หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 264 จิ่วเซียวหวงเพ่ยนั้นแปลกประหลาด

บทที่ 264 จิ่วเซียวหวงเพ่ยนั้นแปลกประหลาด

บทที่ 264 จิ่วเซียวหวงเพ่ยนั้นแปลกประหลาด

เพียงพริบตาเดียว ความโศกเศร้าของแววตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ใช่แล้วจ้ะ! ที่ข้านี้มีกู่ฉินชั้นดีที่ได้เก็บรักษามาเนิ่นนาน หาได้ยากที่พวกท่านจะคุ้นเคยกับความสง่างามนี้ เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนไปนำมา”

ไทเฮายังคงยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี เพียงแต่ว่ารอบยิ้มบนใบหน้านั้นมันเยอะเกินไปหน่อย

เมื่อพูดจบ

นางก็ให้แม่นมที่อยู่ด้านหลังนางไปนำกู่ฉิน ไม่ช้า กู่ฉินก็มาถึง

ทุกคนไม่มีใครเคยเห็นกู่ฉินที่ไทเฮาได้เก็บรักษาไว้ว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร?

แต่ละคนต่างก็อยากรู้อยากเห็น!

ได้ยินมาแต่ว่ามีคนอื่นให้เป็นของขวัญ หากฮ่องเต้ไม่บอก พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดพระชายาเย่เป็นคนให้มา

ที่ยิ่งไปกว่านั้น!

หลังจากที่ไทเฮาได้รับกู่ฉินตัวนี้ ก็ไม่เคยเอาออกมาเล่นเลย

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนไม่เคยได้เห็น

แต่เมื่อกู่ฉินได้ปรากฏต่อหน้าทุกๆคน ผู้คนก็ต่างตกตะลึง

พวกเขาไม่เคยได้เห็นกู่ฉินที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อน!

รูปทรงของกู่ฉิน: เป็นหัวมน ทรงด้านข้างทั้งสองโค้งเข้าด้านใน ทำออกมาได้ไร้ที่ติ

นอกจากนี้ยังทำด้านบนด้วยไม้อู่ถง มีไม้สนจีนเป็นฐาน ทาสีม่วงทั่วทั้งตัว……

มีคนจำกู่ฉินตัวนี้ได้

“มันคือพิณกู่ฉินจื่อหลิง!”

“โอ้พระเจ้า เป็นพิณกู่ฉินจื่อหลิงจริงๆด้วย”

“ได้ยินว่าพิณกู่ฉินจื่อหลิงเป็นกู่ฉินชั้นดีอันล้ำค่า ซึ่งสูญหายไปนานมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าไทเฮาจะเป็นคนที่เก็บรักษาไว้”

ในขณะที่ทุกคนต่างฮือฮากันเรื่องนี้ ต่างพากันประหลาดใจและชื่นชม

เมื่อหลานเยาเยาได้เห็นกู่ฉินตัวนี้ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ราวกับว่าถูกมันดึงดูดสายตาไปในคราเดียว

อย่างไรก็ตาม!

ภายนอกของนางนั้นสงบนิ่งมิไหวติง ทั้งๆที่ในใจตุ้มๆต่อมๆเหมือนพายุโหมกระหน่ำไปตั้งนานแล้ว

พิณกู่ฉินจื่อหลิงตัวนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นจิ่วเซียวหวงเพ่ย คือกู่ฉินพันปี อีกทั้งข่าวลือของมันก็เหมือนดั่งตำนาน

เล่ากันว่ามันสามารถปลุกความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในใจของคนอื่นได้······

ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พูดว่า ไทเฮาได้มันมาจากแม่

เช่นนั้นแม่จะมีกู่ฉินตัวนี้ได้อย่างไรกัน? ไม่ใช่ว่านางเคยเป็นคนของยิงจวนหรอกรึ?

ไทเฮาเห็นการจ้องมองที่ตกตะลึงของทุกคน ก็ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใดมากมาย แต่เลื่อนสายตามองมาทางหลานเยาเยา

“กู่ฉินตัวนี้เรียกว่าพิณกู่ฉินจื่อหลิง เหมาะกับท่านเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้บรรเลง”

หลานเยาเยาละสายตาจากจิ่วเซียวหวงเพ่ยไปยังไทเฮา จากนั้นก็คำนับเล็กน้อยแก่ไทเฮา

หลังเห็นว่านางพยักหน้า

ไทเฮาก็พูดกับแม่นมว่า: “มอบให้เทพธิดา!”

ก่อนที่จิ่วเซียวหวงเพ่ยจะมาถึงบนโต๊ะของนาง โหลวเย่วก็จัดการกับจานบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ฟาดเศษขนมจนหมดเกลี้ยง

ข้าหลวงนำผ้าฝ้ายชั้นดีมาคลุมโต๊ะ จากนั้นก็วางจิ่วเซียวหวงเพ่ยลง

โหลวเย่วที่อยู่ด้านข้างก็ดวงตาเบิกกว้าง มือทั้งสองข้างอันเรียวงามถูกกันไปมาไม่หยุดหย่อน

“ว้าว······”

“ท่านดูสิ ท่านดู สายกู่ฉินนี้ สีที่แวววาวนี้ งดงามกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วจริงๆ”

“สมกับที่ขนานนามว่าพิณกู่ฉินจื่อหลิง! มันช่างเหมาะสมกับเทพธิดาเหลือเกิน ให้ตายเถอะ! ข้าทนไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นท่านเล่นพิณกู่ฉินจื่อหลิง”

ด้วยเสียงหงุงหงิงอย่างกับสัตว์โหยหวนของโหลวเย่วที่อยู่ข้างๆ หลานเยาเยาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ

มองดูจิ่วเซียวหวงเพ่ยที่ดึงดูดนางอย่างแรงกล้า นางจึงค่อยๆยกมือขึ้น

“เตร๊ง……”

นางลองดีดเพียงหนึ่งเสียง เสียงนั้นช่างไพเราะเสนาะหู ใสราวกับหยกแก้ว เพราะพริ้งเสียเหลือเกิน

อีกทั้ง!

เสียงนี้……

มันทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย

ทั้งยังทำให้นางอดใจต่อไปไม่ไหวที่จะเล่นจิ่วเซียวหวงเพ่ยตัวนี้

ดังนั้น นางจึงทอดสายตามองไปยังอีกสามคนที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว พยักหน้าเบาๆให้กับพวกเขา แล้วเปิดฉากการบรรเลง

ท่วงทำนองเฉียบพลันอันดุดันที่ดังขึ้นจากนิ้วมือ ราวกับดาบอันแหลมคมทิ่มแทงเข้าส่วนที่บอบบางที่สุดในดวงใจของทุกๆคน

ทันใดนั้นก็ทำให้ผู้คนพากันกลั้นหายใจ ตั้งใจฟังด้วยใจจดจ่อ

การบรรเลงประสานกันของเครื่องดนตรีทั้งสี่กลมกล่อมอย่างไร้ที่ติขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ค่อยๆแผ่วลง เย่หลีเฉินหยุดเล่นขลุ่ยจีนอย่างไร้สาเหตุ

ต่อมาก็เป็น เซียวจิ่นหยูที่วางฟลูตลง

ส่วนเย่แจ๋หยิ่งที่ได้ยินเสียงของพวกเขาแผ่วลงไป ก็ค่อยๆหยุดเล่นด้วยเช่นกัน

เหลือเพียงเสียงกู่ฉินอันทรงพลังของหลานเยาเยาเท่านั้น ที่เต็มไปความสง่างามอลังการโดยมิมีเสียงใดแทรกแซง

ทันทีที่แววตาอันเย็นชาของเย่แจ๋หยิ่งมองไปทางหญิงสาวฝั่งตรงข้าม

นางทำสิ่งลงไป?

เสียงของกู่ฉินมีผลต่อจิตใจของเขา

เสียงของกู่ฉินอันฮึกเหิมนั่น เข้ามาปั่นป่วนในก้นบึ้งของหัวใจอย่างไม่หยุดหย่อน ทำเอานางฟั่นเฟืองไปชั่วครู่

ในใจของเขามีแต่ความสับสนและมึนงง

เทพธิดาในชุดสีแดงสดที่น่าดึงดูดในแววตาคนนั้น เสื้อผ้าสีแดงสดบนร่างของนางจืดจางลง กลายเป็นสีขาวผ่องอันสง่างาม

ใบหน้าที่ร้ายกาจ

ดอกไม้ผลิที่ค่อยๆฟุ้งกระจาย

ทั้งหมดนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปตามสีของเสื้อผ้า กลายเป็นโฉมหน้าอันงดงามที่เล่าขานกันไปทั้งเมือง……

และโฉมหน้าอันงดงามนั้น เป็นเหตุให้ดวงใจของเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ๆก็เจ็บแปลบ

ภาพบางส่วนกระทบจิตใจของเขา

เหมือนดอกไม้ที่พัดกระจายอย่างมีชีวิตชีวา·····

เสมือนเปลวไฟที่วูบวาบไปทั่วแผ่นฟ้า·····

แววตาที่สิ้นหวังของหญิงสาวผู้หนึ่ง ดูเจ็บปวดจากแผลบาดลึก ด้วยเสียงดนตรีที่เสียดแทงหัวใจของนาง:

“เย่……แจ๋หยิ่ง ท่านชนะแล้ว ตัวข้าหลานเยาเยา ชีวิตนี้อยู่ในกำมือของท่านแล้ว ต่อให้ข้าตา……บอด หากเริ่มใหม่ได้……”

“หึหึหึ······เจ้าคงจะนึกไม่ถึง! ข้ายังไม่ตาย แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าตาย เย่แจ๋หยิ่งผู้นี้ เจ้าทำลายล้างข้าด้วยมือของเจ้า ข้าก็จะทำลายเจ้าด้วยมือของข้าเช่นกัน ทำลายมันให้หมดทุกสิ่งที่เจ้าครอบครอง”

“เจ้าทำสิ่งใด? ข้าหาได้ต้องการกำลังภายในของเจ้าไม่ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าช่วยชีวิตข้า ที่ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ต้องการเจตนาเสแสร้งของเจ้า ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่อยากจะพบเจอเจ้าอีกต่อไป ไปซะ!”

“เย่แจ๋หยิ่ง ผลข้างเคียงของยาถอนพิษตัวนี้ มันอาจจะทำให้เจ้าลืมสิ่งที่เจ้ามิอยากลืม หากเจ้าลืมข้าแล้ว ข้าก็จะลืมเจ้าเช่นกัน เช่นนั้นเราก็ต่างคนต่างลืมกันไปเถอะ!”

ภาพเหล่านี้เป็นดั่งกริชทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง มันทำให้เขาทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน

“เยาเยา อย่าไปนะ······”

หลังเย่แจ๋หยิ่งได้ยินเสียงเรียกของตน ก็ได้สติกลับมาในทันใด เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกแขนเสื้อขึ้น

หลานเยาเยาคำสามคำอันดุเดือดนี้ ทันทีที่ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา น้ำตาอุ่นๆหยดนึงก็ไหลรินลงบนนั้น………

เขาสัมผัสคราบน้ำตาบนใบหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

ว่าเขาเองก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน·····

แต่ เมื่อครู่ที่หวนนึกถึงความเจ็บปวดที่เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก หลังจากได้สติคืนกลับมา มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาอยากจะคว้ามันเอาไว้ แต่คว้ายังไงก็คว้าไว้ไม่อยู่

เช่นนั้น!

เขาจึงรีบเงยหน้าขึ้น

แต่กลับเห็นผู้คน ที่ดูเหมือนกำลังดื่มด่ำไปกับเสียงบรรเลงของกู่ฉิน ไม่สิ มันยิ่งกว่านั้น เหมือนจมดิ่งอยู่กับความทรงจำต่างหาก

ส่วนชุดสีแดงสดของเทพธิดาที่เคยจืดจาง มันก็ยังคงเป็นสีแดงสดเช่นเดิม

เป็นนิมิตรึ?

หรือว่าเป็นร่างเดิมของเทพธิดากันนะ?

หลานเยาเยา เป็นเจ้าจริงๆใช่ไหม?

ในขณะนี้หลานเยาเยานั้นทึ่งอย่างมากกับพลังของจิ่วเซียวหวงเพ่ย ท่วงทำนองของเพลงซุ่มโจมตีจากสิบทิศที่บรรเลงด้วยจิ่วเซียวหวงเพ่ย ทำให้นางดื่มด่ำไปกับมัน

นางเหมือนได้เห็นฉากของสงครามอันดุเดือด:

เสียงกลองแห่งสงครามที่ปลุกใจ

การฟาดฟันเข่นฆ่ากันอย่างนองเลือด

เมืองที่มีเลือดไหลนองเป็นสาย กับบ้านเมืองที่เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ………

แม่ทัพผู้เสียสละท่านหนึ่งเลือดโชกไปทั่วร่าง มองสาวงามผู้โอบกอดจิ่วเซียวหวงเพ่ยบนกำแพงเมือง จากนั้นก็นำกองกำลังทหารออกไปสู้อย่างสิ้นหวังเป็นครั้งสุดท้าย

ในท้ายที่สุด แม่ทัพก็สิ้นใจตายในสนามรบ สาวงามจึงกระโดดจากบนกำแพงลงมา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท