หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 312 หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

บทที่ 312 หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

บทที่ 312 หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

กลิ่นหอมบ้านี่ทำให้นางติดพันอยู่อย่างแนบแน่นแล้ว

หลังจากอาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อย พวกองครักษ์ลับก็ออกไปทั้งหมด

เย่แจ๋หยิ่งเหลือบไปมองนาง แล้วนำชามเปล่าหนึ่งใบและตะเกียบคู่หนึ่งยื่นส่งไปตรงหน้านาง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กินเถอะ!”

“ไม่กิน!”

หลานเยาเยาส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ แต่ดวงตากลับไม่เชื่อฟังมองลงไปบนโต๊ะ

ตนเองเป็นคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ และจะไม่ถูกล่อด้วยอาหารอย่างเด็ดขาด

ไม่มีทางอย่างแน่นอน!

อาหารบ้านี่ก็หอมเสียจริงเลย!

“กรึบ……”

นางอดไม่ได้จนต้องกลืนน้ำลาย

ภายใต้สายตาของเย่แจ๋หยิ่ง ใบหน้าของนางก็เริ่มแดง และเริ่มรู้สึกเขินอาย “เมื่อกี้นี้คงจะดื่มเหล้ามากเกินไปหน่อย เลยไม่ทันได้กลืนลงไป”

“……”

ผ่านไปครู่หนึ่ง

“กรึบ……” นางกลืนน้ำลายอีกครั้ง

เย่แจ๋หยิ่งไม่อาจทนดูต่อไปได้จริง ๆ

เป็นเพราะสายตาของหลานเยาเยาแทบจะติดแนบอยู่กับตะเกียบในมือของเขาแล้ว

นางในตอนนี้ ยังมีลักษณะของเทพธิดาอยู่ที่ไหนอีก

ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเด็กกินเก่งที่อยู่เฉย ๆก็น่ารัก

“กินอันนี้สิ”

เย่แจ๋หยิ่งได้คีบขาหมูชิ้นหนึ่งวางลงไปในชามของนาง

เมื่อมองไปยังขาหมูที่มีสีเย้ายวนใจ เพียงแค่ได้กลิ่น หลานเยาเยาก็รู้ว่า มันจะต้องอร่อยกว่าขาหมูที่นางกินเป็นประจำอย่างแน่นอน

แต่……

“ไม่กิน!” นางยังคงตั้งใจแน่วแน่

“ข้าบังคับให้เจ้ากิน”

“โอ้ ก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลานเยาเยาก็รีบหยิบขาหมูมาแทะไปสองสามคำทันที ในใจก็ชมไม่ขาดปาก แต่ใบหน้ากลับเคร่งขรึมและพูดว่า “แต่นี่เจ้าบังคับให้ข้ากิน ข้าไม่ได้ขอร้องเจ้า”

“อืม! ข้ารู้”

“รู้แต่เจ้าก็ยังหัวเราะ”

“ข้าไม่ได้หัวเราะเจ้า!”

“อย่างนั้นแล้วเจ้าหัวเราะอะไร ลองหัวเราะอีกครั้งซิ”

……

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บรรยากาศก็ดูปรองดองเป็นพิเศษ ทั่วทั้งห้องที่ปีกด้านข้างของเย่แจ๋หยิ่งเต็มไปด้วยปัจจัยแห่งความสุข

เป็นเพราะการกินที่สะดวกสบาย หลานเยาเยาจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา และดื่มในทันที

สีหน้าของนางค่อย ๆแดง แต่ก็กลับยิ้มอย่างสดชื่นร่าเริง

“เย่แจ๋หยิ่ง ข้าคิดว่าอันที่แล้วเจ้าก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอ หรือพวกเราจะมาสาบานเป็นพี่น้องกันไหม วันหลังถ้าเจ้ามีของอร่อยอะไรก็เอามาเลี้ยงข้าด้วย วันหลังข้ามีของดีก็จะไม่เอามาให้เจ้า”

“ไม่สาบาน!” เย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธกลับไป

เขามองไปยังมือที่ว่างเปล่าของตนเอง และมองแก้วเหล้าที่ไม่มีเหล้าแล้วในมือของหลานเยาเยา

เหล้านี้เขาดื่มไปเพียงแค่หนึ่งคำ

ก็ได้ถูกนางชิงไปดื่มแล้ว

“ทำไมไม่สาบานล่ะ ดูถูกข้าหรือ ข้าเป็นเทพธิดาที่รูปร่างหน้าตาสง่างาม ผู้คนทั่วไปต่างก็นับถือข้าดุจเทพเจ้า พระราชวงศ์แต่ละประเทศต่างก็เคารพและยำเกรงข้า ข้าเป็นคนลึกลับจนคาดเดาไม่ถูก อำนาจที่แข็งแกร่ง มีอะไรตรงไหนที่ไม่คู่ควรจะเป็นพี่น้องกับเจ้า”

ถ้าไม่ใช่เพราะอาหารที่แสนอร่อย นางก็คงจะไม่พูดข้อเสนอนี้หรอก!

“ไม่ใช่ไม่คู่ควร แต่ข้าไม่ต้องการ”

เย่แจ๋หยิ่งหยิบแก้วเหล้ามาใหม่อีกใบ แล้วเทเหล้าไปหนึ่งแก้ว เขายังไม่ได้ดื่ม แต่แค่ถือไว้ในมือ

เป็นอย่างที่คาดไว้!

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ มือที่เรียวขาวมือหนึ่งก็ยื่นเข้ามา คว้าแก้วเหล้าไปจากในมือของเขา และดื่มมันอีกครั้ง

เมาแล้วหรือ

เมาแล้วก็ดี!

“เรื่องดีขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่ต้องการล่ะ”

หลานเยาเยาขยี้ผมของตนเองอย่างยุ่งเหยิง ทำให้ศีรษะของตนเองไม่ต้องหนักเกินไป

ตอนนี้!

เย่แจ๋หยิ่งเอนตัวเข้ามา และพูดจูงใจข้าง ๆหูของนาง

“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนสิ่งของทั้งหมดของข้าให้กลายเป็นของเจ้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลานเยาเยาก็เปล่งประกาย

แบบนี้ก็ดีสิ!

เย่แจ๋หยิ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจมหาศาล กำลังทหารที่อยู่ในมือของเขาแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้

อีกอย่างเขายังร่ำรวยเทียบเท่าได้กับทรัพย์สินของแผ่นดิน ตั๋วเงินเป็นพันตำลึงปึกหนาคิดจะเผาก็เผา โดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาหารที่เย่แจ๋หยิ่งทำขึ้นนั้นอร่อยกว่าที่ซาหมั่นเฉิงพ่อครัวอันดับหนึ่งของใต้หล้าทำขึ้นเสียอีก

หากสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ได้กลายเป็นของตนเอง อย่างนั้นได้พัฒนาขึ้นแล้วจริง ๆ”

แต่……

“แล้วของข้าล่ะ”

แม้ว่าเงินทองของนางจะไม่มากเท่าเย่แจ๋หยิ่ง ตำหนักก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าเขา แต่เขามีพื้นที่ทางการแพทย์!

นี่คือความมั่งคั่งที่ไม่มีสิ้นสุด!

“ของเจ้าก็ยังเป็นของเจ้า”

ว้าว!

ดีมาก

ของของเขาก็กลับเป็นของตนเองทั้งหมด สิ่งของของตนเองก็ยังคงเป็นของตนเอง การค้าขายที่ขาดทุนแบบนี้ เขาคิดจะทำอะไร

“บอกมา เจ้ามีจุดมุ่งหมายอะไร”

“……”

ยังไม่เมาหรือ

ดังนั้นเย่แจ๋หยิ่งจึงรินเหล้าไปอีกสองแก้ว จนกระทั่งหลานเยาเยาดื่มจนหมด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนอีกครั้ง

“โธ่ ข้อเสนอของข้าเป็นอย่างไร”

เอ่อ……

ข้อเสนออะไรกัน

หลานเยาเยาทำปากพึมพำ ราวกับกำลังคิดหนัก

ดูเหมือนว่าสิ่งของทุกอย่างของเย่แจ๋หยิ่งล้วนแต่เป็นข้อเสนอของนาง ช่างเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ จะต้องดีมากแน่นอน

“ตกลง ดีมาก!”

“เพียงแค่เขียนชื่อของเจ้าลงไปบนบันทึกนี้ เจ้าก็สามารถยึดทรัพย์สินครอบครัวของข้าได้ ครอบครองตำหนักของข้า และยังสามารถไล่ข้าออกไปได้”

พูดจบ

เย่แจ๋หยิ่งก็ได้หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน หลังจากเปิดออก ก็หยิบกระดาษข้างในออกมา จากนั้นก็ยื่นให้กับนาง

“ฮื้ม คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆขนาดนี้ ข้าดูหน่อย”

หลานเยาเยารับกระดาษแผ่นนั้นมาดู พบว่าตัวอักษรบนนั้นดูมั่วไปหมด เหมือนกับไส้เดือนกำลังคลาน

เห็นไม่ชัด เห็นไม่ชัดเลยจริง ๆ!

อย่างไรก็ตามเมื่อดวงตาของนางมองไปบนซองจดหมายของเย่แจ๋หยิ่ง ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที และคว้ามันมาไว้

“นี่คืออะไรหรือ”

มองไปยังตัวอักษรตัวใหญ่บนซองจดหมาย นางมองแล้วมองอีก

“ข้ารู้จักตัวอักษรสองตัวนี้ แต่ง…..แต่งอะไรนะ”

“นี่เป็นโฉนดที่ดินตำหนักของข้า” สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งมีความกังวลเล็กน้อย

“โฉนดที่ดินหรือ”

“อื้ม! นี่คือโฉนดที่ดิน”

“โอ้ ที่แท้ก็โฉนดที่ดิน โฉนดที่ดินอะไรนะ ขนมปังกรอบหรือ น่องไก่หรือ ไม่สิ ขาหมูต่างหาก……”

เมื่อเห็นว่านางวเมาแล้วจนเริ่มจะพูดจาเพ้อเจ้อ เย่แจ๋หยิ่งจึงได้ดึงเอาซองกลับมา จากนั้นให้นางลงชื่อไว้บนกระดาษ

“เขียนชื่อของเจ้าไว้ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าทั้งหมดก็จะเป็นของเจ้า” สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรวมเขาด้วย

เมื่อเห็นหลานเยาเยาหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนชื่อลงไปที่ท้ายกระดาษ

เขาอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อบนหน้าผากของตนเอง

“เฮ้อ……”

เขาพูดจาเหลวไหลออกไปอย่างตรง ๆเช่นนี้จะดีจริงหรือ

ช่างเถอะ

ลักพาคนกลับตำหนักก่อนค่อยว่ากัน

จนกระทั่งหลังจากที่หลานเยาเยาเขียนเสร็จ นางก็นอนคว่ำหน้าตรงลงไปบนกระดาษ

เย่แจ๋หยิ่งยิ้มและจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้กับนาง จากนั้นก็ค่อย ๆยกศีรษะของนางขึ้น แล้วหยิบกระดาษออกมาดู

เอ่อ……

ไม่มีชื่อเขียนอยู่บนกระดาษ แต่ได้วาดรูปทองแท่งใหญ่ ๆเอาไว้สองแท่ง

เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกหมดหนทาง

นี่เป็นโอกาสที่ดี……

ตอนนี้!

ก็ไม่รู้ว่าหลานเยาเยากำลังฝันอยู่หรือเปล่า เห็นแต่เพียงนางทำหน้ามุ่ย และบ่นพึมพำ

“ป้องกันไฟป้องกันโจรป้องกันอ๋องเย่ หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

“……”

……

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว หลานเยาเยาที่กำลังนอนหลับอย่างหอมหวาน จู่ ๆก็ได้กลิ่นเหม็นแปลก ๆ

เหม็น……

เหม็นมาก!

เมื่อนางค่อย ๆลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือมือที่เรียวขาวมือหนึ่ง กำลังหยิบขวดยาขนาดเล็กออกจากจมูกของนาง

หลังจากที่มือนั้นพ้นสายตาไป ใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตร ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง

คือเย่แจ๋หยิ่ง!

มองไปจากมุมนี้ ช่างหล่อเหลาไร้ที่ติจริง ๆ!

เพียงแค่ดวงตาที่เรียบนิ่งและเปล่งประกายสดใสของเขา ทำไมนางกลับไม่เห็นถึงร่องรอยของความไม่พอใจ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท