หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 306 หลานเยาเยาล่ะอยากจะบ้า

บทที่ 306 หลานเยาเยาล่ะอยากจะบ้า

บทที่ 306 หลานเยาเยาล่ะอยากจะบ้า

การแข่งขันล่าสัตว์ครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่นางไปขัดใจเทพธิดา

นางไม่เพียงแค่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ยังโดนพ่อลากกลับบ้านไปลงโทษอย่างหนัก

ครั้งนี้พ่อไม่ได้ทำเหมือนครั้งก่อนๆ ไม่ได้ด่าทอนางหรือให้นางคุกเข่าขอขมาลาโทษ แต่พ่อจริงจังมาก

นางยอมรับไม่ได้

ทว่า!

สิ่งที่พ่อพูดออกมากลับทำเอาอกสั่นขวัญแขวน

“เจียวเอ๋อ ความงี่เง่าเอาแต่ใจและอารมณ์ร้ายของเจ้าในทุกวันนี้ ตัวพ่อนั้นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้

แต่ ครั้งนี้ไม่ได้”

“เหตุใดถึงไม่ได้?” นางไม่เข้าใจ

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน? เจ้าเป็นแค่คุณหนูคนหนึ่งในจวนสิงปู้ช่างชู กล้าที่จะหือกับคนที่ไม่ก้มหัวให้แม้แต่กับฮ่องเต้เช่นนั้นรึ?

เจ้านึกถึงแต่ตัวเองเกินไปแล้ว หากเทพธิดาจะฆ่าเจ้าให้ตาย พวกเราทั้งจวนสิงปู้ช่างชูก็จะฉิบหายกันหมดเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของเจ้า”

“พ่อ นางเป็นเทพธิดาผู้ประทานพรให้แก่ราษฎร หากพึงกระทำดั่งหญิงสาวธรรมดา มันจะไม่ขบขันไปทั่วบ้านทั่วเมืองหรอกรึ?”

ใครจะไปรู้ ว่าพ่อจะตบโต๊ะ แล้วตะคอกออกมา:

“โง่เขลา เบาปัญญา ฉินหลิงเจียว ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าแหกตาดูอ๋องเย่ พระองค์เป็นถึงอ๋องเทพสงครามแห่งประเทศก่วงส้า ผู้ปกป้องผืนแผ่นดินของเรา แต่เหตุใดทุกคนถึงได้เกรงกลัวพระองค์นัก?”

ฉินหลิงเจียวที่ยังไม่เข้าใจ เลยตอบกลับไปว่า:

“ก็เพราะว่าอ๋องเย่มีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เข่นฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี โหดเหี้ยมอำมหิต ผิดมนุษย์มนา คนก็เลยพากันกลัวพระองค์กันหมด

แต่กับเทพธิดามันไม่เหมือนกันหนิเจ้าคะ นางหาได้มีอิทธิพลอันใดไม่ แค่มาประทานพรให้แก่ราษฎรก็เท่านั้น ที่ฮ่องเต้เคารพนาง ก็เพราะว่าชื่อเสียงของนางเพียงเท่านั้น”

มองในมุมของฉินหลิงเจียว ความจริงมันก็มีเท่านี้

ทว่า!

เมื่อพ่อได้ยินคำตอบของนาง กลับสาดน้ำเย็นใส่

“หึ! เจ้าคิดว่าชื่อเสียงของนางมันผุดขึ้นมาเองหรืออย่างไร?

เมืองหลวงของประเทศเชียนหลิง มักจะแห้งแล้งตลอดทั้งปี แต่หลังจากการปรากฏตัวของเทพธิดา เรื่องที่ว่าก็ถูกแก้ไขในชั่วข้ามคืน

ที่ได้ยินมา ไม่รู้ว่าเทพธิดาไปทำอีท่าไหน แผ่นฟ้าทั่วเมืองหลวงอึกทึกไปด้วยเสียงฟ้าร้อง แล้วฝนก็ตกหนักติดกันสามวันรวด

หลังจากนั้นก็นำมาซึ่งแม่น้ำสายใหญ่ หลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวง พูดได้เลยว่ามีแต่ความเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์

หากจะบอกว่าการที่ฝนตก เป็นแค่เรื่องบังเอิญ งั้นประเทศซีเม่าที่มีความขัดแย้งภายในกันมาเป็นปีเป็นชาตินั่นล่ะ?

จำได้ว่าความขัดแย้งของซีเม่า แบ่งกันเป็นสามฝ่าย แล้วก็สู้กันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจการปกครอง

พอเทพธิดาไปถึงเป็นวันที่สาม เพียงสามวันเท่านั้น! ความขัดแย้งภายในก็สงบลง

แล้วมันหมายถึงสิ่งใดกันน่ะรึ?

ก็หมายถึง ฝ่ายอื่นๆอีกสองฝ่ายที่เทพธิดาไม่ได้สนับสนุน มันหายไปในค่ำคืนเดียวเลยน่ะสิ

เล่ากันว่า คืนวันนั้นมีคนเสียชีวิตกันอย่างล้มหลาม ผืนฟ้าทั่วเมืองหลวงระบายด้วยสีแดงฉาน

สิ่งที่น่าประทับใจไม่ได้มีแค่เรื่องสองเรื่องนี้ ซึ่งที่น่าประทับใจที่สุดก็คือเรื่องของประเทศผึงไหล

ประเทศผึงไหลนั้น ประสบเคราะห์ร้ายถูกพวกป่าเถื่อนทางตอนเหนือรุกรานมาตลอด เมืองเล็กเมืองน้อยแถบชายแดนของพวกเขา โดนเข่นฆ่าปล้นสดมภ์ทารุณทุกรูปแบบ กองกำลังทหารม้าที่ส่งไป ก็กำจัดพวกมันไม่ได้

แต่เมื่อเทพธิดาไปถึง นำเหล่ากองกำลังที่โหดร้ายที่สุดของพวกป่าเถื่อนไปฝังใต้ภูเขาทั้งเป็น และมิมีผู้ใดหลุดรอดออกมาได้เลยสักคน

เจียวเอ๋อ มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังคิดว่าเทพธิดาเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งอยู่หรือไม่?

อ๋องเย่ท่านฆ่าคน ก็ฆ่าตามความพอใจ เขาอยากฆ่าเจ้าเขาก็แค่ฆ่า

แต่กับเทพธิดานั้นต่างออกไป นางทั้งลึกลับ ทั้งน่ากลัวมากเหลือเกิน และมักจะฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย

ทุกที่ที่นางไปเยือน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นางมาประทานพรแก่ราษฎรจริงๆ

แต่ มันกลับเกิดขึ้นหลังจากการชำระล้างด้วยการนองเลือดมหาศาล

เช่นนั้น ต่อจากนี้ไปหากเจ้าพบนางก็ให้เลี่ยงไปเสีย มิเช่นนั้นพวกเรานี่ล่ะ ที่จะเป็นของเซ่นไหว้ในการประทานพรแก่ราษฎรให้กับนาง”

หลังสิงปู้ช่างชูร่ายยาวจนจบ ก็มองฉินหลิงเจียวเหมือนเตือนสตินาง

ส่วนฉินหลิงเจียวที่หน้าซีดเผือดในตอนนี้ มีเหงื่อก่อตัวขึ้นมากมายบนหน้าผาก ในใจนั้นขวัญหนีดีฝ่อไปหมด

น่ากลัวเหลือเกิน!

ไม่คิดเลยว่าเทพธิดาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้

พวกเลือดที่เอ่อนองเหล่านั้น นางทำได้อย่างไร?

นางเป็นคนหรือผีกันแน่?

นึกขึ้นมาได้ ว่าก่อนจะเข้าสนามม้าไป ในตอนที่นางพูดอวดดีอย่างไม่ละอาย สายตาของเทพธิดาที่มองนาง มันเหมือนมองคนที่ตายไปแล้วยังไงยังงั้น

กรี๊ด……

นางไม่อยากตาย

นางไม่อยากตายนะ!

จะต้องอยู่ให้ห่างจากเทพธิดา ยิ่งห่างเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เมื่อคิดถึงตรงนี้

สีหน้าของฉินหลิงเจียวที่ซีดเซียวไปชั่วขณะ จู่ๆก็มีลมพัดมา นางจึงขดตัวโดยไม่รู้ตัว

จู่ๆนางก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

จะทำเช่นไรดี?

“คุณหนู……”

ใบหน้าที่บวมแดงของสาวใช้ มองดูนางทั้งน้ำตา

“ต่อจากนี้ไปอย่าให้ข้าได้ยินพวกเจ้าว่าร้ายเทพธิดาอีก มิเช่นนั้น จะตัดลิ้นพวกเข้าทิ้ง แล้วก็ทุบตีให้ตายไปเสีย”

นางมองสาวใช้ทั้งสองคนอย่างรังเกียจ

จากนั้น ก็หันไปพูดกับพระสงฆ์นำทางอย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า:

“จัดเรือนสี่ประสานที่ไกลจากที่นี่ที่สุดให้ข้า”

“โปรดโยมตามอาตมามาด้วยเถิด”

เมื่อพวกเขาจากไป ด้านหลังต้นโพธิ์ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น ชายผ้าสีชมพูอ่อนก็ถูกลมพัดปลิวไสว

ไม่นานนัก ชายผ้าชิ้นนั้นก็ถูกดึงกลับมา……

ขณะที่หลานเยาเยามาถึงศาลาโถงวัดอย่างประจวบเหมาะ รัชทายาทเย่หลีเฉินก็มาแล้วเหมือนกัน ทุกอย่างต่างเพียบพร้อม

พิธีเปิดงานวัดเริ่มต้นขึ้น

ด้านหน้าของพระพุทธรูปองค์โตที่เหมือนมีชีวิตอยู่จริง มีกระถางธูปขนาดมหึมาตั้งอยู่หนึ่งใบ

ในนั้นมีธูปหอมสีเหลืองขนาดใหญ่พิเศษสามดอกที่กำลังมอดไหม้ รวมๆแล้วมีความยาวกว่าห้าเมตร พื้นที่ส่วนหนึ่งในสามของกระถางธูปมีธูปปักอยู่

ส่วนหลานเยาเยาก็ยืนอยู่ด้านหน้ากระถางธูปมหึมานั้น

รัชทายาทยืนอยู่ด้านหลังทางซ้ายมือนาง และถังเฉิงเสี้ยงยืนอยู่ด้านหลังทางขวามือนาง

ในมือของพวกเขาทั้งสามถือธูปหอมที่กำลังมอดไหม้

หลังถ้อยคำมากมายออกจากปากของมัคนายก พระสงฆ์ที่นั่งบนอาสนะทุกรูปก็ได้สวดไปพร้อมกับเขา

พวกเขาสวดไปเคาะไม้ไปขณะที่อ่านพระคัมภีร์

ฉากนี้ดูจริงจังอลังการ ราวกับว่าโปรดภูติผีปีศาจได้จริงๆ……

ส่วนด้านนอกศาลาโถงเป็นบันไดทอดยาว โดยด้านล่างของบันไดเป็นผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาร่วมงานวัด ต่างพร้อมใจก้มกราบลงด้วยความเลื่อมใส

ภายนอกของหลานเยาเยานั้นดูล่องลอย ราวกับว่าไม่ได้เข้าถึงพระคัมภีร์เลยแม้แต่น้อย

ซึ่งอันที่จริง……

ในใจนี่คลุ้มคลั่งไปหมดแล้ว!

นางอดไม่ได้ที่เศร้าแล้วเศร้าอีก

หากรู้ว่าพิธีมันจะยุ่งยากและน่าเบื่อสุดๆถึงเพียงนี้ นางนอนอืดอยู่ในเรือนสี่ประสานเสียดีกว่า

แต่ไหนๆก็มาละ

นางจะออกไปหน้าตาเฉยก็คงมิได้หรอกมั้ง?

และแน่นอนว่าเย่แจ๋หยิ่งเขามองการณ์ไกล

เพราะเขาว่ากันว่า!

จริงๆแล้วต้องเป็นอ๋องเย่ที่มา ไม่ใช่เฉิงเสี้ยงที่ควรจะอยู่ตรงนี้

ซึ่งเขาปฏิเสธความจำนงของฮ่องเต้อย่างทันท่วงที แต่กลับยังมาที่งานวัดหน้าตาเฉย

นี่เป็นการตบหน้าฮ่องเต้เข้าเต็มมืออย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังดังสนั่นและชัดเจนมากอีกด้วย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่

หลานเยาเยานั้นย่ำเท้าแล้วย่ำเท้าอีก ขยับทีละนิดๆ

เท้าชาไปหมดแล้ว……

เมื่อไหร่จะจบสักทีเนี่ย?

ถ้ายังไม่จบอีกจะสะบัดก้นออกไปแล้วนะโว้ย

เมื่อมัคนายกที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีของนาง และเท้าที่ย่ำไปย่ำมา รวมไปถึงลมหายใจที่เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆของนาง

ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แล้วรีบสวดพระคัมภีร์ให้จบโดยเร็ว

เมื่อเขาเร่งความเร็ว พระสงฆ์ทุกรูปก็เงยหน้าขึ้นมามองมัคนายกอย่างงุนงง มัคนายกจึงส่งซิกให้พระสงฆ์ทั้งหลาย

จากนั้น!

พวกเขาก็หันมามองเทพธิดาเป็นตาเดียว

“……”

เท้าของเทพธิดา ที่เอาแต่ย่ำไปย่ำมา

พวกเขาก็เข้าใจความหมายของมัคนายกในทันที ละทิ้งความฟุ้งภายในใจ เร่งสวดกันอย่างรวดเร็ว

พระคัมภีร์ที่ยาวเหยียด ถูกเร่งความเร็วอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็จบลง

แววตาที่เพ่งตรงของหลานเยาเยา สุดท้ายก็ผ่อนคลายขึ้นมา

ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

นางเกือบจะสร้างปาฏิหาริย์อยู่แล้ว

หลังนางปักธูป ก็รอคนอื่นปักธูปเสร็จให้เสร็จก่อน

นางจึงอยู่ข้างหลังมัคนายกอย่างสงบเยือกเย็น รังสีนั้นทำเอามัคนายกรู้สึกได้ถึงความอันตราย……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท