บทที่ 278 เข้าอยู่จวนเทพธิดา
“คิดไม่ถึงว่าเทพธิดาล้างมือจะใช้เวลานานขนาดนี้”
“หึหึ ก่อนไปล้างมือ รวดเข้าห้องน้ำด้วย เวลาเลยนานสักหน่อย ท่านอ๋องคงไม่โกรธใช่หรือไม่”
ดีที่เมื่อครู่ยังกินได้ไม่อิ่มมาก ตอนนี้ท้องยังพอรับได้
ไม่เช่นนั้นคงขาดทุนแน่
ได้ยินดังนั้น
เย่แจ๋หยิ่งวางตะเกียบในมือลง สายตาที่มีแววเย็นชาอยู่บ้างมองจ้องตานาง
“เอ๋ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เย่แจ๋หยิ่งยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกมา จากนั้นก็ถูไปที่มุมปากของนาง คราบน้ำมันหยดหนึ่งเปื้อนอยู่ที่นิ้วของเขา
เขายิ้มทันที พูดอย่างไม่มีความคิดอื่นใดลึกซึ้ง
“เข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ ที่แท้ก็กินอิ่มแล้วค่อยออกมา คิดไม่ถึงว่ารสชาติที่เทพธิดาชื่นชอบจะจัดขนาดนี้ ทำให้ข้าได้ประสบการณ์ใหม่แล้ว”
“……”
แม้ข้างกายจะมีคนที่นางเกลียดจนต้องกัดฟันนั่งอยู่ แต่การเผชิญหน้ากับกลิ่นอันเย้ายวนของอาหารเลิศรส สุดท้ายนางก็กินอาหารด้วยความแค้นสุมแน่นอกจนอิ่ม
ตอนนี้บนโต๊ะถูกจัดการจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะ กับรู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งนั้นเตรียมตัวพร้อมก่อนมานั้น นางก็ไม่คิดจะหาเรื่องอีก
ไม่เช่นนั้นสุดท้ายคนที่ต้องลำบากก็เป็นตัวเอง
และแล้ว นางก็สั่งให้คนเอาของหวานหลังอาหาร และน้ำชาชั้นดีขึ้นโต๊ะ
นางเผยอปากสีแดงขึ้นเบาๆ ยกถ้วยน้ำชาขึ้น แต่ไม่ได้ลิ้มลอง แต่กลับถามอย่างตรงๆว่า
“ท่านอ๋องต้องการปรึกษาหารือเรื่องอะไร”
ผ่านการทรมานมาแล้ว อาหารค่ำก็กินแล้ว หากยังไม่พูดเรื่องจริงจัง หรือจะให้เขาอยู่พักที่นี่ซะเลย
“รถม้าของข้าตกลงไปในหุบเหวจนตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ ฉะนั้นจึงมาหาเจ้าเพื่อหารือ”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
หลานเยาเยาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
รถม้าของเขาตกลงไปในเหว และยังหาไม่พบ แล้วมันเกี่ยวข้องกับนางตรงไหนกัน
ไม่ใช่นางเป็นคนผลักรถม้าของเขาให้ตกลงไปสักหน่อย เขามาหารืออะไรกัน
“ท่านอ๋องหมายถึงให้เจ้าชดใช้เงิน”เสียงมาจากด้านนอกประตู
หลานเยาเยาหันไปมอง
เห็นคุณชายอ่อนวัยผู้หนึ่งเดินเข้ามา ในมือของเขาถือพัดพับได้ที่ใช้ถือเฉยๆไว้หนึ่งอัน ไม่กี่ก้าวก็ก้าวเข้ามาแล้ว
คนนี้ไม่ใช่โม่เหลียงเฉินแล้วจะเป็นใคร
เพียงแต่
ชดใช้เงิน
ชดใช้ค่าอะไร
ดวงตากลมโตของหลายเยาเยาค่อยๆหรี่ลง มองโม่เหลียงเฉินที่ยกมือคำนับมาทางนาง จากนั้นก็หาเก้าอี้นั่งลง
แต่ที่น่าแปลกก็คือ
หลังจากที่โม่เหลียงเฉินนั่งลง สายตาก็เอาแต่จ้องนาง แววตามีทั้งประหลาดใจทั้งตื่นเต้น ยังมีความรู้สึกอื่นร่วมด้วย
สรุปคือ มีความซับซ้อน
“หรือว่าข้าได้ยินผิดไป”
“ไม่ใช่”โม่เหลียงเฉินตอบ
พร้อมกันนั้นก็มีเสียง “พรึบ”ดังขึ้น เปิดพัดในมือขึ้น ทำทีเป็นว่าโบกพัดในมือไปมา
ในใจรู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง แต่ว่า มีเย่แจ๋หยิ่งอยู่เขาจะกลัวอะไร
“หึ เรื่องนี้น่าสนใจ ไม่ว่าอย่างไรท่านอ๋องก็ถูกข้าและองค์ชายอีกหกคนช่วยไว้พร้อมกัน ทำไมพวกท่านหาข้าหารือเพียงคนเดียวเล่า ”
หลานเยาเยาพิงร่างกับเก้าอี้ มือหนึ่งถือถ้วยชา อีกมือก็เขี่ยผมที่ข้างหูอย่างอ่อนโยน มุมปากมียิ้มบางๆ
“เทพธิดาคงมีเรื่องเข้าใจผิด เรื่องเมื่อวาน เป็นท่านอ๋องของเราที่ต้องการกำจัดคนทรยศ จงใจให้รถม้าใช้เส้นทางข้างหุบเหว รอจังหวะเพื่อกำจัดสายลับ จากนั้นก็ทำทีเป็นตายหลอกๆ เพื่อให้ศัตรูคลายความสงสัย
ถึงแม้องค์ชายทั้งหกคนจากทั้งหมดเจ็ดคนของเมืองหลวงจะร่วมแรงกัน ก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือรถม้าและราชธิดาจาวหยางได้ ถึงเวลานั้นท่านอ๋องก็จะสามารถแกล้งตายได้สำเร็จ
ใครจะไปคิดว่าเทพธิดาท่านจะยื่นมือเข้าไปช่วย ท่านอ๋องแกล้งตายไม่สำเร็จ ยังทำลายรถม้าที่อยู่กับท่านอ๋องมานับสิบปี
ฉะนั้น เรื่องนี้ ไม่หารือกับท่านเทพธิดา แล้วจะหาใคร”
พูดจบ โม่เหลียงเฉินยิ้มอย่างน่าตีหนึ่งที
สีหน้าหลานเยาเยาไร้คลื่นลม แต่ในใจกลับมีม้าเป็นหมื่นตัวแล่นผ่านไป
น้องสาวเจ้าเถอะ
เหมือนนางทำคุณบูชาโทษ
เฮอะ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ว่า นางรู้สึกว่า ที่เย่แจ๋หยิ่งมาวันนี้คงไม่ได้แค่มาปรึกษาหารือง่ายดายอย่างนั้นแน่
และแล้ว นางพูดขึ้นเบาๆ“นี่มันเกี่ยวข้องกับรถม้าเสียหายตรงไหนกัน”
สรุปคือ ถึงแม้ว่าที่โม่เหลียงเฉินพูดจะเป็นความจริง รถม้านั่นก็ต้องตกลงไปในเหวพร้อมกับเย่แจ๋หยิ่งอยู่ดี เกี่ยวกับที่นางยื่นมือออกไปช่วยตรงไหนกัน
“คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ท่านอ๋องได้เตรียมเชือกตะขอเกี่ยวไว้ข้างในรถม้าแล้ว หลังจากตกลงไปพร้อมกับรถม้าที่หุบเหว เขามีวิธีที่จะทำให้รถม้าหยุดอยู่ข้างหน้าผา เช่นนี้ก็ไม่ถึงกับเสียหายแล้ว
แต่ว่า แต่ท่านอ๋องถูกบังคับถูกท่านช่วยเหลือขึ้นมา รถม้าก็ไม่สามารถหยุดนิ่งที่หน้าผาได้
เทพธิดา ตอนนี้เข้าใจหรือยัง”
ตอนนี้เอง
หลานเยาเยาวางถ้วยชาลง สองมือปรบขึ้น
“ป๊าบป๊าบป๊าบ ……”
“เป็นแผนการที่ดี”นางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “แต่ว่า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ……ใช่พวกท่านมองว่าข้านั้นเงินเยอะอำนาจใหญ่หรือไม่ จึงได้จงใจสร้างเรื่องโกหกขึ้น ”
ทั้งหมดล้วนไร้ซึ่งหลักฐาน
นางย่อมไม่สามารถทนการขูดรีดของพวกเขา แม้จะต้องชดใช้เพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น นั้นก็เป็นของรักของหวงของนาง นางจะขูดเนื้อตัวเองอย่างเลอะเทอะได้อย่างไร
หลานเยาเยาจ้อง เย่แจ๋หยิ่งที่จิบชาอย่างเกียจคร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มมุมปากยิ่งอยู่ก็ยิ่งลึกขึ้น
ที่แท้
นางเพิ่งพูดจบไป
โม่เหลียงเฉินก็หยิบกระดาษและจดหมายบางส่วนออกมา วางไว้บนโต๊ะ
“พวกนี้เป็นหลักฐานการติดต่อไปมาของคนขับรถม้าที่ตกเหวในวันนั้น”
หลานเยาเยาหยิบกระดาษขึ้นมาดู แววตาหดเล็กลง คนทั้งคนนิ่งขรึมขึ้นมาทันที บนกระดาษเขียนไว้ว่า ราชครูใหญ่ ความทรงจำของอ๋องเย่กลับคืนมาบ้างแล้ว
นี่มัน
หมายความว่าอย่างไร
เย่แจ๋หยิ่งสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปจริงหรือ
ส่วนสายลับเป็นคนของราชครูใหญ่ ราชครูในตอนนี้ก็เป็นราชครูในรัชสมัยที่แล้ว
เย่แจ๋หยิ่งกับเขาไม่ใช่เกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์หรือ
หรือว่าระหว่างพวกเขามีการแย่งชิงอำนาจภายในกันขึ้น หรืออาจจะมีเรื่องอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่
แต่ว่า
ทำไมเย่แจ๋หยิ่งอยากให้นางรู้เรื่องพวกนี้ด้วย
นี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะให้นางชดใช้รถม้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้วกระมัง
จากนั้นนางก็หยิบจดหมายและกระดาษบนโต๊ะขึ้นมา อ่านทีละใบ ยิ่งดูสีหน้ายิ่งหนักอึ้ง
หลังจากดูจบ
หลานเยาเยาก็โยนหลักฐานเหล่านั้นลงบนโต๊ะ สีหน้าหนักอึ้งค่อยๆกลับคืนความสงบ
เหล่านี้ถือไว้ว่าเป็นความลับของเย่แจ๋หยิ่ง
อีกทั้งเขายังเป็นคนมีอำนาจสูงสุด ร่ำรวยระดับประเทศ คงไม่ได้จะทำเพื่อให้ชดใช้รถม้าเพียงคันเดียว จนต้องเปิดเผยความลับของตนเอง
ฉะนั้น
เย่แจ๋หยิ่งมีแผนการซ่อนอยู่
และแล้ว สองมือนางกอดอก เอ่ยอย่างไม่แยแส “แม้เรื่องสายลับจะเป็นเรื่องจริง แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดภายใน การช่วยคนนั้นทำด้วยใจ
หากต้องการให้ชดใช้รถม้าจริง เช่นนั้นก็ยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อน
รอข้าตรวจสอบชัดเจนแล้ว หากควรชดใช้ย่อมต้องชดใช้แน่นอน
ฟ้าใกล้มือแล้ว ไม่ว่าอย่างไรจวนเทพธิดาก็ตั้งอยู่ที่นี่ ไม่หนีไม่ไหน ท่านอ๋อง คุณชายเหลียงเฉินเชิญกลับไปก่อนเถอะ”
มีบางเรื่องที่นางต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน
แม้จะต้องชดใช้จริง นางก็ต้องลากองค์ชายอีกหกคนลงน้ำด้วย
ได้ยินหลานเยาเยาเอ่ยปากผลักไสแล้ว
โม่เหลียงเฉินรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง รีบหันไปมองเย่แจ๋หยิ่งทันที
เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้พูดอะไร แต่กลับลุกขึ้นเดินไปทางประตู ก่อนก้าวออกจากประตู เขาหยุดฝีเท้าเอ่ยขึ้นเบาเบาว่า
“ใจคนยากหยั่งถึง ข้าตัดสินใจจะอยู่ที่จวนเทพธิดา จนกว่าเทพธิดาจะคืนรถม้าให้ข้า ส่วนที่อยู่นั้น ก็ไม่รบกวนเทพธิดาแล้ว ข้าจะเลือกเอง