หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 290 ม้าเล่หก ที่จู่ๆก็มาปรากฏตัว

บทที่ 290 ม้าเล่หก ที่จู่ๆก็มาปรากฏตัว

บทที่ 290 ม้าเล่หก ที่จู่ๆก็มาปรากฏตัว

เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดที่อาบย้อมบนกระบี่ ในสมองของเย่หลีเฉิน ก็ปรากฏสีหน้ากริ้วโกรธของเสด็จพ่อขึ้นมาโดยพลัน

จากนั้น สายพระเนตรอันเปี่ยมด้วยโทสะไม่ขาดสายของเสด็จพ่อ ก็ถูกสัมผัสอันแสนงดงามที่แนบชิดอยู่บนมือของเขาปัดตกหายลับไปทันตา

จู่ๆเขาก็บังเกิดความคิดอันอาจหาญ คิดจะพลิกมือของตน ไปจับมือของเทพธิดาไว้ให้แน่นๆ

แต่ทว่าในขณะนั้นเอง …….

มือเรียวขาวผ่องเนียนละเอียดดั่งหยกชั้นดีข้างนั้น ถูกเทพธิดาดึงออกไปอย่างรวดเร็ว นางมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ยกยิ้มเย็นชา :

“องค์ชายรัชทายาท จำไว้ให้ดีล่ะ เคล็ดลับนี้เรียกว่า ปราศจากการทำลายล้าง ย่อมไร้การประกอบสร้าง ขอลา!”

เมื่อพูดจบ

หลานเยาเยาก็พลิ้วกายไหววูบจากไป เย่หลีเฉินก็พลันเกิดความรู้สึก เสมือนว่าสูญเสียอะไรบางอย่าง จึงรีบร้อนไล่ตามไปหลายต่อหลายก้าว หลังจากได้สติกลับมา เขาก็อดตบหน้าผากตัวเองไม่ได้

นี่เขาโง่เขลาทำสมองหายไปแล้วหรือไร?

เขาตามไปจะทำอะไรได้ ?

นางสูงส่งเลิศล้ำเหนือคนธรรมดาถึงเพียงนั้น เป็นเทพธิดาที่ใคร ๆ ต่างก็เทิดทูนยกย่อง ส่วนเขาเป็นเพียงแค่องค์ชายที่ไร้พลังไร้อำนาจคนหนึ่ง …

เขาพึมพำกับตัวเอง:

“ปราศจากการทำลายล้าง ย่อมไร้การประกอบสร้าง ?!”

มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากปราศจากการทำลายความคิด ที่คอยยึดติดในกฎเกณฑ์ตายตัว แล้วจะประกอบสร้างความคิดใคร่ครวญ ที่เป็นของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร?

เย่หลีเฉินก้มหน้า มองลงไปที่มือของเขายังตำแหน่งที่เมื่อครู่นี้ เทพธิดาใช้มือของนางซ้อนทับบนมือของเขาอย่างแม่นยำไม่มีคลาดเคลื่อน

ที่ตรงนั้น ดูเหมือนจะยังทิ้งร่องรอยของสัมผัสอันนุ่มละมุน เบาบางเหลือตกค้างเอาไว้……

หลังจากนั้น มุมปากของเขา ก็ปรากฏขึ้นเป็นรอยยิ้ม

เขายืนอยู่อย่างเงียบงันเพียงครู่ ก่อนจะหันกายจากไป

หลังจากที่เขาจากไปแล้ว

ห่างออกไปไม่ไกล บนต้นไม้เก่าแก่ที่เขียวชอุ่มเป็นพุ่มพฤกษ์ พลันปรากฏเงาร่างสีดำขึ้นร่างหนึ่ง

คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีดำขลิบทอง เสียงลมหายใจที่เปล่งออกมา ฟังดูหนักหน่วงรุนแรง

ดวงตาที่เยือกเย็นราวหิมะ เอาแต่จ้องมองไปยังสถานที่ที่หลานเยาเยา และเย่หลีเฉินยืนอยู่เมื่อครู่นี้อย่างเย็นชา

ส่วนมือที่อยู่ในแขนเสื้อของเขา ก็กำเป็นหมัดจนแน่น เส้นเลือดใต้ผิวเนื้อของเขาผุดโปนขึ้นมาราวจะระเบิดได้ทุกเมื่อ…..

——

หลานเยาเยาที่กลับไปถึงตำหนักเทพธิดา กระโจนพรวดเดียวเข้าไปในห้องนอน กอดพิณจิ่วเซียวหวงเพ่ยไว้ในอ้อมแขน และเริ่มคิดวิเคราะห์ไตร่ตรอง

แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ไม่ว่านางจะคิดครวญไตร่ตรองอย่างไร กระทั่งบรรเลงบทเพลงซุ่มโจมตีจากทั้งสิบทิศ ซ้ำไปมาอีกหลายต่อหลายรอบ ก็กลับไม่อาจรู้สึกได้ถึงอารมณ์ใด ๆ ขึ้นมาเลย

แปลกยิ่งนัก ?

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในสนามม้าของราชสำนัก เมื่อบรรเลงเพลงซุ่มโจมตีจากทั้งสิบทิศก็เห็นอยู่ชัดๆว่าฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด ล้วนจมดิ่ง ตกอยู่ในภวังค์อันเป็นโลกส่วนตัวของตัวเองกันจนสิ้น

นางเองก็ยังได้เห็นภาพบางอย่าง ที่ทำให้นางต้องปวดร้าวในอกเช่นกัน …..

ทำไมคราวนี้ถึงไม่เป็นเช่นนั้น?

หรือจะเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างขาดหายไป?

นางกำลังครุ่นคิดจนสมองมึนงง นอกห้องนอน พลันแว่วเสียงม้าเสียงหนึ่งดังลอดเข้ามา ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้

นี่ใครมาอีกล่ะ?

ที่นี่คือตำหนักเทพธิดาอันสง่างามทรงเกียรติ ม้าก็ควรจะถูกขังไว้ในคอกม้าโน่นสิ ไฉนจึงปล่อยให้ม้าเดินเพ่นพ่านไปมาในตำหนัก ทั้งยังเดินเพ่นพ่าน จนมาถึงห้องนอนของนางได้ล่ะนี่?

คิดได้ดังนั้นแล้ว!

นางวางพิณจิ่วเซียวหวงเพ่ยลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู ด้วยใบหน้าดำคล้ำมืดทะมึน

ทันทีที่เปิดประตูออก ก็ได้เห็นยอดอาชารูปร่างแข็งแกร่งทรงพลัง ยืนตระหง่านอยู่ที่ชานบันไดหน้าประตูห้องของนาง เงยหน้าขึ้น มองมาที่นางอย่างเย่อหยิ่ง

เอิ่ม······

การได้แลกสายตากับยอดม้าพันธุ์ดี ที่แสนเย่อหยิ่งทระนง เป็นประสบการณ์แบบไหนน่ะหรือ?

ก็เป็นอะไรที่หลานเยาเยารู้สึกว่า โดนดูหมิ่นดูแคลนอย่างอธิบายไม่ถูกเลยน่ะสิ!

นี่ไม่ใช่เล่หกของเย่แจ๋หยิ่งหรอกหรือ?

มันวิ่งมาจนถึงที่นี่ได้อย่างไร?

หลานเยาเยาเดินอย่างกังขาเข้าไป ก้าวลงตามขั้นบันได เดินเชื่องช้าไปยังเบื้องหน้าของเล่หก

ไม่รอให้นางก้าวเข้าใกล้ในระยะเกินสิบก้าว ก็ได้เห็นว่าเล่หกกำลังจ้องมองนางอย่างระแวดระวัง ทั้งยังก้าวถอยหลังไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว ป้องกันตัวเอง เสมือนดั่งนางเป็นหัวขโมยอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพยศมาก นอกจากเย่แจ๋หยิ่งแล้ว ก็ไม่มีใครขี่ได้แม้แต่คนเดียว ? เทพธิดาเช่นข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกนะ!”

นางเริ่มดีดลูกคิดในใจ

มันเอาตัวเองมาส่งให้ถึงหน้าประตู ไม่ขี่หรือก็อดขี่ฟรีๆ ขี่ซะก็ได้ขี่ฟรีๆ ได้ขี่ฟรีใครไม่ขี่บ้างล่ะ?

คิดได้ดังนั้นแล้ว!

นางถูมือไปมาอย่างมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง จ้องมองเล่หกด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

จากนั้นจึงยื่นเท้าข้างหนึ่งออกไป ค่อยๆเคลื่อนย้ายตัวเองไปหาเล่หก ภายใต้สายตาที่จับจ้องอย่างระแวดระวังของเล่หก นางก็ค่อยๆขยับมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบของสิ่งหนึ่ง ออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนาง

อีกทั้งยังเป็นการหยิบออกมาอย่างฉับพลันทันใด ด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าแลบอีกด้วย

พลันเสียงร้องฮี๊อย่างตกใจดังคลอขึ้นพร้อมๆ กับเล่ห์ร้ายที่นางเผยออกมา

ทำเอาม้าเล่หกตกอกตกใจเสียจนกระโดดตัวลอยออกไปอีกด้าน เป็นการกระโดดเพียงครั้งเดียว ก็ไปเสียไกลลิบเลยด้วย

สภาพเช่นนั้นเป็นอะไรที่ตลกสุดๆไปเลย

แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีเรื่องแปลกอยู่คือ

มันดูเหมือนจะลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่เลือกที่จะจากไป

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ฝืนทำเป็นแข็งแกร่ง เสียจนดูโง่ๆเซ่อๆ หลานเยาเยาก็หัวเราะด้วยเสียงแผ่วต่ำทรงเสน่ห์ร้ายๆ

หลังจากที่นางหยุดหัวเราะลงแล้ว ก็เห็นว่ามันยังไม่จากไป จึงยกของที่อยู่ในมือขึ้นและโบกสะบัดของสิ่งนั้นไปที่มัน

“ จะกลัวอะไรล่ะ? ของในมือข้าเป็นของดีนะจะบอกให้”

ของที่อยู่ในมือของนาง ย่อมเป็นของดีอย่างแน่นอน

อาจกล่าวได้ว่า ขอเพียงเป็นสัตว์ที่มีประสาทรับกลิ่นขั้นเทพ ล้วนยากจะต้านทานต่อแรงดึงดูดจากสิ่งของที่อยู่ในมือของนางได้

ผลเป็นดั่งที่คิดจริงๆ!

หลังจากเล่หก ได้กลิ่นที่มองไม่เห็น จากสิ่งของที่อยู่ในมือของนางเข้า ก็ค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าเข้าไปหานางทีละก้าว

รอเมื่อมันเข้าใกล้นางมากขึ้น จู่ๆมันก็หยุดลง จ้องมองตรงแหน่วไปยังสิ่งของที่อยู่ในมือนาง คล้ายอยากจะเข้าใกล้ แต่กลับอดทนฝืนรั้งตัวเองเอาไว้ได้

แม่จ้าวโว้ย!

คาดไม่ถึงจริงๆว่า มันจะเป็นม้าที่มีจิตใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวขนาดนี้!

หากเป็นม้าตัวอื่นล่ะก็ คงไม่สามารถต้านทานต่อแรงดึงดูดอันเย้ายวนนี้ได้ตั้งนานแล้ว

“มาสิ ! อร่อยมากเลยนะจะบอกให้!”

หลานเยาเยายื่นมือออกไป อยากจะลูบๆ ที่หัวของเล่หกเสียหน่อย กลับคาดไม่ถึงว่า จะถูกมันหลบเลี่ยงด้วยท่าทางหยิ่งผยองเข้าให้

“ เฮอะ เป็นตัวดื้อรั้นเสียจริงๆเชียว เหมือนเจ้านายของเจ้าไม่มีผิด นายหยิ่งยโสอย่างไร ม้าก็หยิ่งเหมือนนายอย่างนั้น”

แค่จะลูบหน่อยเดียวยังไม่ให้ลูบ!

นางยังเชื่อไม่ลงจริงๆ!

ดังนั้นนางจึงยื่นสิ่งที่อยู่ในมือไปที่ปากของเล่หกจนเมื่อมันยากเกินจะต้านทาน และค่อยๆอ้าปากออกนั่นเอง

” เล่หก มานี่!”

เสียงแข็งทื่อคล้ายคลื่นแม่เหล็ก แต่เย็นเยียบประดุจน้ำแข็งเสียงหนึ่ง ก็ดังขึ้นโดยพลัน

ทำลายแผนการของหลานเยาเยาจนกระจุย

หลังจากที่ได้เห็นว่า คนที่มาคือเย่แจ๋หยิ่งแล้ว นางก็บังเกิดความรู้สึกเหมือน คนที่ทำความผิดแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขาเลยทีเดียว

เล่หกยังสะบัดสายตามองนางอย่างเชิดหยิ่ง วิ่งตรงไปหาเย่แจ๋หยิ่งอย่างรวดเร็ว ถูไถออดอ้อนที่เรียวแขนของเขา

“เชี่ย!”

ยังมีหน้าอ้อนขอความเอ็นดูอีก!?

หากว่าช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว มันกินสิ่งที่อยู่ในมือของนางเข้าไปล่ะก็ เย่แจ๋หยิ่งจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ ดีไม่ดีอาจถึงขั้น เอามันไปโยนลงหม้อตุ๋นเลยก็เป็นไปได้

“ไป!”

สั้นๆง่ายๆเพียงคำเดียว น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังเจือกระแสความเอ็นดูบางเบา แต่น่าเสียดายที่น้ำเสียงนี้ไม่ได้ใช้พูดกับหลานเยาเยา แต่ใช้พูดกับเล่หก

เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งสั่งให้ เล่หก เดินจากไป

มุมปากของหลานเยาเยากระตุกหงึก เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเหน็บแนมว่า:

“ขอท่านอ๋องเย่ดูแลม้าสุดที่รักให้ดีด้วยล่ะ ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เกิดกลายไปเป็นอาหารจีนจานอร่อยขึ้นมา ก็โทษใครไม่ได้แล้วล่ะนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งหยุดชะงักฝีเท้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เทพธิดาก็ควรดูแลมือของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ! หึ! ”

พูดจบ ก็หันกายเดินออกจากห้องนอนของนางมา กระทั่งหน้าก็ยังไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ

หมายความว่าอะไรอ่ะ?

มือของนางงดงามมากนะจะบอกให้!

ทั้งไม่ใช่มือไม้ไม่หยิบจับงานการ เอ้อระเหยลอยชาย ไม่ยอมทำมาหากินด้วยนะ

เขาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?

เมื่อครู่นี้นางแค่อยากจะติดสินบนม้า ด้วยกลิ่นอันหอมเย้ายวน เพื่อที่นางจะได้ฉวยโอกาสขี่มันดูสักครั้ง ใครจะไปรู้ว่าแค่นางขอลูบนิดเดียว ก็ยังไม่ให้นางลูบด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นเงาแผ่นหลังของเย่แจ๋หยิ่ง ที่ค่อยๆเลือนรางจากไกลออกไปเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานเยาเยาก็ค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน

ไม่สนแล้ว! เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปเหอะ!

นางไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรสักหน่อย ไม่ใช่หรอกหรือ?

หลายวันผ่านไป นางก็ไม่เคยได้เห็นเงาร่างของเย่แจ๋หยิ่งอีกเลย

สำหรับหลานเยาเยาแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

เพราะขอเพียงแค่เย่แจ๋หยิ่งไม่อยู่ในตำหนัก นางก็สามารถวางอกวางใจ ไปทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเขาพบเจอเข้าหรือไม่

แท้ที่จริงแล้ว!

เหตุผลที่อ๋องเย่เข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนักของนาง

ไม่ใช่แค่อะไรง่ายๆ อย่างการให้นางใช้เงินคืนเพียงแค่นั้นหรอก..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท