หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 322 เจ้าก็คือสัญชาตญาณของข้า

บทที่ 322 เจ้าก็คือสัญชาตญาณของข้า

บทที่ 322 เจ้าก็คือสัญชาตญาณของข้า

ตอนที่อยู่ในบนสนามม้าหลวงนางได้บรรเลงบทเพลง《ซุ่มโจมตีสิบทิศ》ดังนั้นจึงปรากฏภาพสงครามการต่อสู้ขึ้น และมีภาพของหญิงสาวที่ถือกู่ฉินกระโดดกำแพงเมืองไป

ตอนอยู่บนต้นบุพเพ นางได้บรรเลงเพลง 《ห่านป่าร่อนถลาลงพื้นทราย》ก็เกิดภาพลวงตาขึ้นมาเช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าในตอนสุดท้ายแล้ว กู่ฉินมันจะมีความคดวิธีการของมันเอง โดยการบรรเลงบทเพลงที่น่าสลดโศกเศร้าออกมา

แต่สุดท้ายแล้วภาพลวงตาก็ยังคงปรากฏขึ้นไม่ใช่หรือไร?

เช่นนั้นตอนนี้ควรจะบรรเลงบทเพลงอะไรภาพลวงตาถึงจะปรากฏออกมา?

คิดไปคิดมา หลานเยาเยาก็ยังคิดไม่ออก จึงตัดสินใจหันหน้าไปถามเย่แจ๋หยิ่ง

“ท่านคิดว่าในบรรยากาศเช่นนี้ เหมาะกับบทเพลงเช่นนั้นหรือ?”

เย่แจ๋หยิ่งที่ไม่ทันคิดสิ่งใด ก็พูดออกมาสอนคำ

“เยือกเย็น”

“……”

เอ่อ……

มีบทเพลงอันเยือกเย็นด้วยงั้นหรือ?

นางเคยฟังแต่บทเพลงเศร้า เพลงร่าเริง เพลงร็อค แต่ไม่เคยได้ยินเพลงเยือกเย็นมาก่อนเลย?

และแล้ว!

นางจึงส่งจิ่วเซียวหวงเพ่ยมาไว้ตรงหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง พลางพูดอย่างยั่วยุ

“ท่านลองมาบรรเลงบทเพลงเย็นชาให้ข้าได้ฟังสักนิดเถอะ?ถ้าหากท่านบรรเลงออกมาได้ ข้าจะยอมเปลี่ยนชื่อสกุลเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!รอยยิ้มก็ประกายออกมาจากแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง เขารับพิณกู่ฉินจื่อหลิงมา แล้วโน้มตัวลงข้างหูของนาง พูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

“เปลี่ยนชื่อสกุลไม่ดีนักหรอก ข้าว่าเจ้าควรจะเปลี่ยนมาใช้สกุลของข้าจะดีกว่า เจ้าว่าอย่างไร?”

หลังจากกล่าวจบ

เย่แจ๋หยิ่งกลับไม่ได้ถอยออกไป เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆข้างๆหูของนาง แล้วใช้ปากสัมผัสหูของนางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลานเยาเยาหน้าเริ่มแดง หูร้อนวูบขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง

หมอนี่ ชอบทำเรื่องไร้ยางอายกับนางมากขึ้นเรื่อยๆเลย

ดังนั้น นางจึงเลี่ยงที่จะโดนการเกี้ยวพาราสีอันจงใจจากเขา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย

“ไม่ว่าอย่างไรทั้งสิ้น!ท่านรีบบรรเลงเถอะ”

หากบรรเลงออกมาไม่ได้ ก็เตรียมรับบทลงโทษการระเบิดสามสิบหกกระบวนท่าของตระกูลหลานซะ!

ต้องทำให้เขาได้รู้ว่า การพูดเรื่องเช่นนั้นออกมา ไม่ใช่สิ่งที่จะมาล้อเล่นกับสตรีอย่างนางได้ นางหลงกลเพียงครู่เดียวเท่านั้น

“ยังไม่ได้ฤกษ์ที่ดี?”

สำหรับการเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วของนาง เย่แจ๋หยิ่งนั้นรู้สึกชินชาไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาก็ยังไม่รู้เดือดรู้ร้อนอะไรเช่นเคย]

“ยังต้องรอฤกษ์งั้นหรือ?บรรเลงไม่ได้ใช่หรือไม่?ไม่บรรเลงไม่ได้เป็นอันขาด ท่านเป็นผู้กล่าวเองว่าจะบรรเลงแบบเย็นชา ในเมื่อพูดออกได้ ท่านก็ต้องทำให้ได้”

“เยาเยา……”

“อย่าพูดมาก รีบบรรเลงเถอะ”

จริงๆเสียเลย ก็เพียงบรรเลงเพลงแบบเย็นชาที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเท่านั้นไม่ใช่หรือไร?ถ้าบรรเลงไม่ได้ นางก็ไม่เยาะเย้ยเขาหรอก จะไปยั่วโมโหเขาเสียเปล่า

ยังจะชักช้า ลีลาอีก

คิดจะทำการใด?

“อ๋อ!”

เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ฤกษ์ดี เย่แจ๋หยิ่งก็เริ่มไม่สนใจแล้ว

ทว่า!ในตอนที่จะเริ่มดีดบรรเลงกู่ฉิน สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็กลายเป็นนิ่งสงบ บรรยากาศโดยรอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย

แล้วความเหน็บหนาวอันเยือกเย็นก็คืบคลานเข้ามา จากนั้นนิ้วเรียวยาวของเขาก็ดีดลงไปบนสาย แล้วเสียงเพลงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นมา

“เต๊งๆๆๆๆๆๆ……”

ทันทีที่เสียงดนตรีดังขึ้นมา บรรยากาศโดยรอบก็เย็นตัวลงทันที แม้แต่หมอกที่อยู่เหนือพื้นน้ำแข็งก็แข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ

จากนั้นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดั่งเช่นหิมะ ล่วงหล่นลงมาท่ามกลางพื้นที่ที่ทั้งสองอยู่

“……”

พระเจ้าช่วย!

สุดยอด!

บทเพลงอันเยือกเย็น โทนเสียงอันเย็นเยือก ท่วงทำนองอันเย็นชา บรรยากาศอันหนาวเหน็บ ตามด้วยคนดีดบรรเลงกู่ฉินที่เย็นชา

ทุกอย่างล้วนเย็นยะเยือก

เหน็บหนาวจนขนลุกซู่ เส้นผมที่เกือบกลายเป็นน้ำแข็ง

คิดไม่ถึงว่าเย่แจ๋หยิ่งจะสามารถบรรเลงบทเพลงเยือกเย็นเช่นนี้ออกมาได้

เมื่อเห็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆโปรยปรายลงมารอบตัวของพวกเขา หลานเยาเยาก็ที่จะถูมือของตัวเองไปมาไม่ได้

แต่ว่า……

สถานที่หนาวเย็นเช่นนี้ บรรเลงเพลงอันเยือกเย็นเช่นนี้ ดีจริงๆหรือ?

สิ่งที่จะทำให้บรรยากาศแย่ลง ก็คงจะเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังอยู่นี่เอง……

ไอ๊โย!

เย็นจริง!

แต่เพื่อการปรากฏของภาพลวงตา นางจะต้องอดทน แล้วก็อดทน

แค่คิดเรื่องดีๆไว้ ก็คงไม่หนาวแล้ว

ไก่ชิ้นใหญ่ๆ

เนื้อชิ้นใหญ่ๆ

ทองคำที่ร่วงมามาจากฟ้า

วัตถุดิบยาที่ล่องลอยเต็มท้องฟ้า……

เมื่อคิดถึงเรื่องฝันกลางวันเช่นนี้ ก็ทำให้ใจอุ่นขึ้นมาเยอะเลย

แม่จ๋า ก็ยังหนาวอยู่ดี!

แต่ว่า บทเพลงที่เย่แจ๋หยิ่งกำลังดีดบรรเลงอยู่นี้ ถึงมันจะหนาวเย็นจนเข้ากระดูกดำ แต่เมื่อฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วมันก็ถือว่าไพเราะมากๆ

และแล้ว เวลานี้คนที่ดีดบรรเลงกู่ฉินที่เย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุดอย่างเย่แจ๋หยิ่ง ซึ่งก็ไม่ต่างเทพเจ้าที่ลงมายังโลก ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกกลัวจนไม่อาจเข้าใกล้

แต่แล้วทันใดนั้น!

บทเพลงกู่ฉินอันเยือกเย็นก็หยุดลง แล้วเกล็ดน้ำแข็งที่โปรยปรายลงมาก็ละลายสลายหายไป พร้อมกับบรรยากาศอันเหน็บหนาวก็จางหายไปเช่นกัน

“เหตุใดถึงไม่บรรเลงแล้วเล่า?”นางถามอย่างไม่เข้าใจ

เย่แจ๋หยิ่งจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาฉายแววให้เห็นถึงความเอ็นดู พลางเอื้อมมืออันเรียวยาวขึ้นมาปัดเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนขนตาของนางออก แล้วมันก็ละลายหายไปทันที

“เพราะเจ้าใกล้จะกลายเป็นเจ้าก้อนน้ำแข็งไปแล้ว”

“เพราะท่านที่ทนหนาวไม่ได้ต่างหาก!” เมื่อกี้ทั้งขนตาและเส้นผมของเขาถูกเกาะด้วยเกล็ดน้ำแข็งต่างหากเล่า!

ได้ยินเช่นนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งยกมุมปากขึ้น โดยไม่กล่าวสิ่งใด แล้วส่งจิ่วเซียวหวงเพ่ยคืนให้กับนาง

หลานเยาเยาที่รับกู่ฉินกลับมาพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น ไม่มีภาพลวงตาเกิดขึ้น บทเพลงนี้มีปัญหางั้นหรือ?

ดังนั้นนางจึงคิดบทเพลงอันล้ำเลิศขึ้นมา ทำนองนั้นทั้งไพเราะ และนางเองก็สามารถเล่นมันได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

แต่ก็ยังไม่ปรากฏภาพลวงตาขึ้นมา

ดูท่าแล้วการใช้ประโยชน์จากจิ่วเซียวหวงเพ่ยในการสร้างภาพลวงตานั้น จะใช้ไม่ได้ผลกับกลไกของเขาวงกตแห่งนี้

แม้แต่!

บทเพลงที่ใช้ในการสร้างภาพลวงตายังใช้ไม่ได้ผล

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นเลย

หรือต่อให้หาเจแล้ว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นภาพลวงตาของที่นี่ มีโอกาสที่จะเป็นภาพลวงตาแบบอื่น

อย่างเช่นตอนที่บรรเลงจิ่วเซียวหวงเพ่ยในสนามม้าหลวง ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นคือสงคราม

ในตอนบรรเลงบนต้นไม้บุพเพ ก็เป็นภาพลวงตาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นของต้นไม้บุพเพ

ถ้าหากเกิดภาพลวงตาที่นี่ ก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้เช่นกันว่าจะเป็นเรื่องราวความรักที่เจ็บปวดเรื่องใด

และแล้ว!นางก็มีความคิดผุดขึ้นมา

จึงได้บรรเลงก่อนหน้านี้ที่อาจทำให้เกิดภาพลวงตาอีกครั้ง ผลไปตามที่คาดคิดไว้คือ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่ท้อแท้ พลางเอามือจับคางเอาไว้ข้างหนึ่ง แล้วถอนหายใจ

“เอ๊ะ……”

“ดูแล้ววิธีการนี้จะใช้ไม่ได้ผล!”

“อย่างน้อยบทเพลงก็ไพเราะ”

เย่แจ๋หยิ่งและหลานเยาเยานั่งลงตรงข้ามกันบนเตียงเปลเคลื่อนที่ ซึ่งในตอนนี้เตียงเปลเองก็ค่อยๆเลื่อนช้าลง

เย่แจ๋หยิ่งจึงไขว้มือไปด้านหลัง แล้วปล่อยพลังภายในออกมาบนพื้นน้ำแข็ง ด้วยการกระทำเช่นนี้ทำให้เตียงเปลเคลื่อนไปได้เร็วยิ่งขึ้น

“ไพเราะ นั่นแน่นอนแล้ว แต่ไพเราะมีประโยชน์อะไรเล่า?สิ่งสำคัญของพวกเราในตอนนี้คือการหาว่ากลไกมันอยู่หนใด”

“เจ้าบรรเลงต่อไป อย่างไรเสียก็ไม่มีทางสิ้นสุดของอุโมงค์แห่งนี้ เรื่องหากลไกบนพื้นน้ำแข็งให้ข้าจัดการเถอะ

ความลับของพิณกู่ฉินจื่อหลิง คนธรรมดาทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้ ไม่แน่มันอาจจะสามารถช่วยพวกเราหากลไกจนพบก็เป็นได้”

ได้ยินดังนั้น!ดวงตาของหลานเยาเยาก็เบิกกว้าง แววตาส่องสว่างมองไปยังเย่แจ๋หยิ่ง

“ท่านเชื่อข้าจริงๆงั้นหรือ?”

“ข้าเชื่อสัญชาตญาณเท่านั้น”ในขณะที่พูด รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆยกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้า“และเจ้า······ก็คือสัญชาตญาณของข้า”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท