หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 325 อบอุ่น

บทที่ 325 อบอุ่น

บทที่ 325 อบอุ่น

ส่วนชุดของของฝ่ายบุรุษก็งดงามสูงส่งไม่ต่างกัน ดูแล้วนี่คงจะเป็นชุดอภิเษกที่ใช้ในงานอภิเษกของผู้ที่สูงศักดิ์อย่างมากใช้กัน

แต่ชุดอภิเษกในราชวงศ์ของประเทศก่วงส้าก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้

ทั้งมันยังแตกต่างจากชุดอภิเษกของประเทศอื่นๆอีกด้วย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลานเยาเยากล้ามั่นใจได้เลยว่าความหรูหราและล้ำค่าของชุดอภิเษกแบบนี้ที่อยู่ตรงหน้านี้นั้นแตกต่างจากประเทศอื่นเป็นแน่

สวรรค์!

ที่นี่เคยเป็นลานพิธีอภิเษกของใครบางคนมาก่อนอย่างนั้นหรือ?

แต่ดูแล้ว ชุดอภิเษกนี้ราวกับยังไม่เคยถูกสวมใส่มาก่อน อาจจะเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้น จึงได้ทำให้พิธีอภิเษกถูกยุติลงแล้วทำให้ชุดอภิเษกจึงได้ถูกเก็บเอาไว้เช่นนี้

“เย่แจ๋หยิ่ง ที่ตรงนี้จะต้องมีคนเคยมาเป็นแน่ ทั้งยังเคยอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่พบผู้ใดเลย และยังไม่พบแม้แต่ศพเลยด้วย เช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าที่นี่จะต้องมีทางออกแน่”

ทางออกนั้นมีอยู่เป็นแน่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการค้นหาเท่านั้น

ขณะนั้นเอง!

เย่แจ๋หยิ่งสัมผัสชุดอภิเษกเบาๆ แล้วสีหน้าของเขาก็หมองลง ก่อนจะลุกขึ้นออกไปทันที

ทำให้หลานเยาเยารู้สึกมึนงงเล็กน้อย

กำลังดีๆอยู่ เหตุใดอยู่ๆถึงกลายเป็นเศร้าเสียแล้ว?

ไม่สนใจแล้ว ตอนนี้หาทางออกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

แต่ทว่า!นางก็ได้เดินออกไปสำรวจดูทั้งนอกและด้านในของพระราชวังน้ำแข็ง ราวกับว่าจะมุดแผ่นดินเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังหาทางออกไม่พบ

อย่าว่าแต่หาทางออกไม่พบเลย แม้แต่ร่องรอยเบาะแสสักนิดก็หาไม่พบเช่นกัน

ดังนั้น!นางจึงนั่งลงบนเตียงหยกอีกครั้ง

ด้วยความเหน็ดเหนื่อย พอนั่งๆอยู่ก็ล้มตัวลงไปนอน พอนอนไปนอนมาก็หลับไป ในขณะที่สะลืมสะลือ นางราวกับว่าได้ยินเสียงบรรเลงของจิ่วเซียวหวงเพ่ย ……

ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกอย่างเย่แจ๋หยิ่ง ได้เดินตามความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาวจนเดินไปถึงกำแพงน้ำแข็งอันหนึ่ง

เมื่อมองไปที่กำแพงน้ำแข็งที่เรียบและสะอาดนั้น ก็ได้เห็นว่าเหมือนมีบางอย่างถูกแช่แข็งอยู่ในนั้น

แล้ว!เขาจึงหลับตาลงอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังสัมผัสสิ่งใดอยู่

ในไม่ช้าดวงตาที่แข็งกระด้างของเขาก็ลืมขึ้นมา

จากนั้นเขาก็ยื่นมือขึ้นสัมผัสลงบนกำแพงน้ำแข็ง ค่อยๆขยับไปทีละนิดๆ ก่อนจะหยุดลงในจุดๆหนึ่งๆ แล้วใช้พลังภายในกระแทกเข้าไป

“โครม……”

ทันใดนั้น กำแพงน้ำแข็งก็แตกกลายเป็นดังใยแมงมุม แล้วโพรงทรงกลมที่สามารถรองรับได้เพียงคนคนเดียวก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา

เย่แจ๋หยิ่งชักมือกลับ แล้วเดินเข้าไปในโพรงนั้น

และทันทีที่เข้าก้าวเท้าเข้าไป ปากโพรงก็ปิดตัวลง แล้วอยู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมา

ซึ่งมันก็เจ็บปวดทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาตอนที่อยู่ในอุโมงค์นั้น……

ส่วนหลานเยาเยา

หลังจากที่นอนตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะยังไม่กลับมา

ดังนั้นหลานเยาเยาจึงมองไปยังจิ่วเซียวหวงเพ่ยที่วางอยู่ข้างกาย ดวงตาฉายแววสงสัย ก่อนจะรับลงมาจากเตียงหยก

คงไม่ได้เกิดเรื่องแล้วหรอกนะ?

นานขนาดนี้แต่ยังไม่กลับมา นางต้องออกไปตามหาเสียแล้ว

พระราชวังแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีนาดใหญ่เท่ากับตำหนักเทพธิดาของนาง แต่ก็นับว่าไม่ใช่สถานที่ขนาดเล็กในการตามหาใครสักคน ใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหาเจอ

หลังจากที่หลานเยาเยาออกไปตามหาอยู่นาน จนเกือบจะค้นหานอกพระราชวังอีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังคงหาไม่เจอ

“เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งๆ……”

นางรู้สึกหนาวจนต้องถูมือไปพลางตะโกนเรียกชื่อของเขาไปด้วย

เสียงก็ไม่ได้เบา ทั้งยังอยู่ในนี้ยังมีเสียงก้องกังวานกลับมาด้วย หากเย่แจ๋หยิ่งอยู่ที่นี่ก็น่าจะที่จะได้ยินเสียงเรียกนี้

ทว่า……

นางตะโกนเรียกเป็นเวลานาน กลับไม่มีการตอบกลับใดๆกลับมา

ในสถานการณ์ ก็มีความเป็นไปได้เพียงสองประการแล้ว

ประการแรกคือเย่แจ๋หยิ่งรับรู้ถึงความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในภาพลวงตานั้น และรู้หนทางที่จะออกไปจากที่นี่แล้ว ดังนั้นเขาจึงหนีออกไปก่อนแล้ว

ประการที่สองก็คือเพราะความทรงจำของชายหนุ่มชุดขาว จึงทำให้เขาเกิดอาการที่ไม่มั่นคง หมดสติไปแล้ว หรือว่า ……

นางไม่กล้าที่จะคิดมากเกินไปกว่านี้แล้ว

แต่ว่า ในสถานที่หนาวเหน็บเช่นนี้ แม้แต่คนร่างใหญ่ยังสามารถที่จะหนาวตายได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคนอ่อนแรงหรือคนที่หมดสติไป

พอคิดได้เช่นนี้

หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้า แล้วตะโกนเรียกออกไปด้วยเสียงที่ดังมากขึ้น

“เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งๆ ……”

เสียงตะโกนเรียกของนางสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากความหนาวเย็นที่ทำให้นางถึงกับปากสั่นไปหมดแล้ว และเป็นเพราะโอกาสที่เจอเย่แจ๋หยิ่งนั้นยิ่งน้อยขึ้นเรื่อยๆด้วย

“เย่แจ๋หยิ่ง……”

“อืม ข้าอยู่นี่”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่ทั้งทุ่มต่ำ และแผ่วเบา

หลานเยาเยารีบหันหน้ากลับไปทันที จึงได้เห็นเย่แจ๋หยิ่งกำลังยืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองมายังนาง

ราวกับหมื่นปีผันผ่าน สุดท้ายก็ได้เจอกับส่งที่ต้องการเสียที ……

ราวกับว่ามีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำที่อยากจะพูดออกมา

แต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มขึ้นมา โดยไม่กล่าวสิ่งใด

หลังจากที่หลานเยาเยาได้เห็นเขา หัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา แล้ววิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าไปซุกอ้อมแขนของเขา

“เย่แจ๋หยิ่ง ท่านไปแห่งใดมา?ท่านทราบหรือไม่ว่าการที่ท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ จะเกิดบทสรุปเช่นใด?”

เมื่อเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ความทุกข์ในใจก็พลันหล่นหายไป

หลานเยาเยาเอื้อมือขึ้นไปหวังจะทุบหน้าอกของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ก็ชะงักมือกลางอากาศ

ถ้าตีเขาเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร?

สมควรตาย!

สุดท้ายนางก็ทำใจไม่ได้ที่จะทุบตีเขา

ช่วยไม่ได้ นางจึงได้เพียงแต่ผลักเขาออก ก่อนจะถอยหลังสองก้าว แล้วยื่นมือให้เขา “กลับไปกับข้า”

“ได้!”เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า

เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือออกไปจับมือนางเอาไว้ แต่กลับไม่ได้เดินก้าวไป

หลานเยาเยาที่นำหน้าดึงมือเขา แต่เขากลับไม่ขยับ จึงมองไปด้วยความสงสัย และแววตาที่เกิดคำถามขึ้น:เหตุใดถึงไม่เดินนะ?

ผู้ใดจะรู้ว่า……

นางกลับถูกเย่แจ๋หยิ่งใช้แรงดึงนางเข้ามา แล้วนางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

จากนั้นเสียงอันทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นมาเหนือหัวของนาง

“ได้เจอเจ้าอีกครั้งนี่ดีจริงๆ!”

หลานเยาเยายิ้มขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยความหลงตัวเอง

“แน่นอนอยู่แล้ว!เพราะข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง ท่านจะทิ้งข้าได้อย่างไร?”

“เหอะๆ……”เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน

“อืม ไม่พรากจากเจ้าอีกแล้ว จะกี่พบกี่ชาติก็ไม่อาจพรากจากเจ้าอีก”

หลานเยาเยาถึงกับตะลึงงันทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็รัดมือที่กอดเขาแน่นมากขึ้นด้วยใจที่อบอุ่น

นางชอบเย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้ที่มอบความรู้สึกพวกนี้ให้กับนาง และยิ่งชอบตอนนี้ที่เขา……สารภาพรัก?

ยังไงเสียไม่ว่าจะใช่หรือไม่ นางก็คิดว่าใช่แล้ว

พวกเขาทั้งสองในเวลานี้กำลังสารภาพต่อกันงั้นหรือ?

ต้องใช่แน่นอน

แต่เพียงหวังว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ จะไม่เป็นดั่งจันทร์ในน้ำดอกไม้ในกระจกที่ล้วนแต่เป็นของจอมปลอม แล้วสุดท้ายมันก็เป็นภาพลวงตาที่อบอุ่นใจเท่านั้น

และยิ่งไม่อยากให้มันเป็นดั่งดอกถานฮวาชั่วค่ำคืน ที่เบ่งบานเพียงชั่วครู่เดียว แล้วหายลับไปภายในพริบตา

หลังจากกอดกันสักพัก หลานเยาเยาก็ผลักเขาออกเบาๆ แล้วดึงมือเขาเข้าไปในพระราชวังอีกครั้ง

“ร่างกายของท่านเย็นนัก ใกล้จะแข็งแล้ว ไปเถอะ พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”

ครั้งนี้ เย่แจ๋หยิ่งยอมเชื่อฟังให้หลานเยาเยาจูงมือเขาเดินเข้าไปภายในพระราชวังอย่างว่าง่าย เพียงครู่เดียวก็กลับมานั่งยังเตียงหยกแสนอบอุ่นแล้ว

ตั้งแต่ที่นั่งลงบนเตียงหยก หลานเยาเยาก็รู้สึกอยู่ไม่สุขตลอดเวลา

นางวางมือทั้งสองลงบนเตียงหยกอันอบอุ่น รอให้มันอุ่นแล้วก็ยื่นมือไปให้ความอุ่นกับร่างกายที่แสนเย็นของเย่แจ๋หยิ่ง พอมือเริ่มเย็นนางก็เอามือมาวางบนเตียงอีกครั้ง แล้วทำเช่นนี้ซ้ำอยู่หลายรอบ

แต่ว่าผ่านไปเพียงครู่เดียว

หลานเยาเยาก็ร้อนรน

“เหตุใดตัวท่านถึงได้เย็นเช่นนี้?”ดูจากท่าแล้วคงจะถูกแช่แข็ง เพราะอยู่ด้านนอกนานเกินไป

“ไม่เป็นอะไร!”เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นท่าทางกังวลของนาง จึงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วตอบกลับราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง :“อบอุ่นขึ้นก็พอแล้ว”

คำพูดนี้ หลานเยาเยาเองก็เห็นด้วยอย่างมาก

เพียงแค่อบอุ่น……

แล้วอบอุ่นอย่างไร?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท