หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 270 เป็นที่หนึ่งเคียงข้างกัน

บทที่ 270 เป็นที่หนึ่งเคียงข้างกัน

บทที่ 270 เป็นที่หนึ่งเคียงข้างกัน

น่ารัก?

น่ารักบ้านแกสิ!

ทันทีที่หลานเยาเยาต้องการจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด กลับพบว่าหลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งยิ้มบางๆ ก็ควบม้าไปทางสนามม้า

“ความงามแบบไหนกัน? ตรงไหนที่ว่าน่ารัก? ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นคนสวยหยาดเยิ้มไหมล่ะ?”

หลานเยาเยาบ่นพึมพำอยู่ไม่กี่คำ จากนั้นก็ตามไปจะชกใส่หลังเขาสักสองหมัด

ทว่า!

เย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะได้ยินสิ่งที่นางพูด จู่ๆก็หันหน้ากลับมา มองนางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม คว้ากำปั้นของนางไว้ได้พอดี

“……”

ตอนที่พึมพัมอยู่ เสียงก็เบาปานนั้น เขาคงไม่ได้ยินหรอกมั้ง?

แต่ว่า……

รอยยิ้มเจ้ากรรม ก็บอกชัดแล้วว่าได้ยิน

……

ทุกๆคนที่เข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์ ต่างกลับมาที่สนามม้า และกลับมานั่งที่เดิมของตนเอง

หลานเยาเยาเป็นคนสุดท้ายที่กลับมา

งานเลี้ยงที่เดิมทีมีชีวิตชีวา จู่ๆก็เงียบลง สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่นาง จากนั้นนางก็ทิ้งตัวลงบนซองลูกธนูด้านหลัง

แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง!

“เทพธิดา นี่มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง! เหลือแค่สามดอกสุดท้ายเท่านั้นเอง”

“เป็นประวัติการณ์! ดูเหยื่อที่กองเป็นภูเขานั่นสิ เดาว่าเหยื่อทั้งเขตล่าสัตว์คงจะถูกล่ามาหมดแล้วมั้งเนี่ย”

“แต่ก็ไม่รู้ว่าอ๋องเย่จะเหลือลูกธนูอันแหลมคมไหมน่ะสิ?”

ซึ่งในตอนที่อ๋องเย่กลับมา พวกเขาก็เห็นกันอยู่เต็มตา ไม่ต้องพูดไปถึงลูกธนูอันแหลมคมที่เหลืออยู่ เพราะแม้แต่ซองลูกธนูก็ไม่มี

เช่นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าเขาเหลือลูกธนูอันแหลมคมอยู่หรือไม่?

ส่วนหลานเยาเยาก็ยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม กลับไปยังที่นั่งของตนอย่างเกียจคร้านไม่ใส่ใจสิ่งอื่นใด แม้แต่แววตาก็ไม่แสดงสิ่งใดด้วยเช่นกัน

ไม่นานนัก!

ฮ่องเต้ก็สั่งให้เหล่าองครักษ์นับเหยื่อของผู้แข่งขันแต่ละคนที่ยิงมาได้

คนที่ยิงได้น้อยหน่อย ไม่นานนักเหล่าองครักษ์ก็นับเสร็จ

ภายใต้การตั้งตารออย่างจดจ่อของทุกคน ผลของผู้เข้าแข่งขันจะถูกสรุปเรียงเป็นคนๆไป

รัชทายาทเย่หลีเฉินที่มักจะมีชื่ออยู่ก่อนอันดับที่สิบ ตอนนี้ก็ได้ลดลงมาจนหลุดอันดับที่ยี่สิบไปแล้ว องค์ชายหกคนจากเหล่าองค์ชายทั้งเจ็ด ทั้งหมดอยู่ในสิบอันดับแรก

ส่วนฮ่องเต้ครองอันดับที่สี่ เซียวจิ่นหยูครองอันดับที่สาม

จนกระทั่งเพลานี้ จำนวนเหยื่อที่หลานเยาเยายิงได้ กับจำนวนเหยื่อที่เย่แจ๋หยิ่งยิงได้ เหล่าคนนับจำนวนยังไม่สรุปผลออกมา

แต่ยังไงที่หนึ่งและที่สองก็ก้ำกิ่งอยู่ที่พวกเขาทั้งสอง

นี่คือเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่เมื่อตรวจสอบลูกธนูอันแหลมคมที่เหลือ

ก็มีองครักษ์ประหลาดใจที่พบว่า ลูกธนูอันแหลมคมที่เหลืออยู่ของฮ่องเต้นับแล้วมันขาดไปสามดอก

มันทำให้เย่หลีเฉินมีสีหน้าประหลาดใจจนแข็งทื่อไป

ขาดไปสามดอก งั้นมันก็ตรงกับจำนวนของลูกธนูอันแหลมคมสามดอก ที่ลักลอบสังหารเทพธิดาน่ะสิ

เสด็จพ่อเป็นคนลงมืองั้นรึ?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

เสด็จพ่ออยากจะดึงเทพธิดามาเข้าพวกเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างรู้ๆกันอยู่ พระองค์จะสั่งให้คนไปลักลอบสังหารเทพธิดาได้อย่างไร?

เว้นก็แต่……

มีคนไม่อยากจะให้เทพธิดามาอยู่ฝั่งเสด็จพ่อ จึงได้ใช้การจัดฉากโยนความผิดเช่นนี้

ส่วนคนที่มีความสามารถที่จะทำได้ ก็มีเพียงฝ่ายคัดค้านอย่างเสด็จอาเท่านั้น!

เมื่อได้ยินรายงานขององครักษ์ หลานเยาเยาก็ยังคงนั่งไม่หือไม่อืออยู่ที่เดิม ทั้งยังหันไปมองโหลวเย่วที่กินอย่างดุเดือดอยู่ข้างๆเป็นครั้งคราว

ส่วนฮ่องเต้ที่ได้ยินการกราบทูลขององครักษ์ ตอนแรกก็ดูสับสน แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอันใด

จากนั้นก็พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า: “ก็แค่ขาดไปสามดอกมิใช่รึ? หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่ ยังไงข้าก็ใช้มันไม่หมดอยู่ดี

ลูกธนูที่ขาดไปในวันนี้ก็ช่างมันประไร หากเกิดขึ้นอีก ข้าจักให้ผู้ที่จัดการปล่อยลูกธนูรับโทษอย่างสาสม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

เย่หลีเฉินกะจะลุกขึ้น รายงานเรื่องที่เทพธิดาถูกโจมตี

แต่ในเพลานี้กลับกลายเป็นว่า องครักษ์ที่นับคะแนนเหยื่อของหลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่ง ก็นับเสร็จพร้อมกันพอดี

“กราบทูลฮ่องเต้ เทพธิดาและอ๋องเย่ยิงเหยื่อมาได้เท่ากันขอรับ”

เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างก็ตกใจ!

แม้แต่หลานเยาเยาเองก็ผงะไป

เป็นไปได้อย่างไรที่จะเท่ากัน?

ในซองลูกธนูของนางก็เห็นๆอยู่ว่าเหลือลูกธนูอันแหลมคมอีกตั้งสามดอก แต่ซองลูกธนูของเย่แจ๋หยิ่งมันถูกยิงไปหมดแล้ว คะแนนมันจะเท่ากันได้อย่างไร?

หรือจะบอกว่า เขามีลูกธนูอันแหลมคมอีกสามดอกโผล่ขึ้นมา?

หรือจะบอกว่ามีปัจจัยอื่นอีก?

ร่างของเย่หลีเฉินที่กะจะลุกขึ้น ก็นั่งลงไป

เพลานี้ มีแต่ความสงสัยฟุ้งวนอยู่ในใจของเขา ดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะด่ำลึกลงๆ

นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?

ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พลางเหล่ตามององครักษ์ที่มากราบทูล แล้วเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างคลุมเครือว่า:

“ข้าได้ยินไม่ชัด เจ้าจงพูดอีกที”

“กราบ กราบทูลฮ่องเต้ จำนวนของเหยื่อที่เหล่าข้าน้อยนับ ได้เท่ากันขอรับ”

องครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้พูด หน้าก็ซีดเผือกในทันที แต่ก็ไม่กล้าที่จะโกหก จึงบอกจำนวนของเหยื่อที่นับได้อีกครั้ง

ช่วงเวลานี้!

ฮ่องเต้ก็มีสีหน้ามืดลง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า: “อ๋องเย่หาได้มีลูกธนูอันแหลมคมเหลืออยู่ไม่ เหตุใดถึงนับได้เท่ากัน นับใหม่”

“ขอรับ!”

หลังองครักษ์รับคำสั่งจากฮ่องเต้ ก็ตาลีตาเหลือกรีบไปนับใหม่อีกรอบ

แต่หลังจากที่นับใหม่อีกรอบแล้ว เหยื่อที่ล่ามาได้ของหลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งก็ยังคงเท่ากันเช่นเดิม

“กราบทูลฮ่องเต้ จำนวนการล่าสัตว์ของอ๋องเย่และเทพธิดายังคงเท่ากันเช่นเดิมขอรับ”

องครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นในขณะนี้ มีเหงื่อผุดขึ้นเยอะมากบนหน้าผาก ทั้งในขณะที่กราบทูล น้ำเสียงก็สั่นเครือไปหมด

การที่พวกเขานับเหยื่อได้จำนวนเท่ากัน เป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนัก

ทั้งนี้ทั้งนั้น!

ลูกธนูอันแหลมคมที่ทุกคนใช้ล่าสัตว์เป็นเหมือนกันหมด ฮ่องเต้ขาดไปสามดอก ซึ่งคำนวณได้จากจำนวนของลูกธนูอันแหลมคมที่เหลืออยู่

แต่ของอ๋องเย่ต่างออกไป

เขาไม่มีลูกธนูอันแหลมคมเหลืออยู่ แต่จำนวนลูกธนูที่ใช้ล่าสัตว์กับจำนวนลูกธนูที่เตรียมให้ไม่สมดุลกัน

ตอนแรกองครักษ์ก็คิดว่าพวกเขานับผิด

แต่เมื่อนับไปสองรอบแล้ว องครักษ์ช่วยกันนับเยอะถึงเพียงนั้น จำนวนที่นับได้ตอนแรกกับที่นับได้ตอนหลังก็ยังคงเท่ากันเหมือนเดิม เช่นนั้นพวกเขาจึงหวั่นใจขึ้นมา

หรือว่าตอนที่พวกเขาเตรียมลูกธนูให้อ๋องเย่จะเตรียมขาดไป?

แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่

คือหัวของพวกเขาจะหลุดจากบ่าหรือไม่

“นับใหม่!” ฮ่องเต้พูดอีกครั้ง

ฮ่องเต้หน้าดำหน้าแดง

ไม่ต้องพูดไปถึงเรื่ององครักษ์เตรียมลูกธนูอันแหลมคมให้อ๋องเย่ขาดไปหรอก แค่การที่อ๋องเย่ขาดลูกธนูไปสามดอก กับพระองค์ที่ขาดลูกธนูไปสามดอก ก็มากพอที่จะทำให้คนคิดกันไปต่างๆนานาได้แล้ว

ไม่ใช่แค่แผนการของพระองค์จะล้มเหลว แต่เรื่องนี้มันจะแพร่ออกไปด้วย

การแข่งขันล่าสัตว์อันยิ่งใหญ่นี้ จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเทพธิดา

แต่กลับมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ทั้งหน้าของพระองค์เองและของราชวงศ์ก็จะพากันเสียหน้าไปหมด

“ฟู่ว……”

ในขณะที่ในงานเลี้ยงเงียบงัน จู่ๆก็มีคนส่งเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชาขึ้นมา

คนคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น

แต่เป็นเย่แจ๋หยิ่งที่กำลังนั่งดูอยู่อย่างอิดโรยนั่นเอง เขาล่ะเพลิดเพลินไปกับการมองดูท่าทางของฮ่องเต้ในขณะนี้เสียเหลือเกิน

“ไม่ต้องหาแล้ว ข้าทำลูกธนูอันแหลมคมหายไปสามดอก”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา ทุกๆคนก็แตกตื่น

นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้น? อ๋องเย่ก็ทำลูกธนูอันแหลมคมหายไปสามดอกงั้นรึ?

งั้นก็แสดงว่า เทพธิดาและอ๋องเย่ได้ที่หนึ่งทั้งคู่……

นี่เป็นผลลัพธ์ที่ทุกคนไม่คาดคิด

ในเวลาอันสั้น

ทุกคนต่างซุบซิบคุยกัน บางคนก็รู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้

คนสองคนที่พวกเขาคิดว่าจะได้รับชัยชนะ คนหนึ่งก็ไม่ถูกดึงลงจากแท่น อีกคนก็เบียดเข้าไปอยู่ที่หนึ่งด้วย ทั้งสองคนได้เป็นที่หนึ่งเคียงข้างกัน

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป

สุดท้ายมันก็จะเป็นเรื่องเป็นราวไปทั่วเมืองหลวง

ส่วนคนที่ตั้งวงพนันกันไว้ เมื่อรู้ข่าวเข้า ก็เดาว่าคงจะร้องไห้จนเป็นลมล้มพับกันคาคอห่านแน่ๆ……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท