หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 295 ต้มข้าวต้มหนึ่งถ้วย

บทที่ 295 ต้มข้าวต้มหนึ่งถ้วย

บทที่ 295 ต้มข้าวต้มหนึ่งถ้วย

“คุณหนู!”

ทำไมคุณหนูถึงได้ตื่นเช้าเช่นนี้

เมื่อสักครู่เห็นประตูแง้มไว้อยู่ครึ่งหนึ่ง เขายังคิดว่ามีคนบุกรุกเข้ามา ดังนั้นจึงมาดู

“อืม อีกเดี๋ยวก่อนจะกินอาหารเช้า ให้โหลวเย่วมาที่ห้องครัวเล็กหน่อย”

ห้องครัวเล็กเป็นห้องสำหรับหลานเยาเยาเพียงผู้เดียว สร้างขึ้นเป็นห้องครัว ปกติแล้วก็จะใช้ในการเปิดเตาเล็กๆด้วยตัวเอง

“ขอรับ!”

หลังจากรับคำสั่ง ก็มองดูส่งคุณหนูของตัวเองจากไป

แต่กลับพบว่าคุณหนูของเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถอยกลับมา เข้ามาใกล้เขาเล็กน้อย หลังจากมองดูเขาอย่างละเอียดก็พูดว่า :

“จื่อเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าให้ป่ายเม่ยเซิงส่งเขากลับไปที่ห้องแล้ว เจ้าไปดูหน่อยว่าเขาฟื้นหรือยัง”

เมื่อได้ยินว่าจื่อเฟิงได้รับบาดเจ็บ จื่อซีก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้าง หลังจากที่ตอบรับไปคำหนึ่ง ก็ไปที่ห้องของจื่อเฟิงด้วยความรีบร้อนทันที

ห้องครัวเล็กอยู่ใกล้กับห้องนอนมาก

แต่กลับอยู่ห่างจากห้องยามาก

ดังนั้น นางเดินจึงต้องเดินทางมาได้ระยะหนึ่งกว่าจะถึง

หลังจากที่เข้าไปในห้องครัวเล็ก นางก็ใส่กุญแจด้านในห้อง จากนั้นก็จุดไฟต้มยา

หลังจากที่ต้มยาเสร็จแล้ว นางก็เริ่มต้มข้าวต้ม

สุดท้ายก็เอายาน้ำที่ต้มเสร็จ แบ่งเทลงในข้าวต้มสามครั้งแล้วต้มเข้าด้วยกัน

หลังจากที่ต้มเสร็จ นางก็วางไว้บนโต๊ะ และเปิดประตูห้อง

ในเวลานั้นพอดี ห้องภัตตาหารก็ทำอาหารเสร็จ

ทั้งนี้!

คนที่มาส่งให้ก็เป็นซาหมั่นเฉิงผู้ที่ไม่อยากจะเห็นหน้านาง

หลานเยาเยาตกตะลึงนิดหน่อย

แต่ นอกจากความตกตะลึง นางก็ได้เห็นไอร้อนลอยระอุขึ้นมาจากอาหารเหล่านั้น ก็รีบเผยรอยยิ้มที่เป็นมาตรฐานของเทพธิดาขึ้นทันที

“โห? พี่ซา วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะต้องลำบากให้ท่านมาส่งอาหารด้วยตัวเอง! ลำบากแล้วลำบากแล้ว”

“หึ!”

คิดว่าเขาอยากมา?

เมื่อเห็นหลานเยาเยาความโกรธของเขาก็เต็มท้องไปหมด ภายนอกเขาเป็นผู้ที่มาช่วยนางอีกแรงหนึ่ง แต่ความลับนั้นกลับเป็น……

ให้เขามาจุดไฟทำอาหารทุกวัน

น่าโมโหเป็นอย่างมาก

เพียงแค่เห็นบนโต๊ะวางข้าวต้มไว้ถ้วยหนึ่ง ดูเหมือนเพิ่งจะต้มเสร็จ เขาก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เจ้าทำหรอ?” กินได้หรือ?

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเสียเวลาทำอยู่ตั้งนานนะ!” หลานเยาเยายกมือขึ้น ทำท่าทางแบบยอดเยี่ยมมาก

“ต้องไม่อร่อยเป็นแน่”

พูดไป ซาหมั่นเฉิงก็หยิบช้อนขึ้นมาอยากจะลองชิมดูคำหนึ่ง แต่กลับโดนหลานเยาเยาขัดขวางไว้

“ไม่อร่อยท่านยังอยากชิมอีก? เฮ้อ หรือว่าท่านอยากจะชื่นชมฝีมือการทำอาหารของข้าเอามากๆหรอ?”

“เหอะ ชื่นชม?”

ซาหมั่นเฉิงที่โดนหลานเยาเยาขัดขวางไว้ มองไปที่ข้าวต้มบนโต๊ะแวบหนึ่งด้วยความไม่พอใจ พูดอย่างอารมณ์เสีย :

“ใครจะไม่รู้ว่าเจ้าหลานเยาเยาทำอาหารไม่อร่อยไร้ซึ่งรสชาติ จึงได้คิดจะให้ข้ามาทำอาหารให้ทุกวัน

หากว่าเจ้าของเรือรู้ว่าเจ้าใช้ประโยชน์ไม่คุ้มกับความสามารถ ดูซิ้ว่าเขาจะกลับมาจัดการกับเจ้าเช่นไร”

“ถูกถูกถูก ไม่อร่อย พี่ซาฝีมือทำอาหารเป็นที่หนึ่งในโลก ใครจะสามารถเทียบเท่าท่านได้ล่ะ!

แต่ว่า!

พี่ซาเอ๋ย ข้าจะขอบอกท่าน ทีแรกที่ขอท่านมาจากเจ้าของเรือ คิดว่าเจ้าของเรือเขาจะไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของข้าเชียวหรือ?

เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าข้าเป็นคนกินเก่ง ชนิดที่ไม่กินก็จะไม่ตั้งใจทำงานเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้ตกลง ท่านไปร้องเรียนจะมีประโยชน์อะไร?”

หลังจากที่พูดจบ

นางยังจะส่งยิ้มไปให้เขา

“เจ้า……” ซาหมั่นเฉิงโกรธจนแทบจะเขวี้ยงจานทิ้งแล้วต่อยคน

แต่ว่า!

เขารู้ว่าหลานเยาเยาเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด และกำลังภายในก็พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างกะทันหัน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงแค่พูดกับผู้ช่วยสองสามคนที่ยกอาหารมาด้วยความโกรธ

“ยังจะอึ้งอะไรอยู่ เตรียมอาหารให้เทพธิดาสิ!”

หลังจากที่ดูพวกเขาขึ้นไปด้านหน้าอย่างรีบร้อน ซาหมั่นเฉิงก็ชี้ไปที่หลานเยาเยาครู่หนึ่ง สุดท้ายพูดเพียงแค่หนึ่งประโยค :

“เจ้าโดนเจ้าของเรือตามใจจนเสียนิสัยแล้ว หึ!”

พูดจบ!

สะบัดแขนเสื้อ แล้วก็จากไป

แต่กลับถูกหลานเยาเยาเรียกไว้ : “พี่ซา ท่านไม่อยากอยู่ที่ห้องภัตตาหารแล้วจริงๆหรือ?”

ซาหมั่นเฉิงหันหน้ากลับมา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ :

“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

หลังจากพูดจบ ยังจะมองค้อนนางไปแวบหนึ่ง ให้นางตระหนักได้เอง

“เช่นนั้นก็ดี ตั้งแต่วันนี้ไป ท่านไม่ต้องไปที่ห้องภัตตาหารแล้ว”

คราวนี้

ซาหมั่นเฉิงตะลึงงันไปนิดหน่อย

เรื่องแปลก!

เขาคัดค้านมาตั้งหลายวันแล้ว ครั้งไหนบ้างที่ไม่ถูกนางให้เหตุผลต่างๆนาๆเป็นข้ออ้างให้ไปทำ?

วันนี้กลับดี

คิดไม่ถึงว่านางเริ่มเสนอขึ้นมาเอง เขารู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติ

“เช่นนั้น เช่นนั้นห้องภัตตาหารจะทำเช่นไร?”

“ฮ่า ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่อยากจากห้องภัตตาหารไป ดูสิ เปิดเผยออกมาแล้ว!” นางยิ้มขึ้นมา ท่าทางเหมือนกับว่าเข้าใจดี

“……” ได้ เป็นเขาที่คิดมากไป

แต่!

“ห้องภัตตาหาร ข้าจะไม่ไปแล้ว”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาก็ถอนหายใจ พูดด้วยความจนปัญญา :

“ก็ได้! ไม่ไปก็ไม่ไป บังคับให้ผู้อื่นลำบากใจบ่อยๆก็ไม่ดี

เช่นนี้ละกัน! ที่ข้านี้มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งต้องการให้คนไปทำพอดี ห้องภัตตาหารขาดคนข้าจะไปซื้อคนใช้สองสามคนมาจากตลาด

เฮ้อ! ช่างเหอะ พี่ซา ไม่เช่นนั้นท่านอยู่ที่ห้องภัตตาหารต่อเถอะ หนึ่งวันไม่ได้กินอาหารที่ท่านทำ ข้าไม่รู้จริงว่าตัวเองจะเปลี่ยนอย่างไร……”

“หยุด หยุด ข้ายอมตายก็ไม่อยู่ที่ห้องครัว รีบบอกข้ามาว่ามีเรื่องอะไรให้ทำ ข้าจะไปทันที”

ภายใต้คำอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าของซาหมั่นเฉิง นางจึงได้พูดเรื่องที่ต้องทำออกไปแล้ว

ซาหมั่นเฉิงไม่พูดมากก็วิ่งออกไป ชนิดที่สุนัขก็ยังตามไม่กลับมา

มองดูเงาร่างที่ไกลออกไปของเขา รอยยิ้มบนสีหน้าของหลานเยาเยาก็ค่อยๆหายไป นางมองดูข้าวต้มบนโต๊ะ แววตาเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมามาก……

ในไม่ช้า

จื่อซีก็พาพระราชธิดาจาวหยางมา

พระราชธิดามองดูอาหารอันโอชะที่วางอยู่เต็มโต๊ะแวบหนึ่ง ดวงตาแสดงออกถึงความอยาก คนทั้งคนแทบจะพุ่งเข้าไป

กลิ่นหอมหวนเช่นนี้……

“เทพธิดา อาหารพวกนี้หอมมาก! กลิ่นหอมหวนกว่าพ่อครัวที่จวนอ๋องเย่ทำซะอีก ข้าสามารถนั่งกินด้วยได้หรือไม่?”

“แน่นอน!”

เมื่อได้ยินคำตอบของนาง

พระราชธิดาจาวหยางก็รีบยกกระโปรงขึ้น จะไปนั่งที่โต๊ะ

แต่…….

“ได้ยินว่า สองสามวันนี้อ๋องเย่ที่อยู่ตำหนักของข้า จะออกไปตั้งแต่เช้าทุกวัน หากว่าเจ้ากินอาหารเช้าแล้วค่อยไป เกรงว่าคนจะไปนานแล้ว”

พระราชธิดาจาวหยางก้นยังไม่ทันจะถึงบนเก้าอี้ ก็รีบเด้งขึ้นมา

เมื่อคิดอยากจะพุ่งออกไปด้านนอก แต่ นางก็ค่อนข้างลังเล

หาเสด็จอาเรื่องใหญ่

แต่กินอาหารเช้าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ!

ยิ่งไปกว่านั้น

อาหารบนโต๊ะนี้แค่มองแวบแรกก็ดูออกว่าเป็นฝีมือของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ

หากว่าพลาดโอกาสนี้แล้วก็อาจจะไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีก

นางตัดสินใจยากมาก……

“ข้ายังมีเรื่องให้เจ้าช่วยนิดหน่อย คาดว่าเมื่อเจ้ากลับมา ก็เริ่มลงมือกินพอดี”

“จริงหรือ?”

พระราชธิดาจาวหยางตื่นเต้นขึ้นมาทันที

แบบนี้ก็พูดได้ว่า นางไปหาเสด็จอาและกินอาหารเช้าสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง

“อืม!”

“งั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้ จำไว้ว่าต้องรอข้าแน่ๆนะ”

พูดแล้ว พระราชธิดาจาวหยางก็หมุนตัวจากไปทันที พอออกจากประตูห้อง ก็โดนเรียกไว้

“เจ้าจะไปเช่นนี้?”

“อืมอืม ไปแบบนี้กำลังดี เสด็จอาเห็นข้าในท่าทีที่ลำบากแบบในตอนนี้ ก็จะรู้ว่าหลังจากที่ข้าถูกเขาไล่ออกมา ก็ใช้ชีวิตแบบไม่ดีเอามากๆ

อาจจะ ใจอ่อนในพริบตา แล้วรีบให้ข้ากลับจวนอ๋องเย่”

โหลวเย่วคิดว่าตัวเองโดนไล่ออกมาอย่างไร้เหตุผล

ดังนั้น!

ไปพบเสด็จอายิ่งดูน่าสงสารก็ยิ่งดี

ใครจะรู้……

“ข้อร้องคนก็ต้องมีทีท่าในแบบคนที่จะขอร้อง เจ้าจะไม่แสดงออกถึงน้ำใจสักเล็กน้อยได้เช่นไร?” หลานเยาเยามองนางอย่างเย็นชา

คำพูดของนางก็พูดออกไปถึงขั้นนี้แล้ว โหลวเย่วน่าจะฟังเข้าใจแล้วนะ?

แต่ทว่า…….

“น้ำใจ? ทำไมต้องมีน้ำใจ?”

น่าแปลก?

อ๋องเย่เป็นเสด็จอาของตัวเอง นางไปพบจะต้องมีน้ำใจอะไร!

ไปตรงๆก็ได้แล้วนี่!

“……” หลานเยาเยากุมขมับอย่างอดไม่ได้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท