หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 311 ขาขยับไม่ได้แล้ว

บทที่ 311 ขาขยับไม่ได้แล้ว

บทที่ 311 ขาขยับไม่ได้แล้ว

ถึงอย่างไรคนที่พักอาศัยอยู่ในวัดก็มีจำนวนมากมายมาตั้งแต่เดิม อีกอย่างยังมีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน มีผู้ที่วรยุทธ์เก่งกล้ามากมาย อาจจะยังมีแม้แต่สายลับของประเทศอื่น

แน่นอนสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือชื่อเสียงของนาง

แม้เลือดจะออก หัวจะแตก ทรงผมก็ไม่อาจยุ่งเหยิงได้

ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้ ชื่อเสียงจะต้องไม่ถูกลบเลือน

ดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งได้ดึงจุดนี้ของนาง หิ้วนางตรงไปในห้องที่ปีกด้านข้างของเขา จากนั้นก็ทิ้งนางลงบนเตียง

เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้า

นี่มันผิดปกติ

หลานเยาเยาเบิกตากว้างทันที มองดูเขาด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อ

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

นางหรี่ตาลงเล็กน้อย

เรียนอะไรก็ไม่ได้ดีได้แต่เรียนรู้การบีบบังคับคนอื่นงั้นหรือ

ความอดทนของนางมีจำกัด หากจะต้องบีบบังคับนางให้รีบเร่งจริง ๆ ก็คงไม่ลังเลที่จะทำให้เขารู้สักครั้งว่านางสามารถเสกของจากอากาศได้

“โธ่ ข้าจะทำอะไรเจ้าได้”

เย่แจ๋หยิ่งมองนางอย่างแปลกประหลาด ดวงตากะพริบเล็กน้อย

“เหอะ ใครจะไปรู้ล่ะ! วางใจเถอะ เจ้าไม่สามารถทำสำเร็จหรอก”

เอ่อ

อะไรที่ไม่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว

ยังจะมีอะไรที่เรียกว่าทำไม่ได้อีก

ความสามารถในการปั้นน้ำเป็นตัวของเย่แจ๋หยิ่งคือการพูดไหลไปเรื่อยจริง ๆ

“ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะถึงยามจื่อ(ยามจื่อ น.24-น.2)”

เมื่อเห็นท่าทีที่ต่อต้านของหลานเยาเยา เขาก็ไม่มีทางเลือก

“เอ๊ะ”

จู่ ๆก็เปลี่ยนเรื่องไปอย่างกะทันหัน ทำให้หลานเยาเยารู้สึกงุนงงเล็กน้อย

“ไม่ใช่ว่าต้องการไปที่ต้นบุพเพหรือ” หลังจากผ่านยามจื่อไปแล้ว ที่นั่นก็ไม่มีผู้ใดแล้ว”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” หรือว่าเจ้าก็ต้องการจะไปเช่นกัน

นางไม่ได้ต้องการจะไปเพียงเพื่อขอพรให้ช่วยเรื่องบุพเพสันนิวาส แต่ต้องการไปทำกิจธุระ

แต่เย่แจ๋หยิ่งจะไปทำอะไร

คงจะไม่คิดแผนการอะไรอีก ที่จะเป็นการลอบทำอะไรที่ไม่ดีกับนางอีกหรอกนะ

“ทำไมไม่ได้หรือ”

“ได้ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

อยากจะไปก็ไปสิ ไม่มีใครมาห้ามเขาสักหน่อย

นางแค่คอยระมัดระวังตนเองก็ได้แล้ว

ในเวลานี้ เย่แจ๋หยิ่งโบกมือถอดเสื้อคลุมนอกออก แล้วก็แขวนเอาไว้บนฉากกั้น

ต่อมาเขาเดินไปยังด้านหลังฉากกั้น เปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีดำชุดหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงที่ขอบโต๊ะ

หลังจากรินเหล้าไปหนึ่งแก้ว แล้วก็ดื่มจนหมดในครั้งเดียว

จากนั้นก็จ้องมองไปยังร่างกายของนาง ทั่วทั้งร่างของนางยังคงเปียกโชก แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่แห้ง แล้วพูดเบา ๆว่า “มีเสื้อผ้าอยู่หลังฉากกั้น บางทีอาจจะเหมาะกับเจ้า”

“เสื้อผ้าผู้หญิงหรือ” หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะถาม

“อื้ม!”

นางคงฟังไม่ผิดหรอกนะ

ที่นี่เป็นวัด อีกทั้งที่นี่ยังคงเป็นที่พักชั่วคราว ไม่นึกเลยว่าเย่แจ๋หยิ่งจะมีเสื้อผ้าผู้หญิงด้วยหรือ

นี่มันเหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า

“อย่าไปคิดมากเลย เสื้อผ้ายังไม่มีใครใส่มาก่อน”

“อะไรกัน!” ใครคิดมากกัน

การที่ต้องเปียกทั้งตัวมันรู้สึกไม่สบายจริง ๆ ดังนั้นนางจึงรีบลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว และไปด้านหลังของฉากกั้น จึงได้เห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งจริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้นางต้องตกตะลึงคือ……

เสื้อตัวนี้ไม่ใช่ของคนอื่น แต่กลับเป็นของนาง

มันได้ถูกสั่งตัดเอาไว้เมื่อสามปีก่อน และเป็นเสื้อผ้าที่นางพอใจที่สุด ได้แต่เพียงวางไว้ในห้องไม่ได้นำมาใส่

นึกไม่ถึงว่าสามปีก่อน เสื้อผ้าตัวนี้จะมาปรากฏขึ้นต่อหน้านางอีกครั้ง

หรือว่าเขาเป็นคนเอามา……

หรือเขาจะรู้แล้ว

หรือจะกล่าวว่า ตอนนี้เขาแค่สงสัย จึงต้องการนำเสื้อผ้าตัวนี้มาใช้ในการหยั่งเชิง

คงจะเป็นแบบนี้

ฮึ!

แน่นอนว่าไม่สามารถให้เขาทำสำเร็จได้

ดังนั้น หลานเยาเยาได้ถอดชุดสีแดงเลือดที่นางมักจะใส่เป็นประจำซึ่งนำออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และเปลี่ยนชุดที่เปียกทั้งหมดออก

แต่หลังจากได้เปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไป

หากแต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ความตกใจที่ร้ายแรงในวันนี้ นางยังคงจดจำได้อย่างชัดเจนมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นนางจะต้องกลับไปอีกแน่นอน

ฮิฮิ……

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้ายังอยู่หรือเปล่า”

“อืม!”

“เจ้าบอกว่าเจ้าจะให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทำไมจึงมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว”

เย่แจ๋หยิ่งเป็นคนฉลาด แม้ว่านางจะพูดจาคลุมเครือ แต่เขาก็ยังคงสามารถเข้าใจได้!

“เจ้าต้องการสวมเสื้อผ้าสองตัวหรือ” เย่แจ๋หยิ่งที่กำลังถือแก้วเหล้าอยู่สงสัยเล็กน้อย

เมื่อดูจากเสื้อผ้าที่เปียกของนางแล้ว นางก็ใส่เสื้อผ้าเพียงตัวเดียว ทำไมจู่ ๆตอนนี้ถึงได้ต้องการเสื้อผ้าสองตัว

“……ไม่ใช่”

คงจะพูดอ้อมค้อมเกินไป เขายังไม่เข้าใจ

อย่างนั้นคงต้องบอกตรง ๆแล้วล่ะ!

“ผ้าเอี๊ยม กางเกงชั้นก็ไม่มี เจ้าจะให้ข้าใส่เพียงเสื้อคลุมตัวเดียวแต่ข้างโล่งน่ะหรือ บอกมาว่าต้องการอะไร

“……”

เย่แจ๋หยิ่งร่างกายหยุดชะงัก

เรื่องนี้เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ “เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ”

“อย่างนั้นเจ้าก็ไปเอาให้ฆ่าสิ ไม่อย่างนั้นชุดตัวนี้ข้าก็ใส่ไม่ได้!”

หลานเยาเยารู้สึกได้ชัดเจนถึง บรรยากาศที่เก้อเขิน

ให้เขาซึ่งเป็นผู้ชายต้องไปหาชุดชั้นในของผู้หญิง อีกทั้งยังอยู่ในวัด จะหาได้หรือไม่ก็ยังคงเป็นปัญหา แต่จะถูกผู้คนหัวเราะอย่างแน่นอน

หลังจากเงียบไปชั่วครู่

ในที่สุดเย่แจ๋หยิ่งก็พูดออกมาหนึ่งคำอย่างยากลำบาก

“ได้!”

เดิมทีคิดว่าเย่แจ๋หยิ่งเป็นคนขี้อาย จะให้ไปยืมของผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ได้แน่นอน ถ้าหากจะไปหาซื้อด้วยตนเองละก็เส้นทางก็ห่างไกล ไปกลับก็คงกลับมาไม่ทันในหนึ่งชั่วโมง

ทันทีที่เย่แจ๋หยิ่งเดินออกไป หลานเยาเยาก็เดินออกมาจากหลังฉากกั้น

เมื่อนางหยิบเมล็ดแตงออกมาจากระบบแล้ววางเอาไว้ ก็ยกขาทั้งสองขึ้นไขว่ห้าง จิบเหล้าไปพลาง และแทะเมล็ดแตงไปพลาง เป็นช่วงเวลาที่สบายใจอย่างมาก

“เอี๊ยด……”

ประตูห้องถูกเปิดออก เย่แจ๋หยิ่งเดินเข้ามาพร้อมห่อสิ่งของห่อหนึ่ง

“……”

เย่แจ๋หยิ่งเป็นคนมีประสบการณ์ที่ช่ำชองอย่างนั้นหรือ

หาของได้แล้วอย่างนั้นหรือ จะเร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า

ทันทีที่เย่แจ๋หยิ่งเข้ามา สายตามองไปยังด้านข้างขอบโต๊ะ หลานเยาเยากำลังนั่งอยู่ในภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี

อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก

แต่เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวนางเป็นสีแดง ซึ่งไม่ใช่ชุดนั้นที่เขาเตรียมเอาไว้ให้นาง ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกินอะไรขึ้น

ท่าทีก็นิ่งเงียบทันที สีหน้าก็เย็นชาลง

“เสื้อผ้าชุดนี้มาจากไหนหรือ”

“โธ่ ให้องครักษ์นำมาให้”

เย่แจ๋หยิ่งกลับมาอย่างกะทันหัน ทำให้นางรับมือไม่ทัน

นางจะยังสามารถพูดอย่างไรได้อีก

“ผ้าห่อสัมภาระของเจ้าอยู่ที่นี่ องครักษ์จะนำมาจากที่ไหนกัน”

เอื้อนเอ่ยออกไป!

เย่แจ๋หยิ่งโยนผ้าห่อสัมภาระไว้ในอ้อมแขนของนาง”

เมื่อเห็นว่าผ้าห่อสัมภาระนั้นเป็นของตนเองจริง ๆ ข้างในล้วนแต่เป็นของใช้ส่วนตัว แน่นอนว่าก็มีเสื้อผ้าอยู่หนึ่งถึงสองชุด

นึกไม่ถึงว่าเย่แจ๋หยิ่งจะไม่ได้ไปยืมมา และก็ไม่ได้ออกไปซื้อด้วย ก็เลยหยิบมาจากผ้าห่อสัมภาระของนางโดยตรง

คนนี้……

ยังคิดออกมาได้จริง ๆ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว” จากนั้น นางก็ยกผ้าห่อสัมภาระของตนเองขึ้น และพูดกับเขาเบา ๆ

“ขอบคุณอ๋องเย่มาก”

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้พูดอะไร ดูจากท่าทีแล้วเหมือนว่าถูกทำให้โกรธอยู่ไม่น้อย

เพียงแค่เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้นางไม่กี่ก้าว โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วบีบคางของนาง

“เจ้ามากลั่นแกล้งอะไรข้า”

“ก็พอ ๆกันนั่นแหละ”

เขาต้องการจะทดสอบนาง อย่างนั้นนางจึงกลั่นแกล้งเขา ทำไมจะไม่ได้ล่ะ

อารยชนย่อมไม่พูดปิดบัง นางเป็นกล้าทำก็กล้ารับ

เย่แจ๋หยิ่งจ้องเขม็งไปยังดวงตาของนาง ในรูม่านตามองลึกลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน

แต่ในไม่ช้า

ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆมีรอยยิ้มที่ลึกลับลอยขึ้นมา

“ได้! ต่อไปก็อย่ามาขอร้องข้า”

พูดจบ เขาก็ปล่อยคางของนาง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“หึ! ในพจนานุกรมของข้า ไม่มีคำว่าขอร้อง”

ขอร้องเขาหน่ะหรือ

เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ไม่นานนัก กลิ่นหอมที่ทำให้คนต้องน้ำลายไหลได้โชยมา……

หลานเยาเยาตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อเห็นว่ามีองครักษ์ลับนับสิบคนเดินต่อแถวเข้ามา ต่างก็ยกอาหารที่กำลังกรุ่นอยู่ไว้ในมือ

กลิ่นนั่น……

มันทำให้นางถึงกับกลืนน้ำลาย

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่โหดร้ายของตนเองที่เพิ่งจะพูดออกไป ก็มีความรู้สึกเหมือนอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายในทันที

นางอยากจะออกไป ไปให้พ้นจากสถานที่ที่เป็นปัญหาแห่งนี้ นี่ก็เป็นความผิดของนาง

แต่!

ขานางขยับไม่ได้แล้ว!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท