หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 316 อย่าได้คิดฝันลมๆแล้งๆกับข้า

บทที่ 316 อย่าได้คิดฝันลมๆแล้งๆกับข้า

บทที่ 316 อย่าได้คิดฝันลมๆแล้งๆกับข้า

หลังจากนั้น ไม่ว่าบนต้นไม้หรือใต้ต้นไม้ ต่างก็ถูกค้นหาจนหมด นางยังไปค้นหารอบๆ ต้นไม้อีกครั้งหนึ่งด้วย

รอจนการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของนางเสร็จสิ้นลง

นางก็ไม่ได้ขยันขันแข็งอะไรมากมายแล้ว เพียงสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในแขนเสื้ออันกว้างขวางของตน เดินไปเดินมาอย่างเกียจคร้าน

บางคนจึงเริ่มมีความคิดเห็นแล้ว

จะว่านางก็ไม่ทำอะไรเลยน่ะหรือ!

แต่สายตาของนาง ก็กำลังมองซ้ายแลขวาอยู่นี่อย่างไรล่ะ !

ในหมู่พวกเขา มีลูกน้องคนหนึ่งที่เสื้อผ้าอาภรณ์ดูแล้วน่าอึดอัดอย่างยิ่ง ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้นว่า

“อย่าเล่นลูกไม้ให้มาก ระวังข้าจะเชือดเจ้าทิ้ง!”

“ข้ามีตัวคนเดียว พวกเจ้ามีกันเป็นกลุ่มใหญ่โตมโหฬาร ทั้งยังมีราชครูเทียนเวิง เจ้านายใหญ่ของพวกเจ้าที่ควบคุมอยู่ที่นี่ ขอถามหน่อยเถอะว่า เจ้าจะกลัวอะไรไม่ทราบ?”

เดิมทีนางไม่อยากเปลืองน้ำลาย เพราะเวลาคุยกับคนดื้อดึงสมองทึบ นอกจากโกรธแล้วนางยังจะทำอะไรได้อีก?

แต่ทว่า!

นางต้องประวิงเวลาออกไปสักพัก

ขอเพียงประวิงเวลา ให้ยืดเยื้อออกไปได้อีกสักพักหนึ่งก็พอ

ด้วยเหตุนี้เอง!

เป็นเขาแล้วกัน! เจ้าหนุ่มที่ใช้คำพูดไร้มารยาทกับนางคนนั้นนั่นล่ะ

“เจ้า……”

” ข้าทำไมหรือ ? ถึงแม้ว่าข้าจะงดงามจนใครเห็นใครรัก มวลบุปผาเห็น ยังต้องแย้มกลีบผลิบาน แต่สำหรับคนที่รุงรังเละเทะ สะเปะสะปะอย่างเจ้า แค่คิดก็อย่าได้คิด อย่าได้ฝันอะไรที่มันลมๆแล้งๆไปหน่อยเลย

ยิ่งไม่ต้องพยายามที่จะพูดเรียกร้องความสนใจจากข้า แล้วก็ไม่ต้องพยายามอธิบายอะไร เพื่ออำพรางเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าด้วย

สำหรับข้าแล้ว เจ้าอยากจะปีนป่ายขึ้นมาก็ไม่มีทางเสียหรอก อะไรที่ไม่ต้องอธิบายได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก

ดูเจ้าสิ! หน้าแดงทำไมไม่ทราบ? ไม่ใช่เป็นเพราะว่า พูดกับเจ้าเยอะขึ้นสองสามประโยคหรอกหรือ! ถึงกับต้องเขินอายขนาดนี้เชียว? ”

หลังจากที่หลานเยาเยาพูดรวดเดียวจบนั้น

ยังพยักหน้าอย่างสบาย ๆ ให้กับตัวเองอีกด้วย

“เจ้า! เจ้าพูดเหลวไหล !…. ”

ใบหน้าของเขา ถูกความโกรธโจมตีจนแดงก่ำไปทั้งหน้า

ในบรรดาคนทั้งกลุ่มนี้ เขาคิดว่าตัวเขาเองนี่แหล่ะ ที่หล่อเหลาสง่างามที่สุด

ดังนั้นแล้ว

เขาต้องโต้แย้งคำพูดนั้น

“ข้าดูรุงรัง เละเทะสะเปะสะปะตรงไหนไม่ทราบ? เห็นอยู่ชัดๆว่า ทั้งหล่อเหลางามสง่าราวต้นไม้หยกถึงเพียงนี้ เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?”

เอิ่ม?

ที่แท้ในหมู่ศัตรูยังมีคนที่หลงตัวเองอยู่เสียด้วย

“เอาขนนกตั้งหลายเส้นมาปักบนหัว นี่คืองามสง่าดั่งต้นไม้หยกหรือ? แล้วดูที่ตาเจ้าหน่อยเถอะ ข้างหนึ่งเป็นตาชั้นเดียว อีกข้างเป็นตาสองชั้น หาความสมดุลไม่เจอเลยสักนิด

แล้วยังไฝคนงามที่คิ้วนั่น มันเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ ? เจ้าแต้มมันลงไปเองล่ะสิ ? แต้มอย่างไรให้เบี้ยวได้อย่างนั้นกันล่ะ ?

ดูสารรูปตัวเจ้าเองหน่อยดีหรือไม่ เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ไม่เรียกว่ารุงรัง เละเทะ สะเปะสะปะ จะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ? ”

เขาโกรธจนหายใจหอบกระชั้นถี่ เดิมทีเขาไม่ใช่คนชอบพูดอะไรนัก แต่เพื่อภาพลักษณ์ของตัวเองแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจนเสียหน่อย

“ ขนบนหัวข้า ไม่ใช่ขนนกขนไก่อะไรทั้งนั้น แต่เป็นเครื่องประดับผมแบบดั้งเดิมของชนเผ่า เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าผ่าเผย ที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูล

ส่วนเรื่องเปลือกตาสองข้างไม่เหมือนกัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าอยากจะให้มันเป็นเสียหน่อย แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับรูปร่างหน้าตาของข้านี่

นอกจากนี้ยังมี จุดที่อยู่ตรงหว่างคิ้วนั่นคือฮวาเตี่ยน [การแต้มรูปดอกไม้ไว้ที่หว่างคิ้ว] เป็นข้าแต้มลงไปเอง ทั้งยังแต้มได้ตรงเป๊ะเลยด้วย มันเบี้ยวตรงไหนไม่ทราบ? ไม่ใช่ไฝคนงามอะไรพรรค์นั้นเสียหน่อย

ไม่คิดเลยจริงๆว่า เทพธิดาผู้ทรงเกียรติงามสง่า จะถึงกับบิดเบือนข้อเท็จจริง กลับดำเป็นขาวได้ถึงเพียงนี้

ฮึ !”

เอิ่ม……

เทพธิดาทำไมหรือ?

เทพธิดาจะพูดจากลับดำเป็นขาวไม่ได้หรือ?

หรือจะบอกว่า ภาพลักษณ์เทพธิดาของนางนั้นยิ่งใหญ่สูงส่งเหลือเกินแล้ว

ดังนั้นจึงต้องเป็นเช่นเดียวกับพระแม่มารี เป็นสาวใสซื่อ บริสุทธิ์ดุจดอกบัวขาวตอแหลไม่ได้ จะพูดจาก็ต้องอ่อนโยนนุ่มนวล ตรงไปตรงมาอย่างนั้นเรอะ?

นี่พวกเขาไม่ใช่ว่าเข้าใจอะไรผิด เกี่ยวกับคำว่าเทพธิดาแล้วหรอกนะ!?

“เจ้าอธิบายแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าเจ้ากำลัง คิดเพ้อเจ้อฝันลมๆแล้งๆ กับข้าอยู่จริงๆนั่นแหล่ะ เอาเถอะๆ เห็นแก่ที่เจ้าอุตส่าห์พูดจาอธิบายเสียมากมาย ก็ถือเสียว่า เจ้าสง่างามดั่งต้นไม้หยกไปซะก็แล้วกัน

“เจ้า……”

อะไรคือ ถือเสียว่าสง่างามดั่งต้นไม้หยกไปซะก็แล้วกัน ? เห็นอยู่ชัดๆว่า แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็สง่างามดั่งต้นไม้หยกมาตลอดอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง

เขาถูกนางทำให้โกรธจนแทบกระทืบเท้าอยู่แล้ว

“อย่าเจ้าๆ อยู่เลยน่า นอกจากคำว่าเจ้าแล้ว ตัวเจ้าเองยังจะพูดอะไรได้อีก? ต่อให้จะพูดมากไปกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้าไม่มีทางจะถูกตาต้องใจในตัวเจ้าอยู่แล้ว”

พูดจบ

หลานเยาเยายังส่งยิ้มให้เขาอย่างยั่วยวน

“เจ้า……”

ชายคนนั้นกระทืบเท้าครั้งหนึ่ง หันหลังกลับไปมองราชครูเทียนเวิง ส่งเสียงเรียกอย่างติดจะออดอ้อนเล็กน้อยว่า “ท่านปู่ทวด ท่านดูสิ เทพธิดานางพูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหล”

หลานเยาเยา: “….. ”

แม่จ้าวโว้ย!

ปู่ทวด?

มีการใช้เส้นสายเล่นพรรคเล่นพวกซะด้วย!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางเห็นคนคนนั้นครั้งแรก ก็มีความรู้สึกว่า เจ้าคนนี้แต่งตัวแตกต่างจากคนอื่น ๆ อยู่บ้าง ที่แท้ก็ไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นเหลน!

เพียงแต่……

ปู่ทวด?

เช่นนั้นอายุก็ต้องเยอะน่าดูแล้วน่ะสิ!

คิดไม่ถึงว่าราชครูเทียนเวิง จะมีกระทั่งเหลนแล้ว

ไม่น่าแปลกใจที่ราชครูเทียนเวิงถึงได้ร้อนใจ อยากรีบตามหาน้ำอมฤตที่ทำให้เยาว์วัย ไม่แก่ชราถึงเพียงนี้

ดูไปแล้วคนเมื่อครู่นั้น อายุอานามก็น่าจะประมาณยี่สิบได้แล้วกระมัง!

ในเวลานั้นเอง!

ราชครูเทียนเวิง ชำเลืองมองชายคนนั้นอย่างเย็นชา แววตาแห่งความไม่พอใจฉายวูบในดวงตาของเขา

“ เรียกว่าราชครูใหญ่”

“ ขอรับ ราชครูใหญ่” ปู่ทวดเคยบอกไว้นานแล้วว่า หากอยู่ข้างนอก จะต้องเรียกว่าท่านราชครูใหญ่เท่านั้น ไม่ว่าจะใครก็ต้องทำเช่นนั้นทั้งหมด

เมื่อครู่นี้เขาโกรธจนแทบบ้าแล้วจริงๆ

“เฮ้!” หลานเยาเยาคำนวณระยะเวลาโดยประมาณ รู้สึกว่าน่าจะสมควรกับเวลาที่คาดไว้แล้ว จึงถามคำถามสุดท้ายออกไปว่า

“เจ้าอายุเท่าไหร่?”

“ฮึ!” ชายคนนั้นแค่นเสียงอย่างเย็นชา ดูท่าทางเหมือนจะไม่อยากตอบคำถามของนาง แต่ช่วงเวลาที่นางหันกายมา ก็เอ่ยตอบคำถามโดยดี “สิบหก”

“ …. ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ดูรีบร้อนโตเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ นั่นล่ะ”

“ เจ้า … ” รู้แล้วล่ะว่าจะเป็นเช่นนี้

มุมปากของหลานเยาเยายกโค้ง คิ้วตาแย้มยิ้ม เพียงพริบตาก็เหินบินไปยังต้นบุพเพทันที

ราชครูเทียนเวิงเหมือนจะสังเกตเห็น ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เสียงอันแก่ชราจึงดังขึ้นอย่างเย็นชา

“ตรวจสอบค้นหาเป็นอย่างไรแล้วล่ะ?”

“ค้นหาไม่พบ” นางเอ่ยตอบอย่างเย็นใจสบายอารมณ์อย่างยิ่ง

“ เช่นนั้น คงต้องขอเชิญเทพธิดาไปกับข้าเสียหน่อยแล้ว”

พูดจบ!

ราชครูเทียนเวิงส่งสัญญาณทางสายตา สั่งการไปยังคนข้างหลัง

ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้สัญญาณนั้น จึงรีบพุ่งเข้าหาหลานเยาเยาทันที

เฮอะ!

คิดจะจับนางอย่างนั้นหรือ?

สายไปแล้ว

ตอนนี้ต่อให้เป็นราชครูเทียนเวิง มาจับนางด้วยตัวเอง ก็ยังนับว่าสายเกินไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะในขณะนี้ ห่อจื๋อจื่อ(ของที่มีบทบาทคล้ายไม้ขีดในสมัยโบราณจีน)ที่อยู่ในมือของนาง ได้ถูกเปิดออกแล้ว

และในเวลานี้นั่นเอง

เสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น: “อยากจะจับนาง คงต้องผ่านด่านพวกเราไปให้ได้เสียก่อน”

ทันทีที่เสียงนี้ดังออกมา ร่างชราหลายร่างซึ่งมีเคราสีขาวสั้นยาวต่างกัน ก็เหินบินออกมาร่อนลงไปยังต้นบุพเพ ขวางกั้นบรรดาคนที่กำลังจะขึ้นมาจับนาง

ด้วยเหตุนี้ !

มือของนางสะบัดวูบ ไม้ขีดก็ถูกเก็บกลับเข้าไปทันที

“ตาเฒ่าทั้งหลาย ทำไมพวกเจ้าถึงได้มาที่นี่กันหมดเลยล่ะนี่?”

หากนางไม่ได้ความจำเสื่อมล่ะก็ นางจำได้ว่า นางจัดการให้ตาแก่ไปอยู่ในตำหนักแล้วนี่นา? ส่วนตาเฒ่าคนอื่น ๆ เหล่านั้น ควรจะยังคงอยู่ใน สำนักหงอี ถึงจะถูก

ตาแก่ออกแรงหวดออกไปเพียงครั้ง ก็จัดการลูกน้องของราชครูใหญ่ ที่อยู่ห่างออกไปสองคนล้มลงไปนอนกองกับพื้น มือกุมตรงจุดที่โดนหวดใส่ ลุกขึ้นมาไม่ไหวอีก

ในเวลาอันรวดเร็ว

ตาใหญ่ ตารองและตาเฒ่าคนอื่น ๆ ที่เหลือล้วนต่อยตีบรรดาผู้คนที่พุ่งเข้ามา จนทั้งหมดล้มลงไปนอนกองกับพื้น

แต่ละคนมีสภาพจมูกเขียวใบหน้าบวมปูด หากไม่ใช่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเทพธิดาแล้วล่ะก็ นางคงจะปรบมือสนั่นแล้วร้องว่าดีไปตั้งนานแล้ว

ในเวลานั้นเอง!

ตาแก่จึงหันหน้ากลับมา เอ่ยตอบคำถามของนาง

“ที่หอมีข่าวส่งมาว่า มีคนต้องการจะทำร้ายเจ้า ดังนั้นพวกเขาทั้งหลายก็เลยรีบมากัน”

“ประมาทกันขนาดนี้เลยหรือ?” หลานเยาเยาสงสัยไม่น้อย

ทันทีที่พวกเขาได้รับข่าว พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบถึงความน่าเชื่อถือของข่าวว่าถูกต้องแน่ชัดหรือไม่ เหล่าผู้บุกเบิกหอทั้งหมด กลับออกมาปรากฏตัวกันเช่นนี้?

นี่ไม่เหมือนรูปแบบยามปกติของพวกเขาเลยจริงๆ!

พวกเขาแต่ละคน ลึกลับว่องไวไม่ต่างจากวิญญาณลิงก็ว่าได้ เพราะเหตุใดจึงออกมาปรากฏตัวกันอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้?

คนที่ส่งข้อความถึงพวกเขา จะต้องเป็นคนที่พวกเขาไว้วางใจอย่างมาก

“ประมาทที่ไหนกัน ? พวกเราแก่จนกระดูกกระเดี้ยวเกินแกงแล้ว มองเจ้าเป็นเหมือนดั่งหลานสาวคนหนึ่ง หากเจ้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันมีอันเป็นไป พวกเราจะไปสู้หน้ากับ….. พวกเราจะไปกลั่นแกล้งใครได้กันเล่า?”

“พวกเจ้ามีความลับ” หลานเยาเยาเลิกคิ้วถาม

“พวกเราไม่มี !”

“ พวกเรากล้าที่ไหนกัน?”

“ เจ้าอย่าเดาส่งเดชน่า!”

“หากว่ามีจริงๆ ก็เป็นพวกเขาโน่นที่มี ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”

……………….

ได้เห็นตาเฒ่ากลุ่มหนึ่ง แต่ละคนๆผลัดกันพูดคนละประโยค จากนั้นเมื่อพบว่า หนึ่งในนั้นพยายามจะพูดปัดความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนบางคน พวกเขาที่เหลือ แต่ละคนก็จะผลัดกันพูดปัดความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอีกไปเรื่อยๆ

หลานเยาเยาถึงกับต้องกุมหน้าผากตัวเองอย่างเงียบงัน

หลังจากปรายสายตามองวูบผ่าน จนทุกคนรับรู้ได้ถึงแววตาอันเย็นชาของนาง พวกเขาก็ปิดปากเงียบเสียงลงในที่สุด แต่ละคนๆ เหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น

“กลับไปข้าค่อยจัดการพวกเจ้า!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน