆ ข่มขู่เขาอย่างองอาจเปิดเผย

“มีดต่อสู้ภาคสนามเล่มนี้ ใช้ประโยชน์ได้มากมาย อยู่กับข้ามาเป็นเวลานานที่สุด และมันเคยฉาบไปด้วยเลือดนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยโกนหนวดเคราให้ใคร

ตาใหญ่ ไม่งั้น……วันนี้เอาหนวดเคราของเจ้ามาลองมือ ลองเสร็จแล้ว ข้าก็จะโกนหัวให้เจ้าไปด้วยเลย จะได้ให้เจ้าไปเป็นพระ กินกินเจ”

พูดจบ

หลานเยาเยาก็ไม่ได้รอคำตอบของตาใหญ่ ก็ได้วาดไปทางหนวดเคราของเขาโดยตรง

คราวนี้ตาใหญ่ร้อนใจแล้ว จึงรีบปกป้องหนวดเคราของตัวเองไว้ทันที พูดอย่างรีบร้อนว่า :

“อย่าอย่าอย่า อยู่ด้านนอกกำแพงลาน ข้าไม่ได้กินมัน นั้นเป็นของล้ำค่าที่สุดของท่าน ข้าจะกล้ากินหรือ?”

เมื่อเขาพูดจบ หนวดเคราก็ถูกปล่อยทันที ความเจ็บที่คางก็หายไป หลานเยาเยาที่อยู่ตรงหน้าก็หายตัวไปแล้ว

“เอ๊เอ๊เอ๊……เจ้าสำนัก คนล่ะ?”

หึ!

เขาเอาม้ามาให้ตั้งไกล ต้องมาเจอกับการกระทำเช่นนี้?

การปรนนิบัติม้าของเจ้าสำนักนั้นยากยิ่ง ทั้งยังไม่ให้เขาแตะต้องอีก เขาแทบจะต้องวิ่งตามม้ามาตลอดทาง

เขาแก่ขนาดนี้แล้ว เขาง่ายนักหรือ?

เจ้าสำนักไม่ได้ต้อนรับเขาอย่างดีก็ไม่เป็นไร ยังไม่ให้เขาชมทิวทัศน์รอบๆจวนดีๆอีก แล้วยังคาดไม่ถึงอีกว่าจะตัดหนวดเคราของเขา

“หึ!”

“ชั่งน่าเกลียดยิ่งนัก!”

ตาแก่นั่นก็เพียงแค่ปรับแต่งรถม้าหนึ่งคันไม่ใช่หรือไง! ทำไมคนอื่นเขาถึงได้กินปลาตัวใหญ่เนื้อชิ้นโต? แต่เขากลับไม่มี?

ฮือฮือฮือ……

ไม่ยุติธรรม

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ตาใหญ่จึงอดไม่ได้ที่จะแบะปาก จากนั้นก็ทำเรื่องที่เขาถนัดเป็นที่สุด.

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท